คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ซื้อขาย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,032 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3869/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความหนี้ซื้อขายเงินเชื่อภาครัฐ: การซื้อขายโดยไม่มีใบสั่งซื้อที่ถูกต้องตามระเบียบ และการชำระหนี้เมื่อมีงบประมาณ
โจทก์เป็นพ่อค้าเรียกค่าส่งมอบสินค้าประเภทเครื่องเขียนและแบบพิมพ์จากจำเลย ซึ่งได้รับมอบสินค้าจากโจทก์ในระหว่างเดือนตุลาคม 2519 ถึงเดือนมีนาคม 2520 โดยไม่มีใบสั่งซื้อที่ถูกต้องตามระเบียบของทางราชการคงมีแต่ใบยืมของชั่วคราว อันเป็นการสมัครใจของโจทก์เองโดยไม่คำนึงถึงระเบียบของทางราชการ จำเลยมีหนังสือลงวันที่ 20 สิงหาคม 2520 แจ้งให้โจทก์และผู้อื่นแจ้งหนี้ที่มีอยู่แก่จำเลยภายในวันที่ 25 สิงหาคม 2520 หาพ้นกำหนดแล้วจำเลยจะไม่รับผิดชอบและถือว่าเป็นหนี้สินส่วนตัว ซึ่งหมายความว่า ถ้ามีการสั่งซื้อโดยถูกต้องก็จะดำเนินการให้ภายในสิ้นเดือนกันยายน 2520 ซึ่งเป็นปีงบประมาณมิใช่เป็นการตกลงที่จะชำระให้เมื่อมีงบประมาณโดยไม่มีกำหนดเวลา และการที่จำเลยมีหนังสือลงวันที่ 19 กันยายน 2521 แจ้งให้โจทก์ทราบว่ากำลังตรวจสอบหนี้สินรายพิพาทอยู่ หากมีหลักฐานเชื่อถือได้ก็จะพิจารณาดำเนินการต่อไปตามความเหมาะสมนั้น แปลไม่ได้ว่าเป็นการขอผัดผ่อนหรือเป็นการรับสภาพหนี้โจทก์นำคดีมาฟ้องเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2523 จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165 (1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3094/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ แม้การซื้อขายไม่สมบูรณ์และมีชื่อผู้เยาว์ในโฉนด
ธ.เป็นบิดาและเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของจำเลยธ.ซื้อที่ดินพิพาทมาเป็นกรรมสิทธิ์ของตนเอง แต่ใส่ชื่อจำเลยผู้เยาว์ไว้ในโฉนดแทน แล้วได้ขายที่ดินและตึกพิพาทให้โจทก์แม้ธ.จะขายให้โจทก์โดยมิได้รับอนุญาตจากศาล ก็ไม่ทำให้สิทธิการได้มาของโจทก์เสียไป เพราะจำเลยเพียงแต่มีชื่อในโฉนดเป็นการถือกรรมสิทธิ์แทน ธ.เท่านั้น หาใช่ทรัพย์พิพาทเป็นของจำเลยผู้เยาว์ไม่ หลังจากที่โจทก์ซื้อทรัพย์พิพาทจาก ธ. ธ.ไม่อาจโอนให้ได้เพราะโฉนดมีชื่อจำเลยซึ่งเป็นบุตรผู้เยาว์ ก็มิได้มีการตกลงกันเรื่องการโอนทางทะเบียนอีกเป็นการแน่นอนว่าจะโอนกันหรือไม่เมื่อใด โจทก์เข้าครอบครองทำประโยชน์ใช้เป็นสำนักงานสาขาสำเพ็ง ลงบัญชีว่าเป็นทรัพย์สินของโจทก์ เสียค่าภาษีที่ดิน ภาษีโรงเรือนเอง แจ้งให้ผู้ตรวจการธนาคารแห่งประเทศไทยทราบทุกครั้งว่าเป็นทรัพย์สินของโจทก์ ทั้งยังทำหนังสือแจ้งให้กระทรวงการคลังทราบทั้งยังขออนุมัติรื้อถอนตัวอาคารเมื่อย้ายสำนักงานสาขาไปตั้งยังที่แห่งใหม่ ซึ่งกระทรวงการคลังก็อนุมัติแสดงว่าทั้งโจทก์และนายธรรมนูญไม่ได้คำนึงถึงการที่จะทำการจดทะเบียนการโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์พิพาทให้ถูกต้องตามกฎหมายกันต่อไป ถือได้ว่านายธรรมนูญสละการครอบครองทรัพย์พิพาทให้แก่โจทก์โดยเด็ดขาด การครอบครองของโจทก์จึงเป็นการครอบครองอย่างเป็นเจ้าของ หาใช่ครอบครองตามสัญญาจะซื้อขายไม่ เมื่อเกินสิบปีโจทก์ย่อมได้กรรมสิทธิ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3049/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายกับข้อตกลงพิเศษ ไม่ถือเป็นนายหน้าหรือตัวแทน
โจทก์ซื้อกระจกจากบริษัท ก. แล้วขายต่อไปให้บริษัท ม. อีกต่อหนึ่ง ไม่ปรากฏว่าโจทก์เป็นผู้ทำการชี้ช่องหรือจัดการให้บริษัท ก.ได้เข้าทำสัญญากับผู้ใด หรือโจทก์ได้ขายกระจกแทนบริษัท ก.และหนังสือสัญญาระหว่างโจทก์ กับบริษัท ก. ก็ระบุไว้ด้วยว่า ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองฝ่ายไม่ใช่เป็นความสัมพันธ์ในทางตัวการตัวแทนแต่เป็นความสัมพันธ์ระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย โจทก์จึงมิได้เป็นนายหน้าหรือตัวแทนของบริษัท ก.
การที่โจทก์ตกลงให้บริษัท ก. มีส่วนกำหนดตัวผู้ซื้อกระจกต่อจากโจทก์กับมีส่วนในการกำหนดราคาที่โจทก์จะขายต่อไปและโจทก์จะสั่งซื้อกระจกต่อเมื่อมีผู้สั่งกระจกจากโจทก์ตลอดจนบริษัท ก. ส่งกระจกที่โจทก์สั่งซื้อตรงไปยังลูกค้าของโจทก์ หาเป็นสาระสำคัญทำให้โจทก์สิ้นสภาพจากการเป็นผู้ซื้อหรือผู้ขาย กลายเป็นนายหน้าหรือ ตัวแทนไปแต่อย่างใดไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3049/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายกับข้อตกลงพิเศษ ไม่ถือเป็นนายหน้า/ตัวแทน
โจทก์ซื้อกระจกจากบริษัท ก. แล้วขายต่อไปให้บริษัทม. อีกต่อหนึ่ง ไม่ปรากฏว่าโจทก์เป็นผู้ทำการชี้ช่องหรือจัดการให้บริษัท ก. ได้เข้าทำสัญญากับผู้ใด หรือโจทก์ได้ขายกระจกแทนบริษัท ก.และหนังสือสัญญาระหว่างโจทก์ กับบริษัท ก. ก็ระบุไว้ด้วยว่า ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองฝ่ายไม่ใช่เป็นความสัมพันธ์ในทางตัวการตัวแทนแต่เป็นความสัมพันธ์ระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย โจทก์จึงมิได้เป็นนายหน้าหรือตัวแทนของบริษัท ก. การที่โจทก์ตกลงให้บริษัท ก. มีส่วนกำหนดตัวผู้ซื้อกระจกต่อจากโจทก์กับมีส่วนในการกำหนดราคาที่โจทก์จะขายต่อไป และโจทก์จะสั่งซื้อกระจกต่อเมื่อมีผู้สั่งกระจกจากโจทก์ ตลอดจนบริษัท ก. ส่งกระจกที่โจทก์สั่งซื้อตรงไปยังลูกค้าของโจทก์ หาเป็นสาระสำคัญทำให้โจทก์สิ้นสภาพจากการเป็นผู้ซื้อหรือผู้ขาย กลายเป็นนายหน้าหรือ ตัวแทนไปแต่อย่างใดไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2868/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในครั่งโอนทันทีเมื่อซื้อขายเสร็จเด็ดขาด แม้ยังไม่ชำระเงินครบ การเอาไปไม่เป็นลักทรัพย์
ผู้เสียหายตกลงขายครั่งให้แก่จำเลยในราคา 400 บาท จำเลยขอแกะครั่งจากไม้ก่อน เมื่อแกะครั่งแล้ว ก่อนเอาครั่งไปจะชำระเงินอีก 300 บาท โดยไม่ได้ตกลงให้ถือเอาการชำระเงินเป็นเงื่อนไขในการโอนกรรมสิทธิ์ ข้อตกลงดังกล่าวจึงมิใช่เงื่อนไขที่จะทำให้กรรมสิทธิ์ในครั่งไม่โอนไปยังจำเลย การตกลงซื้อขายครั่งระหว่างผู้เสียหายกับจำเลยเป็นการซื้อขายเสร็จเด็ดขาด เพราะเป็นการซื้อเหมาครั่งที่มีจำนวนแน่นอน เมื่อตกลงซื้อขายด้วยวาจากรรมสิทธิ์ในทรัพย์ที่ซื้อขายย่อมโอนไปยังผู้ซื้อทันทีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 458 การที่จำเลยเอาทรัพย์อันเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยไป จึงไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2868/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินโอนทันทีเมื่อทำสัญญาซื้อขายเสร็จเด็ดขาด แม้ยังไม่ชำระเงินครบ
ผู้เสียหายตกลงขายครั่งให้แก่จำเลยในราคา 400 บาทจำเลยขอ แกะครั่งจากไม้ก่อน เมื่อแกะครั่งแล้วก่อนเอาครั่งไปจะชำระเงินอีก 300 บาทโดยไม่ได้ตกลงให้ถือเอาการชำระเงินเป็นเงื่อนไขในการ โอนกรรมสิทธิ์ข้อตกลงดังกล่าว จึงมิใช่เงื่อนไขที่จะทำให้กรรมสิทธิ์ ในครั่งไม่โอนไปยัง จำเลยการตกลงซื้อขายครั่งระหว่างผู้เสียหาย กับจำเลยเป็น การซื้อขายเสร็จเด็ดขาดเพราะเป็นการซื้อเหมาครั่ง ที่มี จำนวนแน่นอน เมื่อตกลงซื้อขายด้วยวาจากรรมสิทธิ์ในทรัพย์ที่ซื้อขายย่อมโอนไปยังผู้ซื้อทันทีตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา458 การที่จำเลยเอา ทรัพย์อันเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยไป จึงไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2434/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดินมี น.ส.3 ต้องจดทะเบียน มิฉะนั้นสิทธิครอบครองยังไม่สมบูรณ์ แต่การครอบครองภายหลังย่อมมีผล
การโอนสิทธิครอบครองเนื่องจากมีการซื้อขายที่ดินที่มีหนังสือรับรองการทำประโยชน์แล้วนั้นย่อมทำได้โดยสมบูรณ์ ด้วยการทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม ประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 4 ทวิ ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 96 ข้อ 2 ซึ่งเป็นการกระทำตามแบบของกฎหมายประการ หนึ่งกับกระทำการโอนโดยข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1377, 1378 อีกประการหนึ่งซึ่งไม่ต้องมีแบบการที่โจทก์ขายที่พิพาทอันเป็นที่มี น.ส.3 ให้จำเลยโดยทำหนังสือสัญญาซื้อขายกันเองและจำเลยได้เข้าครอบครองยึดถือที่พิพาทหลังจากทำการซื้อจากโจทก์แล้วโดยปลูกบ้าน ปลูกต้นไม้และสร้างยุ้งข้าวจำเลยจึงได้มาซึ่งสิทธิครอบครองโดยประการหลังหาจำต้องทำตามแบบของนิติกรรมไม่ และกรณีเช่นนี้ไม่เป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 115

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1547/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดินเช่าเกษตรกรรมต้องปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย คชก. ก่อนฟ้องร้อง
การฟ้องขอให้ผู้รับโอนโอนนา หรือที่ดินเพื่อประกอบเกษตรกรรมประเภทอื่นซึ่งมีพระราชกฤษฎีกาควบคุมให้แก่ผู้เช่าโดยอ้างว่าผู้ให้เช่าขายไปโดยมิได้แจ้งให้ผู้เช่าทราบนั้น ผู้เช่าจะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายเสียก่อนกล่าวคือต้องมีการร้องขอต่อ คชก.ตำบลเพื่อวินิจฉัยก่อน หากไม่พอใจคำวินิจฉัยของ คชก.ตำบลก็ต้องอุทธรณ์ต่อไปยัง คชก.จังหวัดเมื่อ คชก.จังหวัดวินิจฉัยแล้วยังไม่เป็นที่พอใจ จึงจะมีสิทธิฟ้องคดีได้ เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้เช่าบรรยายฟ้องแต่เพียงว่าโจทก์ขอซื้อจากจำเลย จำเลยไม่ยอมขายโจทก์ก็มาฟ้องทันทีโดยมิได้ปฏิบัติตามขั้นตอนที่กฎหมายบังคับไว้เช่นนี้ ชอบที่จะยกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 950-953/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลคำพิพากษาผูกพันคู่ความเดิม การครอบครองหลังคำพิพากษาถือเป็นการครอบครองแทนเจ้าของเดิม สิทธิครอบครองและการซื้อขาย
เดิมจำเลยที่ 3 และที่ 5 เป็นโจทก์ฟ้องขับไล่ ว.ออกจากที่พิพาทศาลพิพากษายกฟ้อง โดยฟังข้อเท็จจริงว่าที่พิพาทเป็นของฉ.ภริยาว. ไม่ใช่ของจำเลย ที่3 และที่ 5 คดีถึงที่สุดแล้วหลังจากนั้นจำเลยทั้งหกว.และฉ. ก็ยังคงอาศัยอยู่ในที่พิพาทโดยจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 4 และที่ 6 อาศัยสิทธิจำเลยที่ 3 และที่ 5 ปลูกสร้างอยู่อาศัยในที่พิพาทด้วยต่อมาโจทก์ได้รับโอนสิทธิครอบครองที่พิพาทจากฉ. และฟ้องขับไล่จำเลยทั้งหกให้ออกไปจากที่พิพาทเป็นคดีนี้ดังนี้ ผลแห่งคำพิพากษาซึ่งถึงที่สุดในคดีก่อนย่อมผูกพันจำเลยที่ 3 และที่ 5 ในคดีนี้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 การครอบครองที่พิพาทของจำเลยหลังจากศาลพิพากษาถึงที่สุดถือว่าเป็นการครอบครองแทนผู้ชนะคดี จึงต้องถือว่าจำเลยทั้งหกอยู่ในที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิของ ฉ. ตามคำให้การจำเลยไม่ปรากฏว่าจำเลยคนใดได้มีการบอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือเพื่อตนไปยังผู้ครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381เพื่อการเริ่มต้นนับระยะเวลาแย่งการครอบครองโดยมิชอบตามมาตรา1375 เป็นประเด็นไว้จำเลยที่ 3 และที่ 5 จึงไม่อาจยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ฉ. เจ้าของผู้ครอบครองที่พิพาทคนเดิมและโจทก์ผู้รับโอนซึ่งสิทธิและหน้าที่ในที่พิพาทจากเจ้าของเดิมได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3488/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจหน้าที่กรมการค้าต่างประเทศในการซื้อขายข้าวสำรอง และการส่งหนังสือทวงหนี้โดยชอบ
กระทรวงพาณิชย์มีวัตถุประสงค์รวมตลอดถึงการซื้อขายและ แลกเปลี่ยนสินค้าด้วยตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 216 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาและรับผิดชอบในการ ปฏิบัติราชการของกระทรวงย่อมมีอำนาจมอบหมายให้ กรมการค้าต่างประเทศโจทก์ซึ่งเป็นกรมในสังกัด ปฏิบัติราชการ ส่วนใดส่วนหนึ่งตามวัตถุประสงค์ของกระทรวงได้ เมื่อกระทรวง มอบหมายให้โจทก์ซึ่งมีหน้าที่ส่งเสริมควบคุมเกี่ยวกับการค้า ต่างประเทศโดยเฉพาะมีหน้าที่ควบคุมการอนุญาตให้ค้าข้าวส่งออก ไปต่างประเทศ ทำหน้าที่เป็นผู้ซื้อข้าวส่งออกไปต่างประเทศ ทำหน้าที่เป็นผู้ซื้อข้าวสำรองเพื่อการบริโภคภายในประเทศ โจทก์ก็ย่อมมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายที่จะตกลงทำ สัญญาซื้อข้าวสำรองเพื่อการบริโภคภายในประเทศกับจำเลยได้โดย ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ส่งหนังสือทวงถามไปยังจำเลย ณ ที่ตั้งสำนักงานของ จำเลยตามที่ระบุไว้ในหนังสือรับรองการขายข้าวสำรองที่จำเลย ทำให้โจทก์ไว้ มีผู้ลงชื่อรับหนังสือทวงถามแล้ว แม้ จำเลยจะมีภูมิลำเนาตามที่ได้จดทะเบียนไว้แตกต่างออกไป ก็ต้องถือว่าที่ตั้งสำนักงานประกอบกิจการของจำเลยตามความ เป็นจริงเป็นภูมิลำเนาของจำเลยด้วย
of 104