พบผลลัพธ์ทั้งหมด 571 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 790/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยินยอมเป็นผู้กู้ร่วม แม้เดิมทีตั้งใจเป็นผู้ค้ำประกัน ย่อมมีผลผูกพันตามสัญญา
แม้ในชั้นต้นจำเลยที่ 1 ตั้งใจเพียงจะเป็นผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 2-3 ก็ดี แต่เมื่อโจทก์ต้องการให้จำเลยที่ 1 เป็นผู้กู้ด้วย จำเลยที่ 1 ก็ยินยอมและได้ลงชื่อในหนังสือสัญญากู้ร่วมกับจำเลยที่ 2-3 แล้ว ก็เท่ากับจำเลยที่ 1 ได้สละความตั้งใจเดิมและยอมเป็นผู้กู้ร่วมกับจำเลยที่ 2-3 จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดในฐานเป็นผู้กู้ร่วมกับจำเลยที่ 2-3 ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1010/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การค้ำประกันโดยลายมือชื่อในช่องผู้ค้ำประกัน ย่อมแสดงเจตนาผูกพันตามสัญญา แม้ไม่มีข้อความระบุ
การที่จำเลยที่ 1 กรอกข้อความในสัญญากู้แล้วระบุให้จำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันเมื่อเขียนแล้วจำเลยที่ 1ลงชื่อเป็นผู้กู้แล้วบรรทัดต่อมา มีช่องผู้ค้ำประกันไม่มีข้อความอื่นเมื่อจำเลยที่ 2 ลงชื่อในช่องผู้ค้ำประกันก็ย่อมผูกพันตนในการชำระหนี้ที่ผู้กู้กู้ไปนั้นในฐานะผู้ค้ำประกันแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1419/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อต่อสู้เรื่องการผ่อนเวลาชำระหนี้ของผู้ค้ำประกัน ศาลไม่วินิจฉัยหากมิได้ยกขึ้นในชั้นต้น
ข้อต่อสู้ของผู้ค้ำประกันที่ว่าโจทก์ผ่อนเวลาชำระหนี้ให้ลูกหนี้, ผู้ค้ำประกันจึงหลุดพ้นความรับผิดในหนี้สินรายที่ค้ำประกันนั้นเป็นข้อที่เกี่ยวแก่ประโยชน์ระหว่างโจทก์และจำเลยที่ 2 เท่านั้น หาได้เกี่ยวแก่ประชาชนแต่ประการใดไม่ เมื่อผู้ค้ำประกันมิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ไว้ในศาลชั้นต้นจึงไม่วินิจฉัยให้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1419/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกข้อต่อสู้เรื่องการผ่อนเวลาชำระหนี้ของผู้ค้ำประกัน ศาลไม่วินิจฉัยหากมิได้ยกขึ้นในศาลชั้นต้น
ข้อต่อสู้ของผู้ค้ำประกันที่ว่าโจทก์ผ่อนเวลาชำระหนี้ให้ลูกหนี้ผู้ค้ำประกันจึงหลุดพ้นความรับผิดในหนี้สินรายที่ค้ำประกันนั้นเป็นข้อที่เกี่ยวแก่ประโยชน์ระหว่างโจทก์และจำเลยที่ 2 เท่านั้น หาได้เกี่ยวแก่ประชาชนแต่ประการใดไม่ เมื่อผู้ค้ำประกันมิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ไว้ในศาลชั้นต้น จึงไม่วินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 652/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร่วมให้การถือเป็นคำให้การร่วมกันของผู้ค้ำประกัน และผลของการต่อสู้เรื่องหนี้
จำเลยสองคนร่วมให้การในฉบับเดียวกัน ถือได้ว่าคำให้การทั้งหมดเป็นคำให้การของจำเลยทั้งสองร่วมกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 968/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกข้อต่อสู้เรื่องอำนาจลงนามที่ไม่ชัดเจน และขอบเขตความรับผิดของตัวแทนและผู้ค้ำประกัน
คำให้การของจำเลยที่ตัดฟ้องว่า โจทก์ไม่มีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมายที่จะลงนามแทนสำนักนายกรัฐมนตรีได้ นั้น ย่อมไม่ทำให้เกิดประเด็นที่ศาลจะต้องยกขึ้นวินิจฉัยเพราะจำเลยหาได้ยกข้อเท็จจริงอย่างใดขึ้นกล่าวอ้างให้เป็นประเด็นเพื่อให้ศาลได้วินิจฉัยไม่ว่าด้วยเหตุใด หรือเนื่องด้วยพฤติการณ์อย่างใดโจทก์จึงไม่มีอำนาจ และการไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้นคือบทกฎหมายบทใดข้อใด แม้ข้อเท็จจริงบางอย่างศาลรังรู้ได้เอง แต่คู่ความจะต้องกล่าวอ้างข้อเท็จจริงนั้นให้เป็นประเด็นขึ้นมาในคดี แม้แต่ข้อกฎหมายที่จะยกขึ้นต่อสู้ ก็จะต้องกล่าวอ้างเช่าเดียวกัน
ภรรยากระทำการไปในฐานะเป็นตัวแทนของสามี ภรรบาจึงไม่ต้องรับผิดในหนี้สินอันเกิดจากการที่กระทำไปตามหน้าที่ตัวแทนหรือร่วมกับสามีเป็นตัวการ
ทำสัญญาค้ำประกันให้ผู้ขายหากผู้ซื้อละเมิดสัญญาหรือมีหนี้สินประกันยอมรับผิด และชดใช้ค่าเสียหายแทน ไม่เกินวงเงินจำนวนหนึ่ง เมื่อผู้ซื้อไปทำหนี้สินเกินกว่าจำนวนเงินที่คำประกันไว้ ผู้ค้ำประกันก็คงรับผิด ไม่เกินกว่าเงินที่ค้ำประกันไว้
ภรรยากระทำการไปในฐานะเป็นตัวแทนของสามี ภรรบาจึงไม่ต้องรับผิดในหนี้สินอันเกิดจากการที่กระทำไปตามหน้าที่ตัวแทนหรือร่วมกับสามีเป็นตัวการ
ทำสัญญาค้ำประกันให้ผู้ขายหากผู้ซื้อละเมิดสัญญาหรือมีหนี้สินประกันยอมรับผิด และชดใช้ค่าเสียหายแทน ไม่เกินวงเงินจำนวนหนึ่ง เมื่อผู้ซื้อไปทำหนี้สินเกินกว่าจำนวนเงินที่คำประกันไว้ ผู้ค้ำประกันก็คงรับผิด ไม่เกินกว่าเงินที่ค้ำประกันไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1242/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผ่อนเวลาชำระหนี้ด้วยวาจา ไม่สร้างผลผูกพันทางกฎหมาย เจ้าหนี้ยังฟ้องได้ ผู้ค้ำประกันยังต้องรับผิด
เมื่อหนี้ถึงกำหนดชำระแล้ว ลูกหนี้พูดว่า ยังจัดหาเงินไม่ได้ ขอผัดเวลาชำระหนี้อีก 1 เดือน เจ้าหนี้บอกว่า ไม่เป็นไรหามาให้ครบ ดังนี้ เป็นการพูดกันด้วยปาก ไม่เป็นการผูกมัดเจ้าหนี้ว่า ภายใน 1 เดือนที่ลูกหนี้ขอผัดนั้น เจ้าหนี้จะฟ้องเรียกให้ชำระหนี้ไม่ได้ คือเจ้าหนี้จะฟ้องเรียกให้ลูกหนี้ชำระก็ได้ ฉะนั้นยังเรียกให้ไม่ได้ว่าเจ้าหนี้ผ่อนเวลสให้ลูกหนี้ตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 700 ผู้ค้ำประกันหนี้รายนี้ จึงยังไม่หลุดพ้นจากความรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1242/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผัดผ่อนหนี้ด้วยวาจาไม่ผูกมัดเจ้าหนี้ ผู้ค้ำประกันยังคงรับผิดชอบหนี้
เมื่อหนี้ถึงกำหนดชำระแล้วลูกหนี้พูดว่า ยังจัดหาเงินไม่ได้ขอผัดเวลาชำระหนี้อีก 1 เดือน เจ้าหนี้บอกว่าไม่เป็นไรหามาให้ครบ ดังนี้ เป็นการพูดกันด้วยปากไม่เป็นการผูกมัดเจ้าหนี้ว่า ภายใน 1 เดือนที่ลูกหนี้ขอผัดนั้น เจ้าหนี้จะฟ้องเรียกให้ชำระหนี้ไม่ได้ คือเจ้าหนี้จะฟ้องเรียกให้ลูกหนี้ชำระก็ได้ ฉะนั้นยังเรียกไม่ได้ว่าเจ้าหนี้ผ่อนเวลาให้ลูกหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 700 ผู้ค้ำประกันหนี้รายนี้ จึงยังไม่หลุดพ้นจากความรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 838/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลำดับการบังคับชำระหนี้: ลูกหนี้ชั้นต้นก่อน ผู้ค้ำประกันทีหลัง
สัญญาประนีประนอมยอมความมีข้อความว่าจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้กู้จำเลยที่ 2-3-4 ในฐานะผู้ค้ำประกันยอมใช้เงินให้โจทก์เป็นเงินจำนวนหนึ่งและดอกเบี้ย และศาลได้พิพากษาให้คดีเสร็จเด็ดขาดไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น มีผลเท่ากับว่าให้จำเลยที่ 1 ใช้เงินให้แก่โจทก์ก่อน ถ้าจำเลยที่ 1 ไม่สามารถจะใช้ได้ ก็ให้จำเลยที่ 2-3-4 ใช้แทนจนครบ ฉะนั้นโจทก์จึงต้องดำเนินการบังคับชำระหนี้เอากับทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 ก่อนโจทก์จะเกี่ยงว่าจำเลยที่ 1 มีทรัพย์สินอยู่น้อยแก่การบังคับ จึงจะบังคับเอาแก่จำเลยที่ 2-3-4 นั้น ย่อมฟังไม่ขึ้น เพราะตราบใดที่ลูกหนี้ชั้นต้นยังมีทรัพย์สินที่จะบังคับชำระหนี้ได้อยู่ โจทก์จะต้องบังคับชำระหนี้เอาจากทรัพย์สินของลูกหนี้ชั้นต้นนั้นก่อน เมื่อไม่พอจึงจะบังคับชำระหนี้เอาจากผู้ค้ำประกัน (อ้างฎีกาที่ 827/2483)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 838/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บังคับชำระหนี้จากผู้ค้ำประกันต้องหลังบังคับหนี้จากลูกหนี้ชั้นต้นก่อน
สัญญาประนีประนอมยอมความมีข้อความว่าจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้กู้ จำเลยที่ 2-3,4 ในฐานะผู้ค้ำประกันยอมใช้เงินให้โจทก์เป็นเงินจำนวนหนึ่งและดอกเบี้ย และศาลได้พิพากษาให้คดีเสร็จเด็ดขาดไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้นมีผลเท่ากับว่าให้จำเลยที่ 1 ใช้เงินให้แก่โจทก์ก่อน ถ้าจำเลยที่ 1 ไม่สามารถจะใช้ได้ ก็ให้จำเลยที่2-3-4 ใช้แทนจนครบฉะนั้นโจทก์จึงต้องดำเนินการบังคับชำระหนี้เอากับทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 ก่อน โจทก์จะเกี่ยงว่าจำเลยที่ 1 มีทรัพย์สินอยู่น้อยและยากแก่การบังคับ จึงจะบังคับเอาแก่จำเลยที่ 2-3-4 นั้นย่อมฟังไม่ขึ้น เพราะตราบใดที่ลูกหนี้ชั้นต้นยังมีทรัพย์สินที่จะบังคับชำระหนี้ได้อยู่ โจทก์จะต้องบังคับชำระหนี้เอาจากทรัพย์สินของลูกหนี้ชั้นต้นนั้นก่อน เมื่อไม่พอจึงจะบังคับชำระหนี้เอาจากผู้ค้ำประกัน (อ้างฎีกาที่ 827/2483)