คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
กรรมเดียว

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 846 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 400/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานมีเครื่องกระสุนปืน: การพิจารณาความต่อเนื่องของการกระทำผิดและกรรมเดียว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดหลายกรรม จำเลยให้การรับสารภาพ โดยที่ข้อหาที่โจทก์ฟ้องจำเลยตามฟ้องข้อ 1 ก. ก็ดี ตามฟ้องข้อ 2 ก็ดี ล้วนเป็นข้อหาฐานมีเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ผู้ใดมีไว้ในครอบครองได้ ซึ่งเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ มาตรา 78 บทมาตราเดียวกัน วันเวลาที่กล่าวหาตามฟ้องข้อ 1 ก. คือวันที่ 18 สิงหาคม 2526 ตามฟ้องข้อ 2 คือวันที่ 17 สิงหาคม 2526 เวลากลางคืนก่อนเที่ยงถึงวันที่ 18 สิงหาคม 2526 เวลากลางวันติดต่อกัน ซึ่งเป็นความผิดต่อเนื่องกันตลอดเวลาที่ยังครอบครองอยู่เรื่อยมา จะถือว่าจำเลยกระทำผิดในวันที่ 17 กรรมหนึ่ง และกระทำผิดในวันที่ 18 อีกกรรมหนึ่งหาได้ไม่ ต้องถือว่าจำเลยกระทำผิดในวันที่ 18 วันเดียวกันนั่นเอง โดยเฉพาะจำเลยถูกจับในคราวเดียวกัน ในคำร้องขอฝากขังครั้งที่ 1 และในฟ้องของโจทก์ก็ได้กล่าวไว้ชัดเจนว่าตำรวจตรวจค้นจับกุมยึดเครื่องกระสุนปืนตามฟ้องข้อ1 ก. และข้อ 2 ได้ในวันที่ 18 สิงหาคม 2526 วันเดียวกัน จึงต้องถือว่าจำเลยกระทำผิดในคราวเดียวกันโดยมีเจตนาให้เกิดผลเป็นกรรมเดียวกัน ลักษณะของการกระทำก็อย่างเดียวกันผิดกฎหมายบทเดียวกัน และในวันเวลาเดียวกันด้วย แม้สถานที่ที่จำเลยซุกซ่อนเครื่องกระสุนปืนเหล่านั้นไว้จะอยู่ต่างตำบลกันบ้างก็หาทำให้มีผลแตกต่างกันไปไม่ในเมื่อจำเลยได้มีเครื่องกระสุนปืนเหล่านั้นไว้ในครอบครองโดยเจตนากระทำผิดกฎหมายบทเดียวกันในคราวเดียวกันนั่นเอง จึงต้องถือว่าเป็นความผิดกรรมเดียวกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3942/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปลอมและใช้เอกสารปลอม: การพิจารณาความผิดกรรมเดียว vs. หลายกรรม และการลดโทษตามกฎหมาย
คดีจะต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงหรือไม่นั้น ต้องพิจารณาตามฐานความผิดเป็นกระทง ๆ ไป เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยแต่ละกระทงจำคุกไม่เกิน 5 ปี และศาลอุทธรณ์พิพากษายืน คดีจึงต้องฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
จำเลยปลอมหนังสือเดินทางซึ่งเป็นเอกสารราชการของกระทรวงต่างประเทศ และจำเลยได้ทำปลอมขึ้นซึ่งรอยตราของสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ไทยประจำกรุงเบรุตประเทศเลบานอน แล้วประทับรอยตราปลอมดังกล่าวลงในหนังสือเดินทางที่จำเลยปลอมขึ้น อันเป็นการปลอมหนังสือเดินทางทั้งฉบับให้สำเร็จบริบูรณ์ดังเจตนาของจำเลย การกระทำของจำเลยในส่วนนี้จึงเป็นกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบท คือมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 กับมาตรา 251 กระทงหนึ่ง ต่อมาเมื่อจำเลยนำหนังสือเดินทางที่จำเลยทำปลอมขึ้นและมีรอยตราปลอมประทับดังกล่าวไปใช้แสดงต่อเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง เพื่อตรวจประทับตราเดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรและเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร รวม 3 ครั้ง แม้จะเป็นการใช้ในลักษณะเดียวกัน แต่ก็เป็นการใช้คนละเวลาคนละครั้งต่างกรรมกัน การกระทำของจำเลยในส่วนนี้จึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือจำเลยมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคแรกประกอบด้วยมาตรา 265 และมาตรา 251 ประกอบด้วยมาตรา 252 แต่เนื่องจากมาตรา 263 บัญญัติว่าถ้าผู้กระทำผิดตามมาตรา 251 ได้กระทำผิดตามมาตรา 252 ด้วยให้ลงตามมาตรา 251 กระทงเดียว ดังนั้นเมื่อจำเลยเป็นผู้ทำรอยตราปลอมอันเป็นความผิดตามมาตรา 251 และได้ใช้รอยตราปลอมนั้นอันเป็นความผิดตามมาตรา 252 รวม 3 ครั้ง ในการใช้ครั้งแรกจำเลยทำรอยตราปลอมและใช้รอยตราปลอมด้วย จึงมีความผิดตามมาตรา 251 ประกอบด้วยมาตรา 263 กระทงหนึ่ง แต่ในการใช้ครั้งที่สองและครั้งที่สามจำเลยมิได้ปลอมรอยตราขึ้นอีก คงใช้รอยตราปลอมอันเก่านั้นเอง จึงมีความผิดฐานใช้รอยตราปลอมอย่างเดียวตามมาตรา 252 อีก 2 กระทง รวมทั้งสิ้น 3 กระทง ปัญหาว่าการกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทหรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จะไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ขึ้นมา ศาลฎีกาก็หยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ (หมายเหตุ วรรค 2 วินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 2/2529)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3892/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดกรรมเดียวจากการบุกรุกและขู่เข็ญเพื่อขับไล่ผู้อื่นออกจากเคหสถาน
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานบุกรุกและฐานทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวโดยการขู่เข็ญ คดีได้ความว่าจำเลยบุกรุกเข้าไปขับไล่ให้ผู้เสียหายออกไปเสียจากขนำของผู้เสียหาย ครั้นผู้เสียหายขัดขืน จำเลยจึงใช้ปืนที่ติดตัวไปยิงขู่จนผู้เสียหายตกใจกลัวออกไปจากขนำ การกระทำของจำเลยมีเจตนาขู่เข็ญเพื่อขับไล่ผู้เสียหายให้ออกไปจากขนำเป็นข้อสำคัญ จึงเป็นความผิดกรรมเดียว อันเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3892/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดกรรมเดียวในการบุกรุกและขู่เข็ญ: การกระทำมีเจตนาขับไล่เป็นสำคัญ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานบุกรุกและฐานทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวโดยการขู่เข็ญ คดีได้ความว่าจำเลยบุกรุกเข้าไปขับไล่ ให้ผู้เสียหายออกไปเสียจากขนำของผู้เสียหายครั้นผู้เสียหายขัดขืน จำเลยจึงใช้ปืนที่ติดตัวไปยิงขู่จนผู้เสียหายตกใจกลัวออกไปจากขนำ การกระทำของจำเลยมีเจตนาขู่เข็ญเพื่อขับไล่ผู้เสียหายให้ออกไป จากขนำเป็นข้อสำคัญ จึงเป็นความผิดกรรมเดียว อันเป็นความผิด ต่อกฎหมายหลายบท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3892/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานบุกรุกและขู่เข็ญ: พิจารณาความผิดกรรมเดียวหรือหลายกรรม
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานบุกรุกและฐานทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวโดยการขู่เข็ญคดีได้ความว่าจำเลยบุกรุกเข้าไปขับไล่ให้ผู้เสียหายออกไปเสียจากขนำของผู้เสียหายครั้นผู้เสียหายขัดขืนจำเลยจึงใช้ปืนที่ติดตัวไปยิงขู่จนผู้เสียหายตกใจกลัวออกไปจากขนำการกระทำของจำเลยมีเจตนาขู่เข็ญเพื่อขับไล่ผู้เสียหายให้ออกไปจากขนำเป็นข้อสำคัญจึงเป็นความผิดกรรมเดียวอันเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3398/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าต่อเนื่อง: การกระทำเป็นกรรมเดียว แม้ใช้อาวุธต่างกัน
การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย1นัดแล้วกลับบ้านต่อมาในคืนเดียวกันจำเลยทราบว่าผู้ตายยังไม่ถึงแก่ความตายจึงได้ย้อนกลับไปใช้ไม้ไผ่ตีทำร้ายผู้ตายอีกจนถึงแก่ความตายนั้นก็ด้วยเจตนาเดียวกันคือเจตนาฆ่าผู้ตายเมื่อจำเลยได้กระทำในเวลาใกล้เคียงต่อเนื่องกันจึงเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา288 การที่จำเลยทราบว่าผู้ตายยังไม่ถึงแก่ความตายจึงย้อนกลับไปยังที่เกิดเหตุอีกโดยมิได้ถืออาวุธไปด้วยเมื่อพบไม้ไผ่ปลายแหลมใกล้ที่เกิดเหตุจึงใช้ไม้ไผ่ดังกล่าวตีทำร้ายผู้ตายจนถึงแก่ความตายนั้นเป็นเรื่องจำเลยต้องการทำร้ายผู้ตายให้ถึงแก่ความตายตามเจตนาเดิมของจำเลยการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา289.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 271/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต: ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยกระทำผิดจริงตามฟ้องและพิพากษาลงโทษจำเลยจำเลยมิได้อุทธรณ์คัดค้านข้อเท็จจริงแต่ประการใดจำเลยจะย้อนกลับมาฎีกาคัดค้านข้อเท็จจริงดังกล่าวอีกไม่ได้. จำเลยมีอาวุธปืนพร้อมด้วยกระสุนปืนของกลางจำนวน3นัดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตกระสุนปืนของกลางมีไว้เพื่อใช้กับอาวุธปืนของกลางโดยเฉพาะจำเลยเจตนามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้เพื่อความประสงค์อันเดียวกันการกระทำของจำเลยถือว่าเป็นกรรมเดียวแต่เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทถึงแม้กระสุนปืนของกลางนั้นจะเป็นเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ก็ตาม.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 255/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดหลายบท – ฉ้อโกง – คืนเงินให้ผู้เสียหาย
ฟ้องว่าจำเลยปลอมบันทึกขออนุมัติเดินทางไปราชการและยืมเงินทดรองจ่ายกับปลอมสัญญายืมเงินในวันเดียวกันการปลอมทั้งสองครั้งตามฟ้องข้อก.และข.เพื่อนำไปแสดงขอรับเงิน2,500บาทจากพนักงานการเงินพนักงานการเงินหลงเชื่อจึงจ่ายเงินให้ไปดังนี้การกระทำตามฟ้องข้อก.และข.ก็โดยมีเจตนาที่จะนำไปใช้เป็นหลักฐานในการหลอกลวงพนักงานการเงินตามฟ้องข้อค.เป็นการกระทำที่ต่อเนื่องกันตั้งแต่จำเลยปลอมจนถึงเวลาที่ใช้เอกสารปลอมเพื่อหลอกลวงรับเงินจากพนักงานการเงินจึงเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทมิใช่เป็นการกระทำผิดต่างกรรมกัน. โจทก์กล่าวในฟ้องว่าจำเลยได้เงินของผู้เสียหายไปโดยการหลอกลวงและคดีฟังได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานฉ้อโกงด้วยดังนี้ศาลต้องพิพากษาให้จำเลยคืนหรือใช้จำนวนเงินตามที่โจทก์ขอมาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา43.(ที่มา-เนติฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2322/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ร่วมปล้นทรัพย์-ทำร้ายร่างกาย: ศาลฎีกาตัดสินจำคุกโดยพิจารณาความผิดกรรมเดียวและโทษบทหนักสุด
การที่จำเลยทั้งสองกับพวกอีกสองคนร่วมดื่มสุราอยู่ในที่เกิดเหตุเมื่อจำเลยที่2ใช้ปืนจี้และขู่ผู้เสียหายไม่ให้ร้องจำเลยที่1กับพวกต่างก็ใช้มีดจี้ผู้เสียหายทันทีแสดงว่าจำเลยที่1กับพวกพร้อมที่จะช่วยเหลือจำเลยที่2เพื่อมิให้ผู้เสียหายต่อสู้ขัดขวางครั้นจำเลยที่2ผลักผู้เสียหายล้มลงและเอาเท้าเหยียบคอผู้เสียหายไว้จำเลยที่1ก็แทงผู้เสียหายในเวลาติดต่อกันไปและหลังจากปล้นได้ทรัพย์แล้วก็หลบหนีไปพร้อมกันนั้นเป็นพฤติการณ์ที่เห็นได้ชัดว่าจำเลยทั้งสองกับพวกได้ร่วมกระทำผิดโดยตลอดจำเลยที่2ย่อมต้องรับผิดในการที่จำเลยที่1แทงผู้เสียหายด้วยแต่มีดที่จำเลยที่1ใช้แทงผู้เสียหายนั้นยาวประมาณ4-5นิ้วกว้างประมาณ1นิ้วจำเลยที่1แทงเพียงทีเดียวแล้วหยุดเลิกไปเองทั้งๆที่มีโอกาสจะแทงซ้ำและได้ความจากแพทย์ผู้ตรวจบาดแผลว่าบาดแผลรักษาหายภายใน7วันจึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่1แทงผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่าแต่เป็นการกระทำเพื่อความสะดวกในการกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์ซึ่งเป็นการกระทำความผิดในวาระเดียวกัน.อันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทไม่ใช่ความผิดหลายกรรมแม้จำเลยทั้งสองมิได้ฎีกาแต่ก็เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยให้เป็นคุณแก่จำเลยทั้งสองได้. ในการปล้นทรัพย์โดยมีหรือใช้อาวุธปืนนั้นประมวลกฎหมายอาญามาตรา340ตรีลงโทษหนักขึ้นเฉพาะตัวผู้มีหรือใช้อาวุธปืนเมื่อจำเลยที่1เป็นเพียงผู้ที่ร่วมปล้นและมีอาวุธมีดติดตัวเท่านั้นจึงไม่ต้องรับโทษหนักขึ้นด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2314/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดหลายบท: การบุกรุกเพื่อดูหมิ่นผู้เสียหาย ถือเป็นกรรมเดียว ใช้บทลงโทษหนักสุด
การที่จำเลยบุกรุกเข้าไปในบ้านของผู้เสียหายแล้วดูหมิ่นผู้เสียหายในทันทีทันใดนั้น เป็นการกระทำที่ต่อเนื่องกัน โดยมีเจตนาอันแท้จริงเพื่อดูหมิ่นผู้เสียหายเท่านั้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียว. เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ใช้กฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษแก่จำเลย
สำหรับความผิดฐานบุกรุก เมื่อศาลพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365 แล้ว ก็ไม่จำต้องยกมาตรา 362, 364 ขึ้นปรับบทลงโทษอีก
of 85