พบผลลัพธ์ทั้งหมด 752 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1394/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงตัวเท็จเป็นเจ้าพนักงานป่าไม้และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 145
จำเลยเป็นพนักงานตีตราไม้ ไม่ใช่พนักงานป่าไม้ผู้มีอำนาจจับกุมผู้กระทำผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ จำเลยได้แสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานป่าไม้ผู้มีอำนาจจับกุม แล้วได้ทำการจับกุมผู้เสียหายในเรื่องไม้ที่ผู้เสียหายมีไว้ในครอบครองและยังเรียกเงินจากผู้เสียหายด้วยการกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 145
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 52/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสารภาพและการพิจารณาบาดแผลสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300
เมื่อฟ้องโจทก์บรรยายว่า ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายถึงสาหัสโดยแจ้งชัดตามกฎหมายว่าสาหัสทุพพลภาพป่วยเจ็บเรื้อรังซึ่งอาจถึงตลอดชีวิต ขาเป๋และทุพพลภาพป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่า 20 วัน และจนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่า 20 วัน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 เมื่อจำเลยรับสารภาพแล้ว และเมื่อนับจากวันเกิดเหตุที่ผู้เสียหายถูกจำเลยทำร้ายจนถึงวันที่โจทก์ฟ้องและจำเลยรับสารภาพก็เป็นเวลาร่วม 10 เดือน ซึ่งเท่ากับจำเลยยอมรับในข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแล้ว จึงเป็นบาดแผลสาหัสตามกฎหมายจริง โดยไม่มีข้อโต้แย้งคัดค้าน ศาลจึงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 404/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เบิกความเท็จในคดีอาญาเพื่อช่วยเหลือจำเลย ทำให้ศาลยกฟ้อง เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177
ข้อสำคัญในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 859/2511 คือ นายเทพหรือสุเทพได้ใช้ปืนยิงจำเลยกับพวกจริงหรือไม่ ฉะนั้นข้อความอันเป็นเท็จที่จำเลยเบิกความว่าจำเลยได้ยินเสียงปืนดัง 10 นัด เข้าใจว่าเป็นเสียงปืนที่ยิงพวกจำเลยเพื่อแสดงว่าจำเลยไม่เห็นใครยิงปืนขึ้น10 นัด ทั้ง ๆ ที่ความจริงจำเลยเห็นนายเทพหรือสุเทพเป็นคนใช้ปืนกระหน่ำยิงมาทางจำเลยเป็นเหตุให้ศาลพิพากษายกฟ้อง ปล่อยนายเทพหรือสุเทพไป จึงเป็นข้อสารสำคัญในคดี จำเลยต้องมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 303/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฉีกสัญญา แม้ไม่ถึงขั้นทำลายจนใช้ไม่ได้ผล ก็เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188
การที่จำเลยได้ฉีกสัญญากู้จนขาดออกเป็นชิ้น ๆ โจทก์ร่วมต้องเอามาต่อติดกันจึงอ่านข้อความได้ เช่นนี้ เรียกได้ว่าจำเลยได้ทำให้สัญญากู้เสียหายแล้ว หาจำต้องทำให้สูญสิ้นไปหมดทั้งฉบับจนกระทั่งไม่มีรูปเป็นเอกสารไม่ เข้าเกณฑ์อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 188 แล้ว
เมื่อจำเลยได้ฉีกสัญญาขาดออกจากกันแล้ว การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดสำเร็จครบถ้วนองค์ความผิดแล้ว หาใช่อยู่ในขั้นเพียงพยายามกระทำผิดไม่
เมื่อจำเลยได้ฉีกสัญญาขาดออกจากกันแล้ว การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดสำเร็จครบถ้วนองค์ความผิดแล้ว หาใช่อยู่ในขั้นเพียงพยายามกระทำผิดไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 303/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฉีกสัญญากู้ทำให้เสียหาย ถือเป็นความผิดสำเร็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188 แม้สัญญาไม่สูญสิ้น
การที่จำเลยได้ฉีกสัญญากู้จนขาดออกเป็นชิ้น ๆ โจทก์ร่วมต้องเอามาต่อติดกันจึงอ่านข้อความได้ เช่นนี้ เรียกได้ว่าจำเลยได้ทำให้สัญญากู้เสียหายแล้ว หาจำต้องทำให้สูญสิ้นไปหมดทั้งฉบับจนกระทั่งไม่มีรูปเป็นเอกสารไม่เข้าเกณฑ์อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188 แล้ว
เมื่อจำเลยได้ฉีกสัญญาขาดออกจากกันแล้ว การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดสำเร็จครบถ้วนองค์ความผิดแล้ว หาใช่อยู่ในขั้นเพียงพยายามกระทำผิดไม่
เมื่อจำเลยได้ฉีกสัญญาขาดออกจากกันแล้ว การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดสำเร็จครบถ้วนองค์ความผิดแล้ว หาใช่อยู่ในขั้นเพียงพยายามกระทำผิดไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 25/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำผิดร่วมกัน, การลงโทษ, และขอบเขตการใช้มาตรา 83 ประมวลกฎหมายอาญา
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 เป็นบทมาตราที่บัญญัติถึงการกระทำผิดร่วมกันของบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไป ให้ถือว่าผู้ร่วมกระทำความผิดด้วยกันเป็นตัวการ ต้องระวางโทษตามที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเท่านั้น ในการพิจารณาลงโทษจำเลยที่กระทำผิดร่วมกัน แม้ศาลจะมิได้ระบุประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83ไว้ในคำพิพากษาเป็นบทประกอบมาตราที่ลงโทษจำเลย ก็จะถือว่าศาลมิได้ลงโทษจำเลยทั้งสองร่วมกันกระทำผิดหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 24/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องกักกันของ ผู้ว่าคดีศาลแขวง และอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลแขวงตามประมวลกฎหมายอาญา
ผู้ว่าคดีศาลแขวงย่อมอยู่ในความหมายของคำว่า พนักงานอัยการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 43 ทั้งนี้โดยนัยแห่ง พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง มาตรา 5 ประกอบกับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(5) ฉะนั้นจึงย่อมมีอำนาจฟ้องขอให้กักกันจำเลยได้
กักกันมิใช่โทษอาญา แต่เป็นวิธีการเพื่อความปลอดภัยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 39(1) ซึ่งมีลักษณะเบากว่าโทษจำคุก(คำพิพากษาฎีกาในที่ประชุมใหญ่ที่ 1455/2511) ฉะนั้น จึงย่อมอยู่ในอำนาจของศาลแขวงที่จะพิจารณาพิพากษาให้กักกันจำเลยตามที่ผู้ว่าคดีฟ้องขอมาได้
กักกันมิใช่โทษอาญา แต่เป็นวิธีการเพื่อความปลอดภัยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 39(1) ซึ่งมีลักษณะเบากว่าโทษจำคุก(คำพิพากษาฎีกาในที่ประชุมใหญ่ที่ 1455/2511) ฉะนั้น จึงย่อมอยู่ในอำนาจของศาลแขวงที่จะพิจารณาพิพากษาให้กักกันจำเลยตามที่ผู้ว่าคดีฟ้องขอมาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 235/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกลุ้มรุมทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายและจิตใจตามประมวลกฎหมายอาญา
จำเลย 5 คนกลุ้มรุมทำร้ายซึ่งกันและกัน โดยจำเลยที่ 5 ได้รับบาดเจ็บรวม 5 รายการคือรายที่ 1 ถึง 3 เป็นรอยบวมช้ำโตกลมประมาณแห่งละ 4, 5 และ 3 เซ็นติเมตรตามลำดับ รายการที่ 4 เป็นรอยข่วน 3 แห่งยาวประมาณแห่งละ 3 เซ็นติเมตร และรายการที่ 5 ฟันล่างด้านหน้าโยก 1 ซี่อันเป็นผลเนื่องจากการร่วมกันกลุ้มรุมทำร้ายของจำเลยที่ 1 ถึง 4 เช่นนี้แม้ไม่ปรากฏว่ามีโลหิตไหล แต่ก็เป็นบาดแผลบวมช้ำหลายแห่งและถึงกับฟันโยก อันส่อถึงพฤติการณ์แห่งการกระทำอันรุนแรงกรณีถือว่าเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายและจิตใจตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1541/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลดมาตราส่วนโทษตามประมวลกฎหมายอาญา ต้องลดจากโทษที่กฎหมายกำหนด ไม่ใช่ลดจากโทษที่ศาลวางไว้
การลดมาตราส่วนโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76พึงวางโทษภายในอัตราที่ได้ลดมาตราส่วนจากโทษที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น ๆ แล้ว ไม่ใช่วางโทษตามบทความผิดเสียก่อนเป็นเบื้องต้น แล้วจึงลดจากโทษที่ศาลวางไว้นั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1273/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่า ไม่ถึงแก่การทรมานหรือกระทำทารุณโหดร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(5)
การที่จำเลยกับพวกดักยิงผู้ตายกับผู้เสียหายมาก่อน เมื่อผู้ตายกับผู้เสียหายหนีเสียทัน จำเลยทั้งสองกับพวกยังไม่ลดละตามมายิงผู้ตายกับผู้เสียหายถึงบนบ้านเรือนยิงแล้วยังเอาเชือกมัดข้อมือผู้ตายช่วยกันหามไปทิ้งในป่า พฤติการณ์เช่นนนี้เห็นได้ว่าเป็นเพียงจำเลยกับพวกมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายกับผู้ตายให้ตายไปเท่านั้น การหามผู้ตายไปทิ้งเป็นการต้องการแต่จะซ่อนเร้นปิดบังการกระทำความผิด เมื่อการฆ่าไม่ปรากฏการกระทำอย่างใดเป็นพิเศษอันแสดงให้เห็นว่า ผู้ฆ่าประสงค์จะให้ผู้ตายได้รับความลำบากสาหัสก่อนตายแล้ว กรณีย่อมไม่เป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยมรทานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (5)