พบผลลัพธ์ทั้งหมด 635 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1717/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการครอบครองห้องเช่าก่อนสัญญาใหม่: โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยผู้ครอบครองก่อนไม่ได้ หากไม่รวมเจ้าของเดิม
จำเลยได้ครอบครองห้องพิพาทอยู่ก่อนที่โจทก์ได้ทำสัญญาเช่าจากเจ้าของเดิม เมื่อจำเลยไม่ยอมให้โจทก์เข้าครอบครองกรณีต้องด้วย ป.พ.พ. มาตรา 477,549 ซึ่งถ้าโจทก์ไม่ขอให้ศาลเรียกเจ้าของเดิมเข้ามาเป็นโจทก์ร่วมในคดีแล้ว โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยโดยลำพังได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1567/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายจากการบุกรุกศาสนสมบัติ ศาลมีอำนาจกำหนดค่าเสียหายแม้โจทก์มิได้นำสืบ
คดีที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและให้รื้อถอนบ้านเรือนออกไปจากที่พิพาทและไม่บังคับให้จำเลยใช้ค่าเสียหายตามที่โจทก์ขอ แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย 100 บาทและเดือนต่อๆไปอีกเดือนละ 2 บาทนับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะรื้อถอนเรือนออกไปจากที่พิพาท ดังนี้เป็นแก้น้อยฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้
ตาม พระราชบัญญัติปกครองคณะสงฆ์ มาตรา 43 เจ้าอาวาสมีหน้าที่บำรุงรักษาจัดการวัดและสมบัติของวัด จึงมีอำนาจฟ้องคดีได้เอง หรือจะมอบอำนาจให้ผู้ใดฟ้องความแทนก็ได้
ใบมอบอำนาจท้ายฟ้องถือเป็นส่วนหนึ่งของฟ้อง การวินิจฉัยเกี่ยวกับใบมอบอำนาจจึงไม่เป็นการวินิจฉัยคลาดเคลื่อนไปจากฟ้อง (นอกฟ้อง)
เมื่อข้อเท็จจริงฟังว่าการกระทำของจำเลยเป็นการละเมิดแม้โจทก์จะนำสืบความเสียหายไม่ได้ว่ามีจำนวนแค่ใดแน่นอน ศาลก็มีอำนาจกำหนดค่าเสียหายให้ได้ตามที่เห็นสมควร ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 438 (ฎีกาที่ 1499/2498 และ1494/2498)
ตาม พระราชบัญญัติปกครองคณะสงฆ์ มาตรา 43 เจ้าอาวาสมีหน้าที่บำรุงรักษาจัดการวัดและสมบัติของวัด จึงมีอำนาจฟ้องคดีได้เอง หรือจะมอบอำนาจให้ผู้ใดฟ้องความแทนก็ได้
ใบมอบอำนาจท้ายฟ้องถือเป็นส่วนหนึ่งของฟ้อง การวินิจฉัยเกี่ยวกับใบมอบอำนาจจึงไม่เป็นการวินิจฉัยคลาดเคลื่อนไปจากฟ้อง (นอกฟ้อง)
เมื่อข้อเท็จจริงฟังว่าการกระทำของจำเลยเป็นการละเมิดแม้โจทก์จะนำสืบความเสียหายไม่ได้ว่ามีจำนวนแค่ใดแน่นอน ศาลก็มีอำนาจกำหนดค่าเสียหายให้ได้ตามที่เห็นสมควร ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 438 (ฎีกาที่ 1499/2498 และ1494/2498)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1537/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเช่าเป็นสิทธิเฉพาะตัว, การฟ้องขับไล่ผู้บุกรุกหลังสิทธิเดิมระงับ, ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องต้องยกขึ้นในชั้นต้น
สามีเช่าเคหะ เมื่อสามีตาย ภริยาซึ่งอยู่ร่วมกันเช่าเป็นเคหะต่อไปดังนี้ เมือบุตรเลี้ยงซึ่งเป็นผู้อาศัยแสดงตนเป็นปฏิปักษ์ต่อการครอบครองเคหะ ภริยาหรือมารดาเลี้ยงนั้นฟ้องขับไล่ได้
ข้ออ้างที่ว่าโจทก์มิได้บอกกล่าวเลิกสิทธิอาศัยก่อนฟ้องจึงไม่มีอำนาจฟ้องนั้น ไม่ใช่ปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน เมื่อจำเลยมิได้อ้างไว้ในศาลชั้นต้น จึงมาอ้างในชั้นอุทธรณ์ไม่ได้
สิทธิการเช่าเป็นสิทธิเฉพาะตัว เมื่อผู้เช่าตายก็ย่อมระงับไปไม่เป็นมรดกตกทอดไปยังทายาท.
ข้ออ้างที่ว่าโจทก์มิได้บอกกล่าวเลิกสิทธิอาศัยก่อนฟ้องจึงไม่มีอำนาจฟ้องนั้น ไม่ใช่ปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน เมื่อจำเลยมิได้อ้างไว้ในศาลชั้นต้น จึงมาอ้างในชั้นอุทธรณ์ไม่ได้
สิทธิการเช่าเป็นสิทธิเฉพาะตัว เมื่อผู้เช่าตายก็ย่อมระงับไปไม่เป็นมรดกตกทอดไปยังทายาท.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1095/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องขับไล่ผู้บุกรุกที่ดินสาธารณสมบัติที่กีดขวางการใช้ประโยชน์ที่ดินของเจ้าของ
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยให้ออกจากที่ ทางพิจารณาว่าที่ ๆ จำเลยปลูกบ้านอยู่ในที่สาธารณ คืออยู่ในที่น้ำท่วมถึง แต่ที่นี้อยู่หน้าที่พิพาทของโจทก์ เรือนโรงของจำเลยกีดขวางหน้าที่โจทก์ โจทก์เสียหายพิเศษ โจทก์มีอำนาจฟ้องขับไล่ได้ ศาลฎีกาพิพากษาให้ขับไล่จำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1095/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องขับไล่ผู้บุกรุกที่ดินสาธารณสมบัติที่กีดขวางการใช้สิทธิในที่ดินของเจ้าของ
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยให้ออกจากที่ ทางพิจารณาว่าที่ที่จำเลยปลูกบ้านอยู่ในที่สาธารณคืออยู่ในที่น้ำท่วมถึงแต่ที่นี้อยู่หน้าที่พิพาทของโจทก์
เรือนโรงของจำเลยกีดขวางหน้าที่โจทก์ โจทก์เสียหายพิเศษโจทก์มีอำนาจฟ้องขับไล่ได้ ศาลฎีกาพิพากษาให้ขับไล่จำเลย
เรือนโรงของจำเลยกีดขวางหน้าที่โจทก์ โจทก์เสียหายพิเศษโจทก์มีอำนาจฟ้องขับไล่ได้ ศาลฎีกาพิพากษาให้ขับไล่จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 947/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของผู้เช่าในการฟ้องขับไล่ผู้อาศัยที่ไม่ได้รับอนุญาต แม้จะยังมิได้เข้าครอบครองสถานที่เช่า
โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์ที่ 2 ได้โอนสิทธิการเช่าห้องพิพาทให้โจทก์ที่ 1 แล้วโจทก์ที่ 1 ได้เช่าตรงต่อทรัพย์สิน ฯ จำเลยเป็นลูกจ้างที่ 2 โจทก์ที่ 2 ได้บอกให้จำเลยและบริวารออกจากห้องพิพาท จำเลยไม่ยอมออก จึงฟ้องขอให้บังคับ
ฟ้องของโจทก์ดังกล่าวมานี้แสดงว่าโจทก์เป็นผู้เช่าสถานที่พิพาทจากทรัพย์สิน ฯ จำเลยเป็นผู้อาศัยและโจทก์ได้แจ้งให้จำเลยออกจากสถานที่เช่าแล้ว จำเลยไม่ยอมออกเช่นนี้โดยปกติโจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะฟ้องจำเลยได้ ส่วนข้อต่อสู้จำเลยจะมีอย่างไรเป็นเรื่องที่จะต้องว่ากล่าวกันในชั้นพิจารณา ฟ้องโจทก์ควรรับไว้ พิจารณาต่อไป
ฟ้องของโจทก์ดังกล่าวมานี้แสดงว่าโจทก์เป็นผู้เช่าสถานที่พิพาทจากทรัพย์สิน ฯ จำเลยเป็นผู้อาศัยและโจทก์ได้แจ้งให้จำเลยออกจากสถานที่เช่าแล้ว จำเลยไม่ยอมออกเช่นนี้โดยปกติโจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะฟ้องจำเลยได้ ส่วนข้อต่อสู้จำเลยจะมีอย่างไรเป็นเรื่องที่จะต้องว่ากล่าวกันในชั้นพิจารณา ฟ้องโจทก์ควรรับไว้ พิจารณาต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 947/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของผู้เช่าในการฟ้องขับไล่ผู้อาศัยที่ไม่ปฏิบิติตามสัญญาเช่า
โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์ที่ 2 ได้โอนสิทธิการเช่าห้องพิพาทให้โจทก์ที่ 1 แล้ว โจทก์ที่ 1 ได้เช่าตรงต่อทรัพย์สินฯ จำเลยเป็นลูกจ้างโจทก์ที่ 2 โจทก์ที่ 2 ได้บอกให้จำเลยและบริวารออกจากห้องพิพาท จำเลยไม่ยอมออกจึงฟ้องขอให้บังคับ
ฟ้องของโจทก์ดังกล่าวมานี้แสดงว่าโจทก์เป็นผู้เช่าสถานที่พิพาทจากทรัพย์สินฯ จำเลยเป็นผู้อาศัย และโจทก์ได้แจ้งให้จำเลยออกจากสถานที่เช่าแล้ว จำเลยไม่ยอมออก เช่นนี้โดยปกติโจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะฟ้องจำเลยได้ ส่วนข้อต่อสู้จำเลยจะมีอย่างไรเป็นเรื่องที่จะต้องว่ากล่าวกันในชั้นพิจารณา ฟ้องโจทก์ควรรับไว้พิจารณาต่อไป
ฟ้องของโจทก์ดังกล่าวมานี้แสดงว่าโจทก์เป็นผู้เช่าสถานที่พิพาทจากทรัพย์สินฯ จำเลยเป็นผู้อาศัย และโจทก์ได้แจ้งให้จำเลยออกจากสถานที่เช่าแล้ว จำเลยไม่ยอมออก เช่นนี้โดยปกติโจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะฟ้องจำเลยได้ ส่วนข้อต่อสู้จำเลยจะมีอย่างไรเป็นเรื่องที่จะต้องว่ากล่าวกันในชั้นพิจารณา ฟ้องโจทก์ควรรับไว้พิจารณาต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 896/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิผู้เช่าในการฟ้องขับไล่ผู้อาศัยสิทธิ และอำนาจฟ้องของผู้เช่าเมื่อมีข้อพิพาทกับผู้อาศัยสิทธิ
ในฟ้องของโจทก์กล่าวว่าโจทก์ที่ 1 ได้รับโอนการเช่าโรงเรือนของทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์มาจาก โจทก์ที่ 2 ผู้เช่าเดิม แต่ระหว่างโจทก์ที่ 2 เป็นผู้เช่า โจทก์ที่ 2 ได้ตกลงจ้างจำเลยจัดการดำเนินการค้าอยู่ในโรงเรือนที่เช่า ครั้นโจทก์ที่ 1 ได้รับโอนสิทธิการเช่ามาจากโจทก์ที่ 2 แล้ว โจทก์ที่2 ได้บอกเลิกจ้างจำเลยและให้จำเลยเลิกดำเนินการค้าเพื่อส่งมอบเรือนโรงรายนี้ให้แก่โจทก์ที่ 1 จำเลยไม่ปฏิบัติตามยังคงทำการค้าและอาศัยอยู่ในโรงเรือนรายนี้ตลอดมาโดยมิได้รับความอนุญาตจากเจ้าของสถานที่และโจทก์ที่ 1 ผู้เช่าเป็นการละเมิดและรอนสิทธิโจทก์ที่ 1 ฟ้องดังกล่าวมานี้แสดงว่าโจทก์เป็นผู้เช่าสถานที่พิพาทจากทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ จำเลยเป็นผู้อาศัยสิทธิโจทก์ และโจทก์ได้แจ้งให้จำเลยออกจากสถานที่เช่าแล้วจำเลยไม่ยอมออกเช่นนี้โดยปกติโจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะฟ้องจำเลยได้ ส่วนข้อต่อสู้จำเลยจะมีอย่างไรเป็นเรื่องที่จะต้องว่ากล่าวกันในชั้นพิจารณา.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 896/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของผู้เช่าในการฟ้องขับไล่ผู้อาศัยสิทธิของผู้เช่า โดยผู้เช่ามีสิทธิฟ้องได้แม้ไม่ใช่เจ้าของสถานที่
ในฟ้องของโจทก์กล่าวว่าโจทก์ที่ 1 ได้รับโอนการเช่าโรงเรือนของทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์มาจากโจทก์ที่ 2 ผู้เช่าเดิมแต่ระหว่างโจทก์ที่ 2 เป็นผู้เช่า โจทก์ที่ 2 ได้ตกลงจ้างจำเลยจัดการดำเนินการค้าอยู่ในโรงเรือนที่เช่า ครั้นโจทก์ที่ 1 ได้รับโอนสิทธิการเช่ามาจากโจทก์ที่ 2 แล้วโจทก์ที่ 2 ได้บอกเลิกจ้างจำเลยและให้จำเลยเลิกดำเนินการค้าเพื่อส่งมอบเรือนโรงรายนี้ให้แก่โจทก์ที่ 1 จำเลยไม่ปฏิบัติตามยังคงทำการค้าและอาศัยโรงเรือนรายนี้ตลอดมาโดยมิได้รับความอนุญาตจากเจ้าของสถานที่และโจทก์ที่ 1 ผู้เช่าเป็นการละเมิดและรอนสิทธิโจทก์ที่ 1 ฟ้องดังกล่าวมานี้แสดงว่าโจทก์เป็นผู้เช่าสถานที่พิพาทจากทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์จำเลยเป็นผู้อาศัยสิทธิโจทก์และโจทก์ได้แจ้งให้จำเลยออกจากสถานที่เช่าแล้วจำเลยไม่ยอมออกเช่นนี้โดยปกติโจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะฟ้องจำเลยได้ส่วนข้อต่อสู้จำเลยจะมีอย่างไรเป็นเรื่องที่จะต้องว่ากล่าวกันในชั้นพิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 835/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าที่ดินเพื่อปลูกสร้างเคหะ หากผู้เช่าขายฝากแล้วไม่ไถ่คืน สิทธิเช่าจะสิ้นสุดลง ผู้รับโอนมีสิทธิบอกเลิกสัญญาและขับไล่ได้
ที่ดินที่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯลฯนั้นต้องเป็นที่ดินเช่าสำหรับปลูกสร้างเคหะและที่ซึ่งต่อเนื่องเป็นบริเวณของเคหะเมื่อผู้เช่าที่ดินได้ขายฝากเรือนที่ปลูกสร้างใช้เป็นที่อยู่อาศัยในที่ดินที่เช่านี้และปล่อยให้หลุดตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ซื้อฝากไปแล้วผู้เช่าก็ไม่ใช่ผู้เช่าซึ่งได้รับหรือรับประโยชน์ในที่ดินที่เช่าตามความหมายของ พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ พ.ศ.2489 มาตรา16 การเช่าที่ดินรายนี้จึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าผู้รับโอนที่ดิน(ที่เช่า) รายนี้ย่อมมีสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่าที่ดินกับผู้เช่าได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 566,569,570