พบผลลัพธ์ทั้งหมด 787 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 22/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าที่ดิน: การอยู่ในที่ดินหลังบอกเลิกสัญญา ไม่ถึงขั้นเป็นความผิดฐานบุกรุก
ผู้เช่าที่ดินด้วยวาจาไม่ชำระค่าเช่าและไม่ออกจากที่เช่าตามที่เจ้าของที่ดินบอกเลิกการเช่า ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 362
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 21/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินโดยอาศัยสิทธิสัญญาเช่าก่อนการโอนกรรมสิทธิ์ ไม่ถือเป็นความผิดฐานบุกรุก
จำเลยเข้าไปปลูกสร้างอาคารในที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิตามสัญญาเช่าจากเจ้าของเดิมก่อนโจทก์รับโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทและเมื่อโจทก์รับโอนที่พิพาทมาแล้ว ก็ยังให้จำเลยเช่าต่อมา แล้วโจทก์บอกเลิกการเช่า จำเลยไม่ยอมออกไปการที่จำเลยยังคงอยู่ในที่พิพาทไม่ยอมออกไป ไม่เป็นความผิดฐานบุกรุก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 20/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอยู่ในที่ดินหลังบอกเลิกสัญญาเช่า ไม่เป็นความผิดฐานบุกรุก หากเคยมีสิทธิครอบครองมาก่อน
จำเลยเข้าไปปลูกสร้างอาคารในที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิตามสัญญาเช่าจากเจ้าของเดิมก่อนโจทก์รับโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาท และเมื่อโจทก์รับโอนที่พิพาทมาแล้ว ก็ยังให้จำเลยเช่าต่อมา แล้วโจทก์บอกเลิกการเช่า จำเลยไม่ยอมออกไป การที่จำเลยยังคงอยู่ในที่พิพาทไม่ยอมออกไป ไม่เป็นความผิดฐานบุกรุก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1916/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่ออายุสัญญาเช่านาตาม พ.ร.บ.ควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 และความผิดฐานบุกรุก
ขณะที่พระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 มีผลใช้บังคับ คือวันที่ 18 ธันวาคม 2517 ผู้เสียหายเช่ายังเช่านาพิพาทอยู่ และเป็นการเช่าที่ไม่มีกำหนดเวลา หรือมีกำหนดเวลาแต่ต่ำกว่า 6 ปี กำหนดการเช่านาที่ทำไว้เดิมนั้นก็ต้องยืดออกไปอีก 6 ปี โดยผู้เสียหายไม่จำเป็นต้องแสดงเจตนาจะเช่านาต่อไป และต้องไปตกลงกันใหม่กับจำเลยเจ้าของนาอีก เว้นแต่ผู้เสียหายไม่ประสงค์จะเช่านาต่อไปตามมาตรา 46
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1876/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์และการแย่งการครอบครอง: การเข้าครอบครองโดยเชื่อว่าเป็นเจ้าของ ไม่ถือเป็นความผิดฐานบุกรุก
จำเลยฟ้องคดีแพ่งว่า ม.บุกรุกที่ดินของจำเลย ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย แต่ ม. แย่งการครอบครองไปแล้ว คงเป็นของจำเลย 15 ไร่ ระหว่างฎีกาจำเลยจ้างคนเข้าหยอดปอในที่ดินส่วนที่ศาลพิพากษาว่าเป็นของ ม. และพนักงานอัยการได้ฟ้องจำเลย ข้อหาบุกรุก ศาลพิพากษายกฟ้องโดยเห็นว่าที่ดินที่กล่าวหายังพิพาทเป็นคดีแพ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ฟังไม่ได้ว่าใครเป็นเจ้าของผู้มีสิทธิโดยแน่แท้ ยังไม่มีมูลความผิดทางอาญาคดีถึงที่สุด ต่อมาเมื่อคดีแพ่งยุติลงว่าที่ดินเป็นของจำเลย 15 ไร่แล้ว จำเลยได้จ้างคนเข้ารื้อที่ดินเป็นส่วนของ ม. อีก ดังนี้ จำเลยเข้าครอบครองที่พิพาทตั้งแต่เข้าหยอดปอ ซึ่งศาลพิพากษายกฟ้องฐานบุกรุกไปแล้ว เป็นเรื่องที่จำเลยยังไม่ยอมสละการครอบครอง มิใช่เข้าไปไถ่ที่พิพาทเป็นการแย่งการครอบครองใหม่ จึงไม่เป็นความผิดฐานบุกรุก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1811/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาการกระทำผิดบุกรุกที่ดินสาธารณะ หากผู้กระทำเชื่อว่ากระทำได้โดยสุจริต ถือไม่มีความผิด
ที่ดินตาม ส.ค. 1 ซึ่งมีชื่อบิดาจำเลยครอบครองมา เป็นที่สาธารณะที่ทางราชการสงวนไว้เป็นทุ่งสำหรับเลี้ยงสัตว์ร่วมกัน จำเลยเข้าไปแผ้วถางก่อสร้างในที่ดินนั้นโดยเข้าใจว่าจำเลยกระทำได้ เป็นการขาดเจตนาในการกระทำผิดทางอาญา จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานบุกรุกที่ดินของรัฐโดยมิได้รับอนุญาต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1131/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของกรรมสิทธิ์มีอำนาจฟ้องขับไล่ผู้บุกรุก แม้จะเคยมีสัญญาเช่าปากเปล่าหรือไม่ก็ตาม
ที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ตามที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์ให้บุคคลภายนอกเช่าที่พิพาทไปแล้ว โจทก์ก็มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลย
โจทก์ฟ้องว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ ให้จำเลยอาศัย โจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยออกไปแล้ว จำเลยไม่ออก โดยเพิกเฉยอยู่ ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้ขับไล่และเรียกค่าเสียหาย จึงเป็นการฟ้องอ้างว่าจำเลยอยู่ในที่พิพาทโดยละเมิด มิใช่เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องร้องให้บังคับตามสัญญาเช่าที่ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือแต่อย่างใด โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง การที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยอาศัย เป็นเพียงการกล่าวถึงมูลกรณีเดิม ว่าจำเลยเข้าอยู่ในที่พิพาทได้อย่างไรเท่านั้น แม้ทางพิจารณาจะได้ความว่าจำเลยเข้าอยู่ในในที่พิพาทโดยการเช่าที่ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ แต่เมื่อโจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยออกไปแล้ว ยังขืนอยู่ต่อมา ก็เป็นการอยู่โดยละเมิดตรงตามฟ้องโจทก์นั่นเอง ศาลจึงพิพากษาขับไล่จำเลยได้ หาเป็นการนอกฟ้องนอกประเด็นไม่
โจทก์ฟ้องว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ ให้จำเลยอาศัย โจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยออกไปแล้ว จำเลยไม่ออก โดยเพิกเฉยอยู่ ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้ขับไล่และเรียกค่าเสียหาย จึงเป็นการฟ้องอ้างว่าจำเลยอยู่ในที่พิพาทโดยละเมิด มิใช่เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องร้องให้บังคับตามสัญญาเช่าที่ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือแต่อย่างใด โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง การที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยอาศัย เป็นเพียงการกล่าวถึงมูลกรณีเดิม ว่าจำเลยเข้าอยู่ในที่พิพาทได้อย่างไรเท่านั้น แม้ทางพิจารณาจะได้ความว่าจำเลยเข้าอยู่ในในที่พิพาทโดยการเช่าที่ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ แต่เมื่อโจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยออกไปแล้ว ยังขืนอยู่ต่อมา ก็เป็นการอยู่โดยละเมิดตรงตามฟ้องโจทก์นั่นเอง ศาลจึงพิพากษาขับไล่จำเลยได้ หาเป็นการนอกฟ้องนอกประเด็นไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 47/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกการครอบครอง แม้เจ้าของกรรมสิทธิ์อนุญาตให้ผู้อื่นอยู่อาศัย
แม้เรือนจะเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยแต่จำเลยอนุญาตให้โจทก์ครอบครองอยู่อาศัย โจทก์บุกรุกรบกวนการครอบครองของจำเลยโดยปกติสุขเป็นความผิดตามมาตรา 362 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2278-2279/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำของหุ้นส่วนผู้จัดการในการรักษาสินทรัพย์ของห้างหุ้นส่วน ไม่ถือเป็นความผิดฐานบุกรุก
จำเลยเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการโรงงานฆ่าสัตว์ โจทก์เป็นลูกจ้างของห้างหุ้นส่วนและอาศัยอยู่ในโรงงานฆ่าสัตว์ ซึ่งเป็นสำนักงานของห้างหุ้นส่วน จำเลยให้โจทก์ออกจากงาน จำเลยกับพวกไปที่โรงงานยื่นบันทึกให้โจทก์ส่งมอบเงินกับบัญชีและอายัดทรัพย์ปิดไว้ที่ตู้เซฟ ประตูห้องโจทก์ และเอาไม้ตีประตูชั้นล่างของโรงงาน เพราะเกรงว่าจะมีสิ่งของหายไป เช่นนี้จำเลยไม่มีความผิดฐานบุกรุก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2153/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเข้าไปในบ้านเพื่อพูดคุยเรื่องเงินช่วยเหลืองานศพ ไม่ถือเป็นการบุกรุก หากยินยอมออกจากบ้านเมื่อถูกร้องขอ
จำเลยทั้งสองเป็นพี่สาวร่วมบิดามารดากันกับโจทก์ร่วม บ้านอยู่ใกล้เคียงกัน ได้เข้าไปในบ้านของโจทก์ร่วมเพื่อพูดกันในเรื่องเงินช่วยงานศพมารดา แม้จำเลยที่ 1จะเข้าไปถึงห้องนอน ส่วนจำเลยที่ 2 อยู่ในบันได แต่เมื่อโจทก์ร่วมบอกให้ออกไปจากบ้าน จำเลยทั้งสองก็ปฏิบัติตามด้วยดี พฤติการณ์เพียงเท่านี้ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์ร่วมโดยปกติสุข จึงไม่มีความผิดฐานบุกรุก