พบผลลัพธ์ทั้งหมด 673 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6053/2531
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            สัญญาเช่าซื้อ: การกำหนดค่าเสียหายลักษณะเบี้ยปรับ ไม่ขัดต่อกฎหมาย
                        
                        ตามสัญญาเช่าซื้อระบุว่าเมื่อเจ้าของยึดทรัพย์สินที่เช่าซื้อคืนมาได้แล้ว เจ้าของอาจเลือกใช้สิทธิที่จะนำทรัพย์สินที่เช่าซื้อออกขายและผู้เช่าซื้อให้สัญญาว่าหากราคาทรัพย์สินที่เช่าซื้อซึ่งได้ขายไปไม่พอชำระหนี้ดังกล่าวแล้ว ผู้เช่าซื้อยอมชำระเงินจำนวนที่ยังขาดอยู่อีกให้กับเจ้าของจนครบ ข้อสัญญานี้เป็นวิธีการกำหนดค่าเสียหายวิธีหนึ่ง มีลักษณะเป็นการกำหนดเบี้ยปรับ และไม่ขัดต่อกฎหมายหรือความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงใช้บังคับได้ไม่เป็นโมฆะ และปรากฏตามคำบรรยายฟ้องว่ารถยนต์ที่เช่าซื้ออยู่ในสภาพเสียหายมาก เนื่องจากการใช้โดยปราศจากความระมัดระวังเยี่ยงวิญญูชนของจำเลย จึงควรต้องสืบพยานโจทก์จำเลยฟังข้อเท็จจริงต่อไปประกอบการพิจารณาของศาลในการกำหนดเบี้ยปรับให้เป็นจำนวนพอสมควร
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5284/2531
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            ข้อตกลงในสัญญาเช่าซื้อลักษณะเบี้ยปรับ: ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าเป็นการกำหนดค่าเสียหาย ไม่ใช่ค่าตอบแทนการใช้ทรัพย์
                        
                        ข้อตกลงในสัญญาเช่าซื้อที่ว่า ถ้าเจ้าของขายทรัพย์สินที่เช่าซื้อไปแล้ว ยังไม่คุ้มราคาค่าเช่าซื้อที่จะต้องชำระทั้งหมดตามสัญญาเช่าซื้อกับค่าเสียหายอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นผู้เช่าซื้อจะต้องชดใช้ให้เจ้าของจนครบถ้วนตามสัญญานั้นเป็นวิธีการกำหนดจำนวนค่าเสียหาย มิใช่เป็นข้อตกลงที่เป็นข้อกำหนดค่าตอบแทนการใช้ทรัพย์ล่วงหน้าในกรณีเลิกสัญญาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391 วรรคสาม แต่มีลักษณะเป็นการกำหนดเบี้ยปรับกันไว้
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3839/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            อำนาจศาลในการพิจารณางดหรือลดเบี้ยปรับภาษี แม้มีระเบียบกรมสรรพากร และพฤติการณ์หลีกเลี่ยงภาษี
                        
                        เบี้ยปรับที่ผู้ต้องเสียภาษีต้องรับผิดตามประมวลรัษฎากร มาตรา 22 นั้น แม้มาตรา 27 ทวิวรรคสองแห่งประมวลกฎหมายดังกล่าวจะบัญญัติให้อำนาจแก่อธิบดีกรมสรรพากรวางระเบียบในการงดหรือลดเบี้ยปรับออกมาใช้บังคับก็ตาม ก็เป็นเพียงระเบียบที่เจ้าพนักงานประเมินจะต้องถือปฏิบัติ แต่ไม่มีผลผูกพันให้ศาลต้องปฏิบัติตามระเบียบเช่นว่านั้น การงดหรือลดเบี้ยปรับเป็นอำนาจของศาลที่จะพิจารณาว่า การที่เจ้าพนักงานงดหรือลดเบี้ยปรับมานั้นถูกต้องตามระเบียบหรือไม่ และศาลยังมีอำนาจที่จะงดหรือลดเบี้ยปรับได้เองในกรณีมีเหตุอันสมควรอีกด้วย
เมื่อปรากฏในชั้นไต่สวนของเจ้าพนักงานประเมินและในชั้นพิจารณาอุทธรณ์ของจำเลยว่า หุ้นส่วนผู้จัดการของโจทก์ไม่ให้ความร่วมมือเท่าที่ควรในการส่งบัญชีเอกสารต่าง ๆ ของโจทก์ไปให้เจ้าพนักงานตรวจสอบและโจทก์ไม่นำรายได้ลงบัญชีรายรับให้ครบถ้วน อันเป็นพฤติการณ์ที่ส่อให้เห็นว่าโจทก์มีเจตนาหลีกเลี่ยงภาษี จึงไม่มีเหตุอันสมควรที่จะงดหรือลดเบี้ยปรับให้โจทก์
                                    เมื่อปรากฏในชั้นไต่สวนของเจ้าพนักงานประเมินและในชั้นพิจารณาอุทธรณ์ของจำเลยว่า หุ้นส่วนผู้จัดการของโจทก์ไม่ให้ความร่วมมือเท่าที่ควรในการส่งบัญชีเอกสารต่าง ๆ ของโจทก์ไปให้เจ้าพนักงานตรวจสอบและโจทก์ไม่นำรายได้ลงบัญชีรายรับให้ครบถ้วน อันเป็นพฤติการณ์ที่ส่อให้เห็นว่าโจทก์มีเจตนาหลีกเลี่ยงภาษี จึงไม่มีเหตุอันสมควรที่จะงดหรือลดเบี้ยปรับให้โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3839/2531
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            อำนาจศาลในการลดเบี้ยปรับภาษี: พิจารณาเจตนาหลีกเลี่ยงภาษีของผู้เสียภาษีเป็นสำคัญ
                        
                        เบี้ยปรับที่ผู้ต้องเสียภาษีต้องรับผิดตามประมวลรัษฎากรมาตรา 22 นั้น แม้มาตรา 27 ทวิวรรคสองแห่งประมวลกฎหมายดังกล่าวจะบัญญัติให้อำนาจแก่อธิบดีกรมสรรพากรวางระเบียบในการงดหรือลดเบี้ยปรับออกมาใช้บังคับก็ตาม ก็เป็นเพียงระเบียบที่เจ้าพนักงานประเมินจะต้องถือปฏิบัติ แต่ไม่มีผลผูกพันให้ศาลต้องปฏิบัติตามระเบียบเช่นว่านั้นการงดหรือลดเบี้ยปรับเป็นอำนาจของศาลที่จะพิจารณาว่า การที่เจ้าพนักงานงดหรือลดเบี้ยปรับมานั้นถูกต้องตามระเบียบหรือไม่และศาลยังมีอำนาจที่จะงดหรือลดเบี้ยปรับได้เองในกรณีมีเหตุอันสมควรอีกด้วย   เมื่อปรากฏในชั้นไต่สวนของเจ้าพนักงานประเมินและในชั้นพิจารณาอุทธรณ์ของจำเลยว่า หุ้นส่วนผู้จัดการของโจทก์ไม่ให้ความร่วมมือเท่าที่ควรในการส่งบัญชีเอกสารต่าง ๆ ของโจทก์ไปให้เจ้าพนักงานตรวจสอบและโจทก์ไม่นำรายได้ลงบัญชีรายรับให้ครบถ้วนอันเป็นพฤติการณ์ที่ส่อให้เห็นว่าโจทก์มีเจตนาหลีกเลี่ยงภาษีจึงไม่มีเหตุอันสมควรที่จะงดหรือลดเบี้ยปรับให้โจทก์
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3354/2531
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            สิทธิของผู้ซื้อในการบังคับให้ผู้ขายโอนที่ดิน แม้มีข้อตกลงเรื่องเบี้ยปรับ เพราะสิทธิเลือกอยู่ที่ผู้ซื้อ
                        
                        สัญญาจะซื้อขายระบุว่า ถ้าผู้จะขายผิดสัญญาไม่ไปทำสัญญาและจดทะเบียนขายตามกำหนด ผู้จะขายจะยอมให้ผู้จะซื้อปรับ20,000 บาท อีกส่วนหนึ่งด้วยโดยไม่มีข้อความตอนใดระบุให้สิทธิผู้จะขายเลือกปฏิบัติไม่ยอมขายที่ดินให้ผู้จะซื้อผู้จะซื้อเท่านั้นจึงเลือกเรียกเอาเบี้ยปรับหรือเรียกร้องให้ผู้จะขายชำระหนี้แต่อย่างหนึ่งอย่างใดก็ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 380 เมื่อโจทก์ผู้จะซื้อเรียกร้องให้จำเลยซึ่งเป็นผู้จะขายให้ขายที่ดินตามสัญญา และสภาพแห่งหนี้ก็เปิดช่องให้ศาลบังคับได้ จำเลยจึงไม่มีสิทธิที่จะเลือกปฏิบัติด้วยการขอคืนเงินมัดจำและยอมชำระค่าปรับให้โจทก์.
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2625/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            สัญญาเช่าซื้อ: การกำหนดค่าเสียหายและการคิดดอกเบี้ยเมื่อสัญญาเลิกกัน
                        
                        สัญญาเช่าซื้อที่กำหนดว่า เมื่อสัญญาเช่าซื้อเลิกกันผู้เช่าซื้อไม่สามารถคืนทรัพย์สินได้ในสภาพเรียบร้อยใช้การได้ดี ผู้เช่าซื้อยินยอมรับผิดชอบใช้ราคาค่าแห่งทรัพย์สินจนเต็มจำนวนเงินที่ค้างชำระทั้งสิ้นนั้น เป็นวิธีการกำหนดค่าเสียหายวิธีหนึ่ง มีลักษณะเป็นการกำหนดเบี้ยปรับไว้ล่วงหน้า หากกำหนดไว้สูงเกินส่วนศาลก็ชอบที่จะลดลงเป็นจำนวนพอสมควรได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 383 และข้อสัญญานี้มิได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้ เมื่อสัญญาเช่าซื้อเลิกกันแล้วโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ซึ่งกำหนดไว้ในกรณีที่ผู้เช่าซื้อผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อหรือเงินอื่นใดที่ผู้เช่าซื้อมีหน้าที่ต้องชำระตามสัญญา โจทก์คงมีสิทธิเรียกดอกเบี้ยได้เพียงร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีเท่านั้น
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2325-2326/2531
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            เงินประกันการทำงานเป็นเบี้ยปรับได้ หากลูกจ้างลาออกก่อนครบกำหนดและไม่แจ้งล่วงหน้า
                        
                        สัญญาจ้างแรงงานกำหนดให้โจทก์วางเงินประกันการทำงานไว้ต่อจำเลยผู้เป็นนายจ้างและกำหนดเงื่อนไขในการที่โจทก์จะได้เงินดังกล่าวคืนเมื่อลาออกจากงานว่า โจทก์ได้ทำงานมาแล้วไม่น้อยกว่าสองปีโดยแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อยกว่า 1 เดือนเงินดังกล่าวจึงเป็นเงินที่ประกันความเสียหายเนื่องจากการทำงานไม่ครบกำหนดสองปีตามข้อตกลง และมิได้บอกกล่าวล่วงหน้าตามเงื่อนไขข้อบังคับของจำเลย มิใช่เป็นเงินประกันค่าเสียหายเนื่องจากการทำงานของโจทก์ขณะที่โจทก์เป็นลูกจ้างของจำเลยแต่ถือได้ว่าเป็นเบี้ยปรับในกรณีผิดข้อตกลงหรือผิดสัญญาเมื่อโจทก์ทำงานเป็นลูกจ้างจำเลยไม่ถึงสองปี และได้ลาออกโดยมิได้แจ้งล่วงหน้าอย่างน้อยกว่า 1 เดือน อันเป็นการผิดข้อตกลงและเงื่อนไขเกี่ยวกับสัญญาจ้างแรงงาน จำเลยย่อมได้รับความเสียหาย และกรณีไม่มีข้อโต้แย้งว่าเป็นจำนวนค่าเสียหายที่สูงเกินส่วน จำเลยจึงมีสิทธิริบเงินประกันได้ทั้งหมด.
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 124/2531
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            เบี้ยปรับในสัญญาชดใช้ทุนรัฐบาล ศาลใช้ดุลพินิจลดค่าเสียหายตามความเสียหายที่แท้จริง
                        
                        เบี้ยปรับถือได้ว่าเป็นค่าเสียหายจำนวนหนึ่ง อันอาจมีหรือเกิดขึ้นเนื่องจากคู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งผิดสัญญา ทั้งคู่สัญญากำหนดไว้ล่วงหน้าในสัญญาเพื่อให้ฝ่ายที่ผิดสัญญาชดใช้ให้แก่ฝ่ายที่มิได้ผิดสัญญา แต่ก็มิได้บังคับไว้โดยเด็ดขาดว่าจะต้องเป็นไปตามนั้น ฉะนั้นศาลจึงอาจใช้ดุลพินิจลดจำนวนค่าปรับหรือเบี้ยปรับตามสัญญานั้นลงได้ โดยพิจารณาถึงทางได้เสียของโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ทุกอย่างอันชอบด้วยกฎหมาย.(ที่มา-ส่งเสริม)
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5996/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            ค่าเสียหายจากสัญญาเช่าซื้อ: การปรับเบี้ยปรับที่พอสมควรแม้รถยนต์มีสภาพทรุดโทรม
                        
                        จำเลยค้างชำระค่าเช่าซื้อรถก่อนโจทก์บอกเลิกสัญญาเป็นเงิน 111,000 บาท ข้อสัญญาเช่าซื้อที่ให้ผู้เช่าซื้อชำระค่าเสียหายเท่าจำนวนเงินค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระก่อนเลิกสัญญาแก่เจ้าของ เป็นการกำหนดเบี้ยปรับไว้ล่วงหน้าแต่เมื่อโจทก์ไปยึดรถคืนมา รถมีสภาพทรุดโทรมมากและโจทก์นำไปขายได้เพียง 50,000 บาท ต่ำกว่าราคาที่เช่าซื้อมาก ดังนี้โจทก์เรียกค่าเสียหายเท่ากับราคาเช่าซื้อที่ค้างชำระ จึงเป็นค่าเสียหายที่พอสมควร
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5996/2530
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            ค่าเสียหายจากสัญญาเช่าซื้อ: ศาลยืนตามข้อตกลงเบี้ยปรับ แม้รถสภาพทรุดโทรม
                        
                        จำเลยค้างชำระค่าเช่าซื้อรถก่อนโจทก์บอกเลิกสัญญาเป็นเงิน 111,000 บาท ข้อสัญญาเช่าซื้อที่ให้ผู้เช่าซื้อชำระค่าเสียหายเท่าจำนวนเงินค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระก่อนเลิกสัญญาแก่เจ้าของ เป็นการกำหนดเบี้ยปรับไว้ล่วงหน้าแต่เมื่อโจทก์ไปยึดรถคืนมา รถมีสภาพทรุดโทรมมากและโจทก์นำ ไปขายได้เพียง 50,000 บาท ต่ำกว่าราคาที่เช่าซื้อมาก ดังนี้ ที่โจทก์เรียกค่าเสียหายเท่ากับราคาเช่าซื้อที่ค้างชำระ จึงเป็นค่าเสียหายที่พอสมควร