พบผลลัพธ์ทั้งหมด 5,764 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 209/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความครอบครองที่ดิน - สิทธิครอบครอง - การปล่อยปละละเลย - มาตรา 1375
ได้ความว่าจำเลยได้ทำรั้วและปลูกห้องแถวลงในที่พิพาทตั้ง3 ปีก่อนถูกฟ้อง ที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่ายังมิได้มีหนังสือสำคัญซึ่งโจทก์มีสิทธิจะกล่าวอ้างได้ก็แต่เพียงสิทธิครอบครองประการเดียวเท่านั้น โจทก์จึงมีหน้าที่จะต้องงดและระวังรักษาสิทธิดังกล่าวไว้หาใช่มีแล้วก็ปล่อยปละละเลยไม่ต้องนำพาเสียเลย การที่โจทก์อ้างว่าตัวโจทก์อยู่ไกลไม่มีทางรู้ถือได้ว่าโจทก์ปล่อยปละละเลยไม่นำพาได้แล้วเพราะ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1375 บัญญัติไว้ชัดเจนว่าการฟ้องคดีเพื่อเอาคืนการครอบครองต้องเสียภายในปีหนึ่งนับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครองหาใช่นับแต่วันที่รู้ว่าถูกแย่งการครอบครองไม่ เมื่อจำเลยได้เข้าครอบครองที่พิพาทมาตั้ง 3 ปีแล้วจะเป็นโดยเจตนาสุจริตคิดว่าเป็นที่ดินของจำเลยเองหรือโดยเจตนาไม่สุจริตก็ดีและจะโดยโจทก์รู้เห็นแต่แรกแล้วหรือไม่เคยทราบเรื่องเลยก็ตาม ไม่ใช่เป็นข้อสำคัญถือว่าโจทก์หมดสิทธิฟ้องได้แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 203/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความละเมิด: เริ่มนับเมื่อผู้เสียหายรู้ตัวผู้กระทำผิด
อายุความฟ้องร้องเรื่องละเมิดวันที่ถือว่าผู้ต้องเสียหายรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 203/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความละเมิด: เริ่มนับเมื่อผู้เสียหายรู้ตัวผู้กระทำละเมิดและค่าเสียหาย
อายุความฟ้องร้องเรื่องละเมิดวันที่ถือว่าผู้ต้องเสียหายรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1972/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวแทนถือครองที่ดิน: สิทธิการอ้างอายุความไม่มีผลเมื่อที่ดินเป็นสินบริคณฑ์
เมื่อจำเลยมีชื่อในโฉนดที่ดินในฐานะตัวแทนเท่านั้นจำเลยจึงไม่มีฐานะ อะไรที่จะยกเอาอายุความขึ้นอ้าง เพื่อจะเอาที่ดินเป็นของตนเองเสียได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1972/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวแทนถือครองที่ดิน: สิทธิในที่ดินเป็นของผู้ครอบครองจริง ไม่ใช่ผู้มีชื่อในฐานะตัวแทน แม้จะอ้างอายุความไม่ได้
เมื่อจำเลยมีชื่อในโฉนดที่ดินในฐานะตัวแทนเท่านั้นจำเลยจึงไม่มีฐานะอะไรที่จะยกเอาอายุความขึ้นอ้างเพื่อจะเอาที่ดินเป็นของตนเสียได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1794-1795/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความละเมิด: เริ่มนับแต่วันที่รู้ตัวผู้ละเมิด & ห้ามเปลี่ยนประเด็นใหม่ในชั้นฎีกา
การนับอายุความ 1 ปี เรื่องละเมิดตาม ป.พ.พ.มาตรา 448 ต้องเริ่มนับแต่วันที่ผู้เสียหายรู้ว่าใครควรรับผิดอย่างใด เมื่อมาฟ้องคดีเกินกว่าหนึ่งปี นับแต่ได้ทราบเรื่อง ก็ขาดอายุความ (ฎีกา 243/2497)
เมื่อโจทก์จำเลยกะประเด็นมาแต่ศาลขั้นต้นว่ามีประเด็นข้อสืบเป็นเรื่องละเมิดแล้ว ในชั้นฎีกาจะโต้เถียงว่าควรปรับอายุความเข้าตามบทมาตรา 164,165 ย่อมเป็นการแปรเรื่องเป็นอื่นซึ่งไม่ตรงกับคดี และจะโต้เถียงว่า หากจะมิใช่เป็นความผิดเรื่องละเมิดก็ต้องรับผิดในฐานเป็นตัวแทนผู้เสียหายด้วย ดังนี้เป็นเรื่องยกประเด็นขึ้นมาใหม่ มิใช่ข้อที่ว่ากันมาในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาจะรับวินิจฉัยให้ไม่ได้.
เมื่อโจทก์จำเลยกะประเด็นมาแต่ศาลขั้นต้นว่ามีประเด็นข้อสืบเป็นเรื่องละเมิดแล้ว ในชั้นฎีกาจะโต้เถียงว่าควรปรับอายุความเข้าตามบทมาตรา 164,165 ย่อมเป็นการแปรเรื่องเป็นอื่นซึ่งไม่ตรงกับคดี และจะโต้เถียงว่า หากจะมิใช่เป็นความผิดเรื่องละเมิดก็ต้องรับผิดในฐานเป็นตัวแทนผู้เสียหายด้วย ดังนี้เป็นเรื่องยกประเด็นขึ้นมาใหม่ มิใช่ข้อที่ว่ากันมาในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาจะรับวินิจฉัยให้ไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1794-1795/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความละเมิด: เริ่มนับเมื่อรู้ผู้รับผิด และการยกประเด็นใหม่ในชั้นฎีกา
การนับอายุความ 1 ปี เรื่องละเมิดตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 ต้องเริ่มนับแต่วันที่ผู้เสียหายรู้ว่าใครควรรับผิดอย่างใด เมื่อมาฟ้องคดีเกินกว่าหนึ่งปี นับแต่ได้ทราบเรื่อง ก็ขาดอายุความ (ฎีกา 243/2497)
เมื่อโจทก์จำเลยกะประเด็นกันมาแต่ศาลชั้นต้นว่ามีประเด็นข้อสืบเป็นเรื่องละเมิดแล้ว ในชั้นฎีกาจะโต้เถียงว่าควรปรับอายุความเข้าตามบทมาตรา 164,165 ย่อมเป็นการแปรเรื่องเป็นอื่นซึ่งไม่ตรงกับคดี และจะโต้เถียงว่า หากจะมิใช่เป็นความผิดเรื่องละเมิดก็ต้องรับผิดในฐานเป็นตัวแทนผู้เสียหายด้วย ดังนี้เป็นเรื่องยกประเด็นขึ้นมาใหม่ มิใช่ข้อที่ว่ากันมาในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาจะรับวินิจฉัยให้ไม่ได้
เมื่อโจทก์จำเลยกะประเด็นกันมาแต่ศาลชั้นต้นว่ามีประเด็นข้อสืบเป็นเรื่องละเมิดแล้ว ในชั้นฎีกาจะโต้เถียงว่าควรปรับอายุความเข้าตามบทมาตรา 164,165 ย่อมเป็นการแปรเรื่องเป็นอื่นซึ่งไม่ตรงกับคดี และจะโต้เถียงว่า หากจะมิใช่เป็นความผิดเรื่องละเมิดก็ต้องรับผิดในฐานเป็นตัวแทนผู้เสียหายด้วย ดังนี้เป็นเรื่องยกประเด็นขึ้นมาใหม่ มิใช่ข้อที่ว่ากันมาในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาจะรับวินิจฉัยให้ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1694-1695/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความครอบครองปรปักษ์และการขาดสิทธิในที่ดิน: ศาลยืนตามศาลอุทธรณ์ให้ยกฟ้อง
จำเลยแย่งการครอบครองที่มือเปล่าจากโจทก์กว่า 1 ปีเมื่อโจทก์ฟ้องอ้างว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองในที่พิพาท แต่โจทก์ไม่มีสิทธิเพราะโจทก์ขาดสิทธิเสียแล้ว ถึงแม้โจทก์จะคัดค้านว่าจำเลยไม่อ้างอายุความขึ้นต่อสู้ ศาลก็ยกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1591/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ การสละการครอบครอง และอายุความฟ้องแย้ง กรณีพิพาทเกี่ยวกับที่ดิน
ในคดีสองสำนวน โจทก์จำเลยต่างผลัดกันเป็นโจทก์ร้องฟ้องกันเกี่ยวกับที่พิพาทรายเดียวกัน แต่คดีหลังฟ้องเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใหม่ ดังนี้ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
ที่พิพาทเป็นที่มือเปล่า แม้จำเลยจะรับว่าโจทก์ได้เข้าทำนาในที่พิพาทมาเกิน 1 ปีแล้ว แต่ปรากฎว่าในคดีอีกสำนวนหนึ่ง (ระหว่างโจทก์กับจำเลยในคดีนี้) โจทก์แถลงต่อศาลว่าจะออกจากที่พิพาทไป ดังนี้ถือว่า โจทก์ได้สละการครอบครองตาม ป.พ.พ.มาตรา 1377 แล้ว โจทก์กลับมาแย่งการครอบครองใหม่ จำเลยจึงฟ้อง (แย้ง) เมื่อนับแต่วันโจทก์แถลงสละการครอบครองจนถึงวันจำเลยฟ้องแย้งยังไม่เกิน 1 ปี คดีของจำเลยจึงยังไม่ขาดอายุความ.
ที่พิพาทเป็นที่มือเปล่า แม้จำเลยจะรับว่าโจทก์ได้เข้าทำนาในที่พิพาทมาเกิน 1 ปีแล้ว แต่ปรากฎว่าในคดีอีกสำนวนหนึ่ง (ระหว่างโจทก์กับจำเลยในคดีนี้) โจทก์แถลงต่อศาลว่าจะออกจากที่พิพาทไป ดังนี้ถือว่า โจทก์ได้สละการครอบครองตาม ป.พ.พ.มาตรา 1377 แล้ว โจทก์กลับมาแย่งการครอบครองใหม่ จำเลยจึงฟ้อง (แย้ง) เมื่อนับแต่วันโจทก์แถลงสละการครอบครองจนถึงวันจำเลยฟ้องแย้งยังไม่เกิน 1 ปี คดีของจำเลยจึงยังไม่ขาดอายุความ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1591/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องแย้งเรื่องการครอบครองที่ดินไม่ขาดอายุความ แม้จำเลยจะรับว่าโจทก์เคยครอบครองก่อนหน้า หากโจทก์สละการครอบครองแล้วกลับเข้าครอบครองใหม่
ในคดีสองสำนวน โจทก์จำเลยต่างผลัดกันเป็นโจทก์ร้องฟ้องกันเกี่ยวกับที่พิพาทรายเดียวกัน แต่คดีหลังฟ้องเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใหม่ ดังนี้ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
ที่พิพาทเป็นที่มือเปล่า แม้จำเลยจะรับว่าโจทก์ได้เข้าทำนาในที่พิพาทมาเกิน 1 ปีแล้ว แต่ปรากฏว่าในคดีอีกสำนวนหนึ่ง(ระหว่างโจทก์กับจำเลยในคดีนี้) โจทก์แถลงต่อศาลว่าจะออกจากที่พิพาทไป ดังนี้ถือว่าโจทก์ได้สละการครอบครอง ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1377 แล้ว โจทก์กลับมาแย่งการครอบครองใหม่ จำเลยจึงฟ้อง(แย้ง) เมื่อนับแต่วันโจทก์แถลงสละการครอบครองจนถึงวันจำเลยฟ้องแย้งยังไม่เกิน 1 ปี คดีของจำเลยจึงยังไม่ขาดอายุความ
ที่พิพาทเป็นที่มือเปล่า แม้จำเลยจะรับว่าโจทก์ได้เข้าทำนาในที่พิพาทมาเกิน 1 ปีแล้ว แต่ปรากฏว่าในคดีอีกสำนวนหนึ่ง(ระหว่างโจทก์กับจำเลยในคดีนี้) โจทก์แถลงต่อศาลว่าจะออกจากที่พิพาทไป ดังนี้ถือว่าโจทก์ได้สละการครอบครอง ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1377 แล้ว โจทก์กลับมาแย่งการครอบครองใหม่ จำเลยจึงฟ้อง(แย้ง) เมื่อนับแต่วันโจทก์แถลงสละการครอบครองจนถึงวันจำเลยฟ้องแย้งยังไม่เกิน 1 ปี คดีของจำเลยจึงยังไม่ขาดอายุความ