พบผลลัพธ์ทั้งหมด 587 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1142/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของโรงแรมต่อความเสียหายของรถยนต์ที่จอดไว้ และประเด็นการต่อสู้คดีที่ไม่ชัดเจน
บรรยายฟ้องว่ารถยนต์คันพิพาทได้เสียหายอะไรบ้าง ประมาณค่าเสียหายรวมกันเป็นเงินจำนวนหนึ่งดังรายการเอกสารท้ายฟ้องซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของฟ้องก็ย่อมเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง โดยไม่จำต้องกล่าวว่าเสียหายรายการใด ราคาเท่าไร เพราะเป็นรายละเอียดซึ่งจะต้องนำสืบในชั้นพิจารณา
จำเลยเป็นบริษัทจำกัด ประกอบธุรกิจการโรงแรม โจทก์ที่ 1 ได้มาพักโรงแรมจำเลยและนำรถยนต์คันพิพาทที่ยืมโจทก์ที่ 2 มาจอดไว้ในบริเวณโรงแรมแล้วเกิดเสียหายขึ้น กรณีเป็นเรื่องเกี่ยวกับโรงแรม ต้องนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 674 และ 675 มาปรับแก่คดี มิใช่เป็นเรื่องฝากทรัพย์ตามธรรมดาทั่วไป จำเลยต้องรับผิดต่อเจ้าของรถ โดยไม่ต้องคำนึงว่าผู้ทำให้เกิดความเสียหายเป็นลูกจ้างของจำเลยหรือไม่
จำเลยนำสืบว่าโจทก์ที่ 1 ใช้ลูกจ้างจำเลยช่วยขับรถยนต์คันพิพาทไปเติมน้ำมัน แต่ตามคำให้การของจำเลยมิได้กล่าวอ้างไว้ให้ชัดแจ้งดังที่จำเลยนำสืบ ดังนี้ ต้องถือว่าจำเลยไม่มีข้อต่อสู้และไม่มีประเด็นที่จะนำสืบ แม้ศาลชั้นต้นยอมให้จำเลยสืบพยานมา ก็หาก่อให้เกิดเป็นประเด็นข้อต่อสู้ขึ้นไม่ และไม่อาจนำพยานจำเลยที่ไม่ถูกต้องนี้มาวินิจฉัยได้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
จำเลยเป็นบริษัทจำกัด ประกอบธุรกิจการโรงแรม โจทก์ที่ 1 ได้มาพักโรงแรมจำเลยและนำรถยนต์คันพิพาทที่ยืมโจทก์ที่ 2 มาจอดไว้ในบริเวณโรงแรมแล้วเกิดเสียหายขึ้น กรณีเป็นเรื่องเกี่ยวกับโรงแรม ต้องนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 674 และ 675 มาปรับแก่คดี มิใช่เป็นเรื่องฝากทรัพย์ตามธรรมดาทั่วไป จำเลยต้องรับผิดต่อเจ้าของรถ โดยไม่ต้องคำนึงว่าผู้ทำให้เกิดความเสียหายเป็นลูกจ้างของจำเลยหรือไม่
จำเลยนำสืบว่าโจทก์ที่ 1 ใช้ลูกจ้างจำเลยช่วยขับรถยนต์คันพิพาทไปเติมน้ำมัน แต่ตามคำให้การของจำเลยมิได้กล่าวอ้างไว้ให้ชัดแจ้งดังที่จำเลยนำสืบ ดังนี้ ต้องถือว่าจำเลยไม่มีข้อต่อสู้และไม่มีประเด็นที่จะนำสืบ แม้ศาลชั้นต้นยอมให้จำเลยสืบพยานมา ก็หาก่อให้เกิดเป็นประเด็นข้อต่อสู้ขึ้นไม่ และไม่อาจนำพยานจำเลยที่ไม่ถูกต้องนี้มาวินิจฉัยได้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1124/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสนับสนุนการวิ่งราวทรัพย์: จำเลยมีความผิดฐานสนับสนุน ไม่ใช่ตัวการร่วม และรถยนต์ที่ใช้ไม่ใช่ทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิด
จำเลยได้ร่วมรู้คบคิดกับ ศ. และพวกที่จะมาวิ่งราวทรัพย์ของผู้เสียหายโดยมีการวงแผนให้ ศ. ไปทำการ ส่วนจำเลยกับพวกจอดรถอยู่ห่างที่เกิดเหตุเมื่อ ศ. วิ่งราวทรัพย์แล้วก็จะวิ่งหนีมาขึ้นรถยนต์ของจำเลยหลบหนีไป จำเลยจอดรถคอยอยู่ห่างที่เกิดเหตุประมาณ 80 เมตร และมีศาลาวัดบังมอบไม่เห็นที่เกิดเหตุ การกระทำของจำเลยเป็นการช่วยเหลือและให้ความสะดวกแก่ ศ.ในการที่จะไปทำการวิ่งราวทรัพย์ผู้เสียหาย จำเลยเป็นเพียงผู้สนับสนุนการกะรทำผิดตาม มาตรา 86
การที่จำเลยกับพวกจอดรถรับ ศ.ไปเป็นเวลาภายหลังเมื่อศ. วิ่งราวทรัพย์เสร็จแล้ว ที่จอดรถและที่ ศ. วิ่งราวทรัพย์ห่างกันมาก และมองไม่เห็นกันจึงถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นตัวการร่วมในการวิ่งราวทรัพย์
รถยนต์ของจำเลยมิใช่ทรัพย์ที่ได้ใช้ในการกระทำความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ จึงไม่พึงริบตาม มาตรา 33(1)
การที่จำเลยกับพวกจอดรถรับ ศ.ไปเป็นเวลาภายหลังเมื่อศ. วิ่งราวทรัพย์เสร็จแล้ว ที่จอดรถและที่ ศ. วิ่งราวทรัพย์ห่างกันมาก และมองไม่เห็นกันจึงถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นตัวการร่วมในการวิ่งราวทรัพย์
รถยนต์ของจำเลยมิใช่ทรัพย์ที่ได้ใช้ในการกระทำความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ จึงไม่พึงริบตาม มาตรา 33(1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 932/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยขายรถเช่าซื้อให้โจทก์ แต่ถูกยึดคืน โจทก์ถูกรอนสิทธิ จำเลยต้องรับผิด
ช. ได้ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์คันพิพาทมาจากบริษัท อ. และขณะเดียวกัน ช. ได้ทำสัญญาให้จำเลยเช่าซื้อต่อไปจำเลยผ่อนชำระค่าเช่าซื้อให้ ช. เสร็จสิ้นแล้วแต่ ช. มิได้โอนทะเบียนรถคันพิพาทให้จำเลยต่อมาจำเลยได้ขายรถคันพิพาทให้โจทก์ โดยโจทก์ชำระราคาแก่จำเลยครบถ้วนแล้ว และโจทก์ได้นำรถคันพิพาทไปจ้างซ่อมเสียค่าจ้างซ่อมไปอีก แต่เนื่องจาก ช.ไม่ชำระค่าเช่าซื้อให้แก่บริษัทอ. เกินกว่าสองงวด เป็นการผิดสัญญา พนักงานบริษัท อ. จึงได้ยึดรถคันพิพาทไปดังนี้เมื่อจำเลยไม่สามารถโอนรถคันพิพาทให้แก่โจทก์ได้โดยมิใช่ความผิดของโจทก์ เพราะการที่รถคันพิพาทถูกยึดไปนั้นเป็นสิทธิที่ชอบด้วยกฎหมายของบริษัท อ. เจ้าของที่แท้จริงโจทก์ไม่มีอำนาจที่จะโต้แย้งได้ ถือได้ว่าโจทก์ถูกรอนสิทธิ จำเลยต้องรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 475 แม้จำเลยจะมิได้ประมาทเลินเล่อก็ตาม จำเลยต้องคืนราคารถคันพิพาทแก่โจทก์และการที่โจทก์ต้องซ่อมรถคันพิพาทเสียค่าซ่อมไปนั้น ก็ถือว่าเป็นค่าสินไหมทดแทนสำหรับความเสียหายที่โจทก์ได้รับเนื่องมาจากที่โจทก์ถูกรอนสิทธิ โจทก์มีสิทธิเรียกร้องเอาจากจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2538/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดในละเมิดของนายจ้างจากการใช้รถของกรมทางหลวงฯตามคำขอ
ลูกจ้างกรมทางหลวงฯ ขับรถยนต์ของกรมทางหลวงฯไปรับเสด็จตามคำขอของนายอำเภอ ซึ่งนายช่างโครงการหัวหน้าศูนย์ของกรมทางหลวงฯอนุมัติ และผู้ขับรถประจำยอมให้ขับและนั่งไปด้วย ถือได้ว่าได้ใช้รถในทางการที่กรมทางหลวงฯจ้างนายจ้างต้องรับผิดในละเมิดของลูกจ้าง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2360/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดหลายกรรมต่างกันจากการขนส่งคนโดยสารด้วยรถยนต์หลายคัน โดยแต่ละคันถือเป็นองค์ประกอบความผิดแยกต่างหาก
จำเลยที่ 1 นำรถยนต์อันเป็นเครื่องอุปกรณ์การขนส่งจำนวน 3 คันออกวิ่งรับส่งคนโดยสารและเก็บค่าโดยสาร โดยนำรถยนต์คันหนึ่งซึ่งได้รับใบอนุญาตการขนส่งสาธารณะออกวิ่งทับเส้นทางรถประจำทางในสัมปทานของบริษัทอื่นซึ่งเป็นลักษณะของการแข่งขัน เป็นการฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติการขนส่ง พ.ศ. 2497 มาตรา 14 และนำรถยนต์อีกสองคันซึ่งเป็นรถที่สังกัดอยู่ในสัมปทานรถประจำทางของจำเลยที่ 1 ออกวิ่งนอกเส้นทางที่กำหนด อันเป็นความผิดตามมาตรา 10 ดังนี้ รถยนต์โดยสารแต่ละคันเป็นองค์สำคัญแห่งความผิด การขนส่งของรถแต่ละคันเป็นความผิดต่างหากจากกัน จึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2126/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องกรณีโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์และการชำระหนี้ค่ารถยนต์ที่ค้างชำระ
แม้โจทก์จะเป็นตัวแทนขายรถของบริษัทอื่น และเดิมรถพิพาทป็นของบริษัทนั้น แต่เมื่อโจทก์ได้ขายรถพิพาทให้จำเลยในนามของโจทก์เอง ทั้งโจทก์ก็ได้ชำระราคารถพิพาทให้บริษัทนั้นแล้วก่อนฟ้องคดีนี้ และบริษัทนั้นก็ได้โอนทะเบียนรถพิพาทให้โจทก์หลังจากโจทก์ขายรถพิพาทให้จำเลย โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้อง
เมื่อจำเลยซื้อรถของโจทก์ไป และยังชำระราคารถไม่หมด จำเลยย่อมมีหน้าที่ชำระราคาที่ค้างจนหมด จะโต้แย้งว่าห้างโจทก์ไม่มีวัตถุประสงค์จำหน่ายรถยนต์ ไม่มีอำนาจฟ้องไม่ได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยซื้อรถพิพาทไปจากโจทก์ในราคาเท่าใด ต่อมาเปลี่ยนแปลงสัญญากันอย่างใด จำเลยชำระแล้วเท่าใด ค้างเท่าใด ท้งยังอ้างคำพิพากษาของศาลอื่นซึ่งวินิจฉัยว่าจำเลยนี้เป็นตัวแทนของโจทก์ และพิพากษายังคับให้โจทก์โอนทะเบียนรถพิพาทให้ผู้อื่น ซึ่งโจทก์ได้โอนไปแล้วตามคำพิพากษาดังกล่าว จึงให้จำเลรับผิดชำระเงินที่ค้างต่อโจทก์ตามสัญญา และในฐานะตัวแทนพึงปฏิบัติต่อตัวการด้วย คำฟ้องดังกล่าวย่อมเป็นการแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 แล้ว จึงไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
เมื่อจำเลยซื้อรถของโจทก์ไป และยังชำระราคารถไม่หมด จำเลยย่อมมีหน้าที่ชำระราคาที่ค้างจนหมด จะโต้แย้งว่าห้างโจทก์ไม่มีวัตถุประสงค์จำหน่ายรถยนต์ ไม่มีอำนาจฟ้องไม่ได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยซื้อรถพิพาทไปจากโจทก์ในราคาเท่าใด ต่อมาเปลี่ยนแปลงสัญญากันอย่างใด จำเลยชำระแล้วเท่าใด ค้างเท่าใด ท้งยังอ้างคำพิพากษาของศาลอื่นซึ่งวินิจฉัยว่าจำเลยนี้เป็นตัวแทนของโจทก์ และพิพากษายังคับให้โจทก์โอนทะเบียนรถพิพาทให้ผู้อื่น ซึ่งโจทก์ได้โอนไปแล้วตามคำพิพากษาดังกล่าว จึงให้จำเลรับผิดชำระเงินที่ค้างต่อโจทก์ตามสัญญา และในฐานะตัวแทนพึงปฏิบัติต่อตัวการด้วย คำฟ้องดังกล่าวย่อมเป็นการแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 แล้ว จึงไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1898/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดจากละเมิดทางรถยนต์: ผลโดยตรงของการชนและการคิดดอกเบี้ยค่าสินไหมทดแทน
โจทก์รับจ้างขนส่งยางรถยนต์ของบริษัท ย. โดยมอบหมายให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด ล.รับขนส่งให้อีกทอดหนึ่ง ฉ.ลูกจ้างของจำเลยขับรถในทางการที่จ้างของจำเลยโดยประมาท เป็นเหตุให้ชนกับรถยนต์ของห้างหุ้นส่วนจำกัด ล.ที่บรรทุกยางรถยนต์ดังกล่าวแล่นสวนทางมา ทำให้ยางรถยนต์ที่บรรทุกมาตกลงไปจากรถ แล้วถูกคนร้ายลักไป โจทก์ได้ชำระราคายางรถยนต์ที่สูญหายให้แก่บริษัท ย.ไปแล้ว ดังนี้ เห็นได้ว่า การที่ยางรถยนต์ถูกคนร้ายลักไป เกิดขึ้นเพราะความผิดของ ฉ.คนขับรถของจำเลยที่ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ชนรถบรรทุกยาง ซึ่งถ้าไม่ชน ก็คงไม่ถูกคนร้ายลักในที่เกิดเหตุการณ์สูญหายของยางรถยนต์ จึงเป็นผลโดยตรงจากการละเมิด จำเลยต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ในผลแห่งละเมิดของ ฉ.คนขับรถของจำเลยที่ชนรถบรรทุกยางรถยนต์
โจทก์ฟ้องในฐานะเป็นผู้รับช่วงสิทธิของบริษัท ย.ชอบที่จะคิดดอกเบี้ยในจำนวนสินไหมทดแทน นับแต่วันที่โจทก์ได้จ่ายเงินให้แก่บริษัท ย.ไป จะคิดดอกเบี้ยจากจำนวนเงินที่จ่ายไปตั้งแต่วันละเมิดหาได้ไม่
โจทก์ฟ้องในฐานะเป็นผู้รับช่วงสิทธิของบริษัท ย.ชอบที่จะคิดดอกเบี้ยในจำนวนสินไหมทดแทน นับแต่วันที่โจทก์ได้จ่ายเงินให้แก่บริษัท ย.ไป จะคิดดอกเบี้ยจากจำนวนเงินที่จ่ายไปตั้งแต่วันละเมิดหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1521/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายรถยนต์ที่เจ้าของเดิมทำสัญญาเช่าซื้อไว้แล้ว โจทก์ซื้อโดยสุจริต ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย
รถยนต์ของจำเลยให้ พ.เช่าซื้อ.พ มอบรถแก่ ม. ร้านบริการรถยนต์ตั้งแสดงเพื่อขายโดยคนของจำเลยแนะนำ ม.ให้โจทก์เช่าซื้อรถ โจทก์ซื้อโดยสุจริตจากพ่อค้าตามมาตรา 1332 ศาลบังคับให้จำเลยโอนทะเบียนรถแก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 979/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อสัญญาเช่าซื้อระบุความรับผิดของผู้ซื้อแม้รถยนต์สูญหายจากเหตุสุดวิสัย ผู้ซื้อยังต้องรับผิดตามสัญญา
ข้อความในสัญญามีว่า "แม้สัญญาฉบับนี้จะต้องผ่านการโอนการต่ออายุ หรือการเปลี่ยนมืออย่างใด ๆ หรือตัวยานยนต์อันเป็นวัตถุแห่งสัญญาต้องประสบความสูญเสีย เสียหายหรือย่อยยับประการใด ผู้ซื้อก็หาหลุดพ้นจากหน้าที่รับผิดตามสัญญานี้แต่อย่างใดไม่" ข้อความในสัญญาดังกล่าวมีความหมายว่า ผู้ซื้อจะต้องรับผิดใช้ราคาให้แก่ผู้ขาย ไม่ว่ารถยนต์จะสูญหายไปด้วยเหตุใด ๆ ก็ตามจึงรวมถึงการสูญหายไปเพราะเหตุสุดวิสัยด้วย (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 4,6/2517)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 979/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงในสัญญาเช่าซื้อที่ผู้เช่าซื้อยังต้องรับผิดแม้รถยนต์สูญหายหรือเสียหายจากเหตุสุดวิสัย
ข้อความในสัญญามีว่า 'แม้สัญญาฉบับนี้จะต้องผ่านการโอน การต่ออายุ หรือการเปลี่ยนมืออย่างใด ๆ หรือตัวยานยนต์อันเป็นวัตถุแห่งสัญญาต้องประสบความสูญเสีย เสียหายหรือย่อยยับประการใดผู้ซื้อก็หาหลุดพ้นจากหน้าที่รับผิดตามสัญญานี้แต่อย่างใดไม่' ข้อความในสัญญาดังกล่าวมีความหมายว่า ผู้ซื้อจะต้องรับผิดใช้ราคาให้แก่ผู้ขาย ไม่ว่ารถยนต์จะสูญหายไปด้วยเหตุใด ๆ ก็ตามจึงรวมถึงการสูญหายไปเพราะเหตุสุดวิสัยด้วย (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 4,6/2517)