คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คู่ความ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 557 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1251/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลคำพิพากษาฎีกามีผลผูกพันคู่ความเดิม สิทธิมรดกเป็นของทายาทโดยชอบด้วยกฎหมาย
ข้อเท็จจริงเป็นอันยุติตามคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีก่อนว่าที่สวนยางรายนี้เป็นมรดกของนายนวล.ซึ่งทายาทของนายนวลมีสิทธิที่จะได้รับการแบ่งทรัพย์รายนี้ตามกฎหมายจำเลยในคดีหลังนี้ซึ่งเป็นคู่ความในคดีก่อนนั้นด้วยจะกลับมาโต้แย้งคัดค้านในคดีหลังนี้ว่าที่สวนยางรายเดียวกันนั้นเป็นทรัพย์ของตนฝืนคำพิพากษาของศาลฎีกาดังกล่าว ไม่ได้
ก่อนใช้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เมื่อชายหญิงอยู่กินด้วยกันฉันผัวเมียโดยเปิดเผย ก็เป็นผัวเมียกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่จำต้องจดทะเบียนการสมรส บุตรที่เกิดแต่ชายหญิงนั้นย่อมเป็นทายาทโดยธรรมของชายหญิงนั้นตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 610/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตั้งผู้รับมรดก: ทายาทโดยชอบด้วยกฎหมายเข้ามาเป็นคู่ความแทนจำเลยที่มรณะ
โจทก์ขอให้เรียก ซ.ภรรยาของจำเลยเข้ามาเป็นจำเลยแทนสามีซึ่งมรณะ ซ.ต่อสู้ว่าไม่ได้เป็นภรรยาโดยชอบด้วย ก.ม. ทั้งไม่ได้รับมรดกจากสามีแต่ประการใด แต่เมื่อไต่สวนแล้วศาลเชื่อว่า ซ.เป็นภรรยาโดยชอบด้วย ก.ม.เป็นทายาทของสามีผู้วายชนม์ ศาลก็ย่อมตั้งให้ ซ.เป็นผู้รับมรดกความได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 610/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตั้งทายาทเป็นคู่ความแทนจำเลยที่มรณะ: สิทธิในการรับมรดกและความจำเป็นในการเป็นผู้รับมรดก
โจทก์ขอให้เรียก ซ. ภรรยาของจำเลยเข้ามาเป็นจำเลยแทนสามีซึ่งมรณะ ซ. ต่อสู้ว่าไม่ได้เป็นภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมาย ทั้งไม่ได้รับมรดกจากสามีแต่ประการใดแต่เมื่อไต่สวนแล้วศาลเชื่อว่า ซ. เป็นภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมาย เป็นทายาทของสามีผู้วายชนม์ ศาลก็ย่อมตั้งให้ ซ. เป็นผู้รับมรดกความได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 515/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงระหว่างคู่ความในการดำเนินคดี และการท้าประเด็นการนำสืบพยาน
การที่คู่ความตกลงกันเกี่ยวกับการที่จำดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปอย่างไร ก็ย่อมมีผลบังคับได้
เมื่อโจทก์มิได้คัดค้านข้อที่ว่า "การท้านประเด็นจะต้องทำต่อหน้าคู่ความ" มาเสียแต่ชั้นต้นแล้วจะมากล่าว้างในชั้นฎีกาหาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 515/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงระหว่างคู่ความมีผลผูกพัน & การท้าประเด็นต้องทำต่อหน้าศาล
การที่คู่ความตกลงกันเกี่ยวกับการที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปอย่างไร ก็ย่อมมีผลบังคับได้
เมื่อโจทก์มิได้คัดค้านข้อที่ว่า'การท้าประเด็นจะต้องทำต่อหน้าคู่ความ'มาเสียแต่ชั้นต้นแล้วจะมากล่าวอ้างในชั้นฎีกาหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 391/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งมรดก: สิทธิของทายาท, การคำนวณส่วนแบ่ง, และผลกระทบต่อทายาทที่ไม่ได้เป็นคู่ความ
โจทก์ฟ้องขอแบ่งมรดกจากจำเลยครึ่งหนึ่งของมรดกมีทายาทคนหนึ่งร้องสอดเข้ามาเป็นจำเลยร่วมด้วยอ้างว่ามีส่วนได้ส่วนเสียตามกฎหมายตามทางพิจารณาปรากฏว่าเจ้ามรดกรายนี้มีทายาทรวมทั้งหมด5 คนคือโจทก์จำเลยผู้ร้องสอดและทายาทอื่นอีก 2 คนที่มิได้เข้ามาเป็นคู่ความในคดีนี้ถือว่าการแบ่งทรัพย์มรดกรายนี้ต้องแบ่งให้เพียงเท่าที่คู่ความมีสิทธิควรจะได้จะแบ่งโดยเอาส่วนของทายาทอื่นไปให้ด้วยหาได้ไม่เพราะไม่ใช่ส่วนได้ของคู่ความในคดีนี้และการแบ่งเช่นนี้มิใช่เป็นการกันส่วนแห่งทรัพย์มรดกไว้เพื่อทายาทอื่นตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1749
ดังนั้นจะแบ่งเป็น 3 ส่วนโดยถือว่าทายาทอีก 2 คนฟ้องหรือร้องขึ้นมาอาจถูกยกอายุความฟ้องแบ่งมรดกหรือสิทธิอ้างอิงเหตุอื่นเป็นข้อต่อสู้ไม่ให้ได้รับส่วนแบ่งหาได้ไม่เพราะเหตุต่อสู้อ้างอิงและผลของการต่อสู้ยังไม่ปรากฏมีขึ้นทั้งทายาทอาจตกลงแบ่งปันกันโดยดีหรือไม่ยกเหตุต่อสู้อะไรก็ได้จึงต้องแบ่งทรัพย์มรดกออกเป็น 5ส่วนให้โจทก์จำเลยและผู้ร้องสอดได้คนละ 1 ส่วน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 932/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวินิจฉัยคดีทางเดินต้องเป็นไปตามคำท้าของคู่ความ ศาลมิอาจใช้เหตุอื่นนอกเหนือจากที่ได้ท้ากันไว้
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยเปิดทางเดิน คู่ความท้ากันว่าให้ศาลไปตรวจดูที่พิพาทถ้าเห็นว่าที่พิพาทมีลักษณะและสภาพเป็นทางเดินมาก่อนหรือไม่ ถ้าเป็นจำเลยยอมแพ้ ถ้าไม่เป็นโจทก์ยอมแพ้
เมื่อศาลไปตรวจและบันทึกในรายงานกระบวนพิจารณาว่า"แนวทางเดินเท้าจากต้นมะลุมหมายอักษร ล. ในแผนที่กลางก็มาจบกับปลายทางเกวียนหมายอักษร ข." เพียงเท่านี้ไม่ชัดเจนพอจะเข้าใจได้ว่ามีลักษณะและสภาพเป็นทางคนเดินมาแต่ก่อนตรงกับที่คู่ความท้ากันไว้หรือไม่ ฉะนั้นการที่ศาลยกเอาเหตุอื่นๆ(นอกจากเหตุที่ท้ากันไว้)มาวินิจฉัยประกอบ(บันทึกที่ไม่ชัดนั้น)เพื่อให้เห็นว่าคนซึ่งอยู่ในที่ดินของโจทก์ย่อมต้องใช้ทางนี้เป็นทางเข้าออกมาแต่เดิมด้วยแล้วบังคับให้จำเลยเปิดทางคนเดินนั้น เป็นเรื่องนอกคำท้าของคู่ความ เป็นการไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 798/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งฟ้องในชั้นอุทธรณ์: การกำหนดระยะเวลาและหน้าที่ของคู่ความ
ในกรณีที่ผู้อุทธรณ์ยื่นอุทธรณ์.ศาลชั้นต้นเพียงแต่สั่งรับอุทธรณ์ส่งสำเนาอีกฝ่ายเพื่อแก้ แต่มิได้กำหนดวันให้ผู้อุทธรณ์จัดการส่งเมื่อปรากฏว่าผู้อุทธรณ์ไม่นำเจ้าพนักงานศาลส่งสำเนาฟ้องอุทธรณ์ให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งเกินกำหนด 15 วัน ไป 6 วัน นับแต่วันศาลสั่งรับอุทธรณ์นั้นยังไม่พอถือว่าทิ้งฟ้องอุทธรณ์อันถึงกับจะให้จำหน่ายคดี
ส่วนกำหนดระยะเวลา 15 วัน ที่บัญญัติไว้ใน มาตรา 174 ข้อ 1 นั้นหมายความเฉพาะในชั้นยื่นฟ้องและขอหมายเรียกให้จำเลยแก้คดีเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 660/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวินิจฉัยคดีมรดกโดยอาศัยคำพิพากษาเดิมที่ผูกมัดคู่ความ และการไม่ถือว่าเป็นฟ้องซ้ำ
โจทก์จำเลยพิพาทกันเรื่องมรดกที่ดินต่างอ้างถึงสำนวนคดีแดงอีกเรื่องหนึ่งเมื่อศาลเห็นว่าตามคำฟ้องคำให้การประกอบกับสำนวนเรื่องนั้นก็พอวินิจฉัยคดีได้ แล้ว ศาลก็อาจงดสืบพยานเสียแล้วนำสำนวนคดีนั้นมาวินิจฉัยประกอบได้เองโดยโจทก์จำเลยไม่ต้องขอระบุอ้าง
คดีก่อนโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาทคำพิพากษาถึงที่สุดวินิจฉัยว่าที่พิพาทโจทก์จำเลยมีกรรมสิทธิและปกครองร่วมกัน ข้อเท็จจริงอันนี้ย่อมผูกมัดโจทก์จำเลยในคดีนี้ซึ่งเป็นคู่ความเดียวกันด้วย และคดีหลังนี้โจทก์ฟ้องขอแบ่งที่พิพาทเป็นคนละประเด็นไม่เป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1753/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิฟ้องคดีอาญา: ผู้เสียหายโดยตรงจากการกระทำผิดต่อศาล ไม่ใช่คู่ความในคดีอื่น
ฟ้องโจทก์กล่าวว่าจำเลยที่ 1 ถูกบังคับให้มาเบิกความเป็นพยานในคดีที่โจทก์ถูกฟ้องเป็นคดีอาญาเรื่องหนึ่ง แต่จำเลยทั้ง 3 สมคบกันทำรายงานแพทย์เท็จว่าจำเลยที่ 1 ป่วยเป็นโรคบิดท้องร่วงอย่างแรง และจำเลยที่ 1 ทำหนังสือร้องเรียนศาลว่าคนป่วยเป็นโรคท้องร่วงอย่างแรงให้จำเลยที่ 3 นำหนังสือของจำเลยที่ 1 และรายงานแพทย์มาแสดงต่อศาล ฝ่ายจำเลยที่ 3 นำความที่รู้ว่าเป็นเท็จไปร้องเรียนต่อศาลว่าจำเลยที่ 1 ป่วยอยู่ ณ สถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งศาลพร้อมด้วยแพทย์จะไปตรวจพิสูจน์จำเลยที่ 3 กลับนำศาลไปตรวจยังสถานที่อีกแห่งหนึ่งซึ่งเป็นสถานที่คนละแห่งกับที่จำเลยที่ 3 แถลงไว้กับทั้งปรากฏว่าจำเลยที่ 1 หาได้ป่วยและอยู่ที่บ้านหลังนั้นไม่ อันเป็นการประวิงคดีและเจตนาให้โจทก์ถูกถอนประกันทำให้โจทก์และสาธารณชนเสียหาย ตามฟ้องของโจทก์ดังกล่าวนี้เห็นได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นเรื่องเกี่ยวกับส่วนตัวของจำเลยเองทั้งสิ้น มิได้มีสิ่งหนึ่งประการใดที่กล่าวอ้างหรือเกี่ยวพันถึงตัวโจทก์เลย แม้คำร้องเรียนของจำเลยจะเป็นความเท็จ โจทก์ในฐานะที่เป็นคู่ความมีสิทธิที่จะร้องต่อศาลซึ่งพิจารณาคดีเรื่องนั้นเพื่อขอให้จัดการกับพยานได้ตามวิธีพิจารณาเท่านั้นเพราะเป็นเรื่องอยู่ในดุลพินิจของศาลที่จะจัดการได้เองตลอดจนการที่จะให้เลื่อนสืบพยานคนนั้นหรือไม่ประการใด เมื่อศาลสั่งอนุญาตให้เลื่อนการพิจารณาต่อไปก็เป็นเรื่องของศาล โจทก์จะนำคดีมาฟ้องร้องดังเช่นคดีเรื่องนี้ไม่ได้ เพราะแม้เรื่องจะเป็นจริงตามโจทก์กล่าว จำเลยก็กระทำผิดต่อศาลโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรงจากการกระทำของจำเลย จึงไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยได้
of 56