คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ประกันภัย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 702 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1135/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประกันภัย/เช่าซื้อ: หลักเกณฑ์การพิสูจน์สัญญาและการเรียกร้องค่าเสียหายจากละเมิด
การประกันภัยเป็นนิติกรรมในลักษณะประเภทของสัญญาอย่างหนึ่งเรียกว่าสัญญาประกันภัย ซึ่งเป็นผลให้เกิดนิติสัมพันธ์อันพึงต้องปฏิบัติระหว่างกันของคู่สัญญา แม้ตามกฎหมายจะบังคับว่าการทำสัญญาประกันภัยต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ ก็เป็นเพียงบทบัญญัติใช้บังคับเฉพาะแก่คู่สัญญาที่ได้มีการทำกันขึ้นเท่านั้น หามีผลผูกพันให้ใช้แก่บุคคลภายนอกไม่ พ. เป็นผู้เสียหายและเป็นบุคคลภายนอกไม่ได้เป็นคู่สัญญา จึงไม่อยู่ภายใต้บังคับแห่งบทกฎหมายที่ต้องนำพยานเอกสารมาแสดง
ผู้เช่าซื้อรถยนต์ที่ชำระค่าเช่าซื้อยังไม่ครบและกรรมสิทธิ์ในรถยนต์ยังไม่โอนมาเป็นของผู้เช่าซื้อในขณะนั้นก็ตาม แต่ผู้เช่าซื้อย่อมมีสิทธิที่จะใช้รถยนต์ดังกล่าวหาประโยชน์ได้โดยชอบ อีกทั้งยังมีหน้าที่ต้องดูแลรักษารถยนต์ดังกล่าวให้อยู่ในสภาพให้ใช้การได้ดีตลอดไป เมื่อได้ชำระเงินค่าเช่าซื้อครบถ้วนแล้วกรรมสิทธิ์ในรถยนต์ย่อมตกมาเป็นของผู้เช่าซื้อ หรือถ้าหากมีการเลิกสัญญา ผู้เช่าซื้อก็มีหน้าที่ต้องส่งมอบรถยนต์คืนให้แก่ผู้ให้เช่าซื้อในสภาพเดิม เมื่อมีการทำละเมิดเกิดความเสียหายแก่รถยนต์ดังกล่าว ผู้เช่าซื้อจึงอยู่ในฐานะที่จะต้องเรียกค่าสินไหมทดแทน รวมทั้งค่าเสื่อมราคาของรถยนต์ได้ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1135/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประกันภัย-ผู้เช่าซื้อรถยนต์: สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายและค่าเสื่อมราคา แม้ไม่มีหลักฐานสัญญาประกันภัยและกรรมสิทธิ์ยังไม่โอน
การประกันภัยเป็นนิติกรรมในลักษณะประเภทของสัญญาอย่างหนึ่งเรียกว่าสัญญาประกันภัย ซึ่งเป็นผลให้เกิดนิติสัมพันธ์อันพึงต้องปฏิบัติระหว่างกันของคู่สัญญา แม้ตามกฎหมายจะบังคับว่า การทำสัญญาประกันภัยต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือก็เป็นเพียงบทบัญญัติใช้บังคับเฉพาะแก่คู่สัญญาที่ได้มีการทำกันขึ้นเท่านั้นหามีผลผูกพันให้ใช้แก่บุคคลภายนอกไม่ พ. เป็นผู้เสียหายและเป็นบุคคลภายนอกไม่ได้เป็นคู่สัญญา จึงไม่อยู่ภายใต้บังคับแห่งบทกฎหมายที่ต้องนำพยานเอกสารมาแสดง
ผู้เช่าซื้อรถยนต์ที่ชำระค่าเช่าซื้อยังไม่ครบและกรรมสิทธิ์ในรถยนต์ยังไม่โอนมาเป็นของผู้เช่าซื้อในขณะนั้นก็ตามแต่ผู้เช่าซื้อย่อมมีสิทธิที่จะใช้รถยนต์ดังกล่าวหาประโยชน์ได้โดยชอบอีกทั้งยังมีหน้าที่ต้องดูแลรักษารถยนต์ดังกล่าวให้อยู่ในสภาพให้ใช้การได้ดีตลอดไปเมื่อได้ชำระเงินค่าเช่าซื้อครบถ้วนแล้วกรรมสิทธิ์ในรถยนต์ย่อมตกมาเป็นของผู้เช่าซื้อ หรือถ้าหากมีการเลิกสัญญาผู้เช่าซื้อก็มีหน้าที่ต้องส่งมอบรถยนต์คืนให้แก่ผู้ให้เช่าซื้อในสภาพเดิมเมื่อมีการทำละเมิดเกิดความเสียหายแก่รถยนต์ดังกล่าวผู้เช่าซื้อจึงอยู่ในฐานะที่จะต้องเรียกค่าสินไหมทดแทน รวมทั้งค่าเสื่อมราคาของรถยนต์ได้ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1078/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาล: ฟ้องจำเลยร่วมในคดีประกันภัยรถยนต์ แม้มีภูมิลำเนาต่างเขต ศาลแพ่งมีอำนาจพิจารณาได้หากมูลความแห่งคดีไม่แยกจากกัน
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ซึ่งมีภูมิลำเนาในเขตศาลแพ่ง อ้างว่าเป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุนรถยนต์โดยสารที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้ครอบครองและใช้ประโยชน์ ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ จึงเป็นกรณีที่มูลความแห่งคดีไม่อาจแบ่งแยกกันได้ โจทก์จึงเสนอคำฟ้องจำเลยที่ 1 ต่อศาลแพ่งได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 5 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1068/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของตัวแทนตามใบมอบอำนาจ และสิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนตามสัญญากรมธรรม์ประกันภัย
โจทก์ที่ 2 มอบอำนาจให้โจทก์ที่ 1 ฟ้องคดี ในคำฟ้องของโจทก์ทั้งสองที่ขอให้จำเลยรับผิดตามสัญญากรมธรรม์ประกันภัยนั้นได้แนบใบมอบอำนาจและสัญญากรมธรรม์ประกันภัยมาท้ายคำฟ้องด้วยจึงถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของคำฟ้อง ฉะนั้น แม้ชื่อในใบมอบอำนาจและในสัญญากรมธรรม์ประกันภัยจะไม่ตรงกับชื่อโจทก์ในคำฟ้อง แต่ก็มีเหตุให้เชื่อได้ว่าความจริงเป็นคนเดียวกัน โจทก์ที่ 1 จึงอาศัยใบมอบอำนาจดังกล่าวฟ้องและดำเนินคดีแทนโจทก์ที่ 2 ได้
เมื่อจำเลยจะต้องรับผิดตามสัญญาประกันภัย โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องร้องขอให้จำเลยชำระเงินค่าสินไหมทดแทนเป็นค่าเสียหายตามสัญญาดังกล่าวได้โดยมิต้องคำนึงว่าโจทก์จะได้เป็นผู้ออกเงินค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมรถยนต์ที่เอาประกันภัยไว้หรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1043/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประกันภัย: ผู้ชำระเบี้ยประกันภัยไม่ใช่ผู้เอาประกันภัย, ความรับผิดของผู้รับประกันภัยจำกัดเฉพาะผู้เอาประกันภัย
ตามสัญญาประกันภัย ผู้รับประกันภัยจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเฉพาะเมื่อผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอก ข้อเท็จจริงได้ความว่าห้าง ฯ พ. เป็นผู้เอาประกันภัยค้ำจุนรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุไว้กับจำเลยที่ 2 ต่อมาจำเลยที่ 1 ได้เช่าซื้อไปโดยมีข้อตกลงว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้ชำระเบี้ยประกันภัยแทนห้าง ฯ พ. ในระหว่างระยะเวลาประกัน ลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์บรรทุกคันดังกล่าวไปชนกับรถยนต์ของโจทก์ที่ 2 โดยประมาท ดังนี้ แม้ห้าง ฯ พ. จะเป็นเจ้าของใบอนุญาตประกอบการขนส่งก็หามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุที่รถเกิดชนกันอันจะต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ไม่ ผู้ที่จะต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์คือจำเลยที่ 1 แต่จำเลยที่ 1 มิใช่ผู้เอาประกันภัย การที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้ชำระเบี้ยประกัน หาทำให้จำเลยที่ 1 เป็นผู้เอาประกันภัยไปด้วยไม่ จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1043/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้ชำระเบี้ยประกันภัยไม่ใช่ผู้เอาประกันภัย ผู้รับประกันภัยไม่ต้องรับผิดหากผู้รับผิดคือบุคคลอื่น
ตามสัญญาประกันภัย ผู้รับประกันภัยจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเฉพาะเมื่อผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกข้อเท็จจริงได้ความว่าห้างๆ พ. เป็นผู้เอาประกันภัยค้ำจุนรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุไว้กับจำเลยที่ 2 ต่อมาจำเลยที่ 1 ได้เช่าซื้อไปโดยมีข้อตกลงว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้ชำระเบี้ยประกันภัยแทนห้างฯ พ. ในระหว่างระยะเวลาประกัน ลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์บรรทุกคันดังกล่าวไปชนกับรถยนต์ของโจทก์ที่ 2 โดยประมาท ดังนี้ แม้ห้างฯ พ. จะเป็นเจ้าของใบอนุญาตประกอบการขนส่งก็หามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุที่รถเกิดชนกันอันจะต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ไม่ ผู้ที่จะต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์คือจำเลยที่ 1 แต่จำเลยที่ 1 มิใช่ผู้เอาประกันภัย การที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้ชำระเบี้ยประกัน หาทำให้จำเลยที่ 1 เป็นผู้เอาประกันภัยไปด้วยไม่จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 897/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้ทำละเมิดต้องรับผิดชอบค่าสินไหมทดแทนเต็มจำนวน แม้มีประกันภัย ผู้เสียหายมีสิทธิเลือกฟ้องผู้ใดก็ได้
ผู้ทำละเมิดจำต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เสียหายเต็มจำนวนโดยไม่ต้องคำนึงว่าจะได้เอาประกันภัยไว้หรือไม่ และผู้เสียหายชอบที่จะเลือกฟ้องผู้รับประกันภัยเพื่อเรียกค่าสินไหมทดแทนในวงเงินประกันภัยที่ผู้ทำละเมิดจะต้องรับผิดชอบได้ ดังนั้น การที่ผู้เสียหายทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับผู้รับประกันภัยโดยยอมรับค่าสินไหมทดแทนจากผู้รับประกันภัยเพียง 77,500 บาทจากวงเงินประกันภัย 100,000 บาท จึงมีผลเพียงให้ผู้ทำละเมิดหลุดพ้นความรับผิดในจำนวน 77,500 บาทเท่านั้น ค่าสินไหมทดแทนยังมีอีกเท่าใดผู้ทำละเมิดยังคงต้องรับผิดผู้เสียหาย
ผู้เสียหายมีสิทธิที่จะเลือกฟ้องผู้ทำละเมิดหรือผู้รับประกันภัยคนใดคนหนึ่งหรือทั้งสองคนให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในวงเงินประกันภัยซึ่งผู้ทำละเมิดต้องรับผิดชอบได้ และมีสิทธิที่จะเลือกเลิกคดีเช่นเดียวกัน การที่ผู้เสียหายทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับผู้รับประกันภัยว่าจะไม่เรียกร้องค่าสินไหมทดแทนและเอาความกันต่อไปจึงเป็นเรื่องระหว่างผู้เสียหายกับผู้รับประกันภัย ไม่ทำให้ผู้ทำละเมิดซึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยหลุดพ้นความรับผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 736/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อยกเว้นความรับผิดของผู้รับประกันภัย: ประมาทเลินเล่อของผู้เอาประกันภัย vs. บุคคลอื่น
ที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 879 บัญญัติว่าผู้รับประกันภัยไม่ต้องรับผิดในเมื่อความวินาศภัยหรือเหตุอื่นซึ่งได้ระบุไว้ในสัญญานั้นได้เกิดขึ้นเพราะความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์นั้น เป็นบทบัญญัติที่ยกเว้นความรับผิดของผู้รับประกันภัย จึงต้องตีความโดยเคร่งครัดว่าหมายถึงความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์เองเท่านั้น ไม่หมายรวมถึง ความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของลูกจ้างผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 687/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องผู้รับประกันภัยในฐานะผู้รับช่วงสิทธิ ไม่ต้องบรรยายกรมธรรม์และส่งเอกสาร
ผู้รับประกันภัยรถคันที่ถูกชนเป็นโจทก์ฟ้องในฐานะเป็นผู้รับช่วงสิทธิบังคับให้จำเลยรับผิดด้วยในมูลละเมิด มิได้ฟ้องขอให้บังคับตาม กรมธรรม์ประกันภัยโดยตรง โจทก์จึงไม่จำต้องบรรยายเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัยมากับฟ้อง ทั้งจำเลยก็ให้การได้ถูกว่าโจทก์ไม่ได้รับช่วงสิทธิฟ้องคดีนี้ คำฟ้องของโจทก์ จึงไม่เคลือบคลุม
โจทก์ไม่ใช่คู่สัญญาประกันภัยกับจำเลยที่ 3 และมิได้ฟ้องให้จำเลยรับผิดตามสัญญาประกันภัย จึงไม่อยู่ในบังคับที่จะต้องส่งกรมธรรม์ประกันภัยต่อศาล
กรมธรรม์ประกันภัยโจทก์หาไม่พบ และต้นฉบับอยู่ที่สำนักงานประกันภัยซึ่งเป็นบุคคลภายนอก โจทก์จึงไม่ต้องส่งสำเนาเอกสารให้จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90(2) ศาลย่อมรับฟังเอกสารได้ไม่เป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 659/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับช่วงสิทธิของบริษัทประกันภัยจากสัญญาจ้างบริการรักษาความปลอดภัยกรณีทรัพย์สินสูญหาย
จำเลยทำสัญญารับจ้างรักษาความปลอดภัยสถานที่ของบริษัท ท. โดยยอมชดใช้ค่าเสียหายให้ในกรณีทรัพย์สินสูญหายเพราะความประมาทเลินเล่อของพนักงานรักษาความปลอดภัยของจำเลย ส่วนโจทก์รับประกันภัยทรัพย์สินของบริษัท ท. จากการบุกรุกโจรกรรม ระหว่างเวลากรมธรรม์มีผลคุ้มครอง ได้มีคนร้ายงัดประตูสำนักงานเข้าไปลักเครื่องคิดเลขของบริษัท ท. ไปเพราะความประมาทของพนักงานรักษาความปลอดภัยของจำเลย เมื่อโจทก์ได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัยไปก่อนแล้ว ย่อมเข้ารับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยซึ่งมีต่อจำเลยตามสัญญารับจ้างรักษาความปลอดภัยทันทีโดยผลของกฎหมายและมีสิทธิเรียกร้องเอาจากจำเลยได้
of 71