พบผลลัพธ์ทั้งหมด 687 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1122/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวแทนเชิด vs. ตัวแทนจริง: การรับผิดในสัญญาจะซื้อขายที่ดิน แม้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยมอบให้ ส. เป็นตัวแทนทำสัญญาจะขายที่ดินให้โจทก์แล้วจำเลยผิดสัญญาไม่จัดการโอนให้ ดังนี้ การที่ศาลวินิจฉัยว่า ส. เป็นตัวแทนเชิดของจำเลยมิใช่เป็นการวินิจฉัยยกฟ้องเพราะตัวแทนกับตัวแทนเชิดก็มีความรับผิด ในลักษณะอย่างเดียวกัน และมีมาตรา 798 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บัญญัติถึงการตั้งตัวแทนว่าต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือหรือต้องทำเป็นหนังสือนั้น ใช้แก่กรณีที่มีการตั้งตัวแทนจริง ๆ ส่วนการเชิดบุคคลเป็นตัวแทนตามมาตรา 821 นั้นใช้แก่กรณีที่มิได้มีการตั้งตัวแทนจริงจังตามกฎหมาย ดังนั้น การที่จำเลยเชิดส. เป็นตัวแทนในการทำสัญญาจะขายที่ดินจึงนำมาตรา 798 มาบังคับไม่ได้
ส. ทำสัญญาจะขายที่ดินให้โจทก์โดยมิได้ระบุว่าทำให้ฐานเป็นตัวแทนจำเลย ดังนี้ โจทก์นำสืบพยานบุคคลว่า ส.เป็นตัวแทนของจำเลยได้ หาใช่เป็นการนำสืบเพิ่มเติมตัดทอนเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในสัญญาจะซื้อขายดังกล่าวไม่ เพราะสัญญาจะซื้อขายที่โจทก์และส. ได้ทำกันไว้ก็ยังคงผูกพันกันตามเอกสารดังกล่าว การนำสืบพยานบุคคลของโจทก์เป็นแต่เพียงการนำสืบความจริงว่าจำเลยเป็นตัวการของ ส. เพื่อให้จำเลยเข้ามารับผิดแทน ส.เท่านั้น (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 420/2491)
ส. ทำสัญญาจะขายที่ดินให้โจทก์โดยมิได้ระบุว่าทำให้ฐานเป็นตัวแทนจำเลย ดังนี้ โจทก์นำสืบพยานบุคคลว่า ส.เป็นตัวแทนของจำเลยได้ หาใช่เป็นการนำสืบเพิ่มเติมตัดทอนเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในสัญญาจะซื้อขายดังกล่าวไม่ เพราะสัญญาจะซื้อขายที่โจทก์และส. ได้ทำกันไว้ก็ยังคงผูกพันกันตามเอกสารดังกล่าว การนำสืบพยานบุคคลของโจทก์เป็นแต่เพียงการนำสืบความจริงว่าจำเลยเป็นตัวการของ ส. เพื่อให้จำเลยเข้ามารับผิดแทน ส.เท่านั้น (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 420/2491)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1100/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ร่วมสามีภรรยา: จำเลยต้องรับผิดในฐานะส่วนตัว แม้ภรรยาเป็นผู้กู้
จำเลยที่ 1รู้เห็นยินยอมให้ภรรยาของตนกู้เงินโจทก์เพื่อใช้หนี้ค่าสร้างบ้านและลงทุนการค้าเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว หนี้ดังกล่าวจึงเป็นหนี้ร่วมกันระหว่างสามีภรรยาซึ่งจำเลยที่ 1 ต้องรับผิดในฐานะส่วนตัวด้วย จำเลยที่ 1 ไม่มีอำนาจบอกล้างนิติกรรมกู้ยืมนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1100/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ร่วมสามีภริยา: จำเลยต้องรับผิดในฐานะส่วนตัว แม้ไม่มีอำนาจบอกล้างนิติกรรม
จำเลยที่ 1 รู้เห็นยินยอมให้ภรรยาของตนกู้เงินโจทก์เพื่อใช้หนี้ค่าสร้างบ้านและลงทุนการค้าเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว หนี้ดังกล่าวจึงเป็นหนี้ร่วมกันระหว่างสามีภริยาซึ่งจำเลยที่ 1 ต้องรับผิดในฐานะส่วนตัวด้วยจำเลยที่1 ไม่มีอำนาจบอกล้างนิติกรรมกู้ยืมนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 504/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับผิดในสัญญาชดใช้ค่าเสียหายจากการกระทำละเมิดของผู้อื่น
จำเลยที่ 2 ขับรถยนต์ชนรถโจทก์เสียหายเป็นละเมิดจำเลยที่ 1 ทำหนังสือรับผิดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ไว้โดยลงชื่อช่องผู้ชำระเงินจำเลยที่ 1 ต้องร่วมรับผิดตามสัญญานั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 435/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวการรับผิดต่อการซื้อเชื่อของตัวแทน แม้ไม่ได้เชิดตัวแทนโดยตรง
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยที่ 1 ในฐานะตัวการรับผิดในการกระทำของตัวแทน โดยฟ้องว่าจำเลยที่ 1 เชิดและยินยอมให้จำเลยที่ 2 เป็นตัวแทน ไปซื้อเชื่อสินค้าจากโจทก์แล้วค้างชำระค่าสินค้าเหล่านั้น แม้ทางพิจารณาจะฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้เชิดและยินยอมให้จำเลยที่ 2 เป็นตัวแทนแต่เมื่อได้ความว่า ซ. ซึ่งเป็นลูกจ้างและตัวแทนของจำเลยที่ 1 ได้ซื้อเชื่อสินค้าจากโจทก์แทนจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ในฐานะตัวการย่อมต้องรับผิดค่าสินค้าต่อโจทก์ ไม่ถือว่าเป็นเรื่องนอกฟ้องนอกประเด็น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 323/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมรับสัญญาและการรับผิดของผู้แทน แม้การลงนามไม่ครบถ้วน
กรรมการบริษัทลงชื่อและประทับตราไม่ครบตามข้อบังคับของบริษัท แต่จำเลยให้การรับว่าได้ชำระค่าน้ำมันตามสัญญาแล้ว เท่ากับยอมรับว่าได้เป็นคู่สัญญากับโจทก์ ส่วนกรรมการบริษัทจำเลยซึ่งมีข้อสัญญาว่าผู้แทนที่ลงชื่อในสัญญาต้องรับผิดด้วย ผู้แทนนั้นก็ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว
จำเลยมีภูมิลำเนาในเขตศาลแพ่ง สัญญาซื้อขายน้ำมันทำในเขตศาลแพ่ง แม้ส่งมอบทรัพย์ในต่างประเทศ ศาลแพ่งพิจารณาพิพากษาคดีนี้ได้ไม่มีกฎหมายว่าหนังสือรับสภาพหนี้ต้องปิดอากรแสตมป์
จำเลยมีภูมิลำเนาในเขตศาลแพ่ง สัญญาซื้อขายน้ำมันทำในเขตศาลแพ่ง แม้ส่งมอบทรัพย์ในต่างประเทศ ศาลแพ่งพิจารณาพิพากษาคดีนี้ได้ไม่มีกฎหมายว่าหนังสือรับสภาพหนี้ต้องปิดอากรแสตมป์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 307/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวการยอมให้ตัวแทนออกหน้า: ความรับผิดในฐานะตัวการ
บ. เป็นตัวแทนของจำเลยเกี่ยวกับกิจการรับเหมาก่อสร้างแม้ บ. จะสั่งซื้อวัสดุก่อสร้างจากโจทก์และออกเช็คในนามของตนเองให้โจทก์ยึดถือไว้โดยโจทก์คิดว่าเป็นกิจการของ บ. เองก็ตาม จำเลยก็ยังต้องรับผิดต่อโจทก์ในฐานะเป็นตัวการที่ยอมให้ตัวแทนของตนทำการออกหน้าเป็นตัวการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2253/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเล่นแชร์: นายวงมีหน้าที่รับผิดชอบเงินลูกวงที่ยังไม่ได้ประมูลเมื่อวงล้ม
การเล่นแชร์ เป็นสัญญาชนิดหนึ่งเกิดขึ้นจากความตกลงระหว่างผู้เล่น ไม่มีนักกฎหมายบังคับว่าจะต้องทำสัญญาหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือ คงบังคับกันได้ตามหลักสัญญาทั่วไป เมื่อพฤติการณ์เป็นที่เข้าใจกันระหว่างผู้เล่นว่า จำเลยซึ่งเป็นนายวงตกลงยอมเป็นผู้รับผิดชอบใช้เงินแก่ลูกวงที่ยังไม่ได้ประมูล (เปีย) ในเมื่อวงแชร์ล้ม ดังนี้ เมื่อวงแชร์ล้มจำเลยก็ต้องรับผิดต่อโจทก์ ซึ่งเป็นลูกวงและยังมิได้ประมูล
หากจะมีมติของคณะรัฐมนตรีห้ามข้าราชการและพนักงานองค์การของรัฐเล่นแชร์จริง ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับการบังคับบัญชาทางวินัยเท่านั้นการเล่นวงแชร์หาได้มีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามโดยกฎหมาย หรือขัดขวางต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน อันจะทำให้สัญญาตกเป็นโมฆะไม่
แม้โจทก์เปียแชร์วงอื่นซึ่งจำเลยเป็นนายวงได้ไปแล้วและโจทก์มีกำไรก็ตามก็เป็นเรื่องของแชร์วงนั้น ๆ จะให้นำกำไรนั้นมาหักออกจากจำนวนเงินที่โจทก์เสียหายและจำเลยต้องชดใช้ในวงพิพาพไม่ได้เพราะเป็นสัญญาต่างรายกัน ผู้เข้าเล่นแตกต่างกันไปทั้งจำนวนและผู้เข้าเล่นตลอดจนระยะเวลา
หากจะมีมติของคณะรัฐมนตรีห้ามข้าราชการและพนักงานองค์การของรัฐเล่นแชร์จริง ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับการบังคับบัญชาทางวินัยเท่านั้นการเล่นวงแชร์หาได้มีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามโดยกฎหมาย หรือขัดขวางต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน อันจะทำให้สัญญาตกเป็นโมฆะไม่
แม้โจทก์เปียแชร์วงอื่นซึ่งจำเลยเป็นนายวงได้ไปแล้วและโจทก์มีกำไรก็ตามก็เป็นเรื่องของแชร์วงนั้น ๆ จะให้นำกำไรนั้นมาหักออกจากจำนวนเงินที่โจทก์เสียหายและจำเลยต้องชดใช้ในวงพิพาพไม่ได้เพราะเป็นสัญญาต่างรายกัน ผู้เข้าเล่นแตกต่างกันไปทั้งจำนวนและผู้เข้าเล่นตลอดจนระยะเวลา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2012/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาค้ำประกันตามคำพิพากษา: เมื่อจำเลยคนหนึ่งพ้นจากหนี้แล้ว ผู้ค้ำประกันไม่มีอำนาจฟ้องให้ร่วมรับผิด
โจทก์เป็นผู้ค้ำประกันจำเลยทั้งสองในการขอทุเลาการบังคับตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ต่อมาเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ยกฟ้องจำเลยที่ 1 และคดีถึงที่สุดแล้ว จำเลยที่ 2 แต่เพียงผู้เดียวยังคงเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาซึ่งโจทก์มีความผูกพันที่จะต้องรับผิดชำระหนี้ตามคำพิพากษาแทนตามสัญญาค้ำประกัน แม้โจทก์ชำระหนี้แทนไปแล้ว โจทก์ก็ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1 ให้ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1789-1790/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทเลินเล่อจากการเผาเศษปอทำให้เกิดควันไฟจนเกิดอุบัติเหตุทางถนน จำเลยต้องรับผิด
วันเกิดเหตุได้มีควันไฟอันเกิดจากไฟไหม้เศษปอในบ่อของโรงงานกระสอบของจำเลยซึ่งอยู่ห่างถนนพหลโยธินตรงที่เกิดเหตุประมาณ 20 เมตร แล้วกลุ่มควันไฟดังกล่าวถูกลมพัดลอยไปครอบคลุมผิวจราจรบนถนนพหลโยธินบริเวณที่เกิดเหตุ เป็นเหตุให้รถยนต์ที่ขับมาถึงที่เกิดเหตุพอดีต่างไม่สามารถมองเห็นทางข้างหน้าได้ จึงเกิดชนกันขึ้น รถโจทก์ถูกรถคันอื่นชนท้ายรถ แล้วรถโจทก์ได้ไปชนรถบรรทุก 10 ล้อ รถโจทก์เสียหายทั้งคัน โจทก์ทั้งสองได้รับบาดเจ็บสาหัส โจทก์นำสืบฟังได้ว่า ที่บ่อของโรงงานกระสอบของจำเลยได้มีการเผาเศษปออันเป็นกิจการของจำเลยโดยเป็นหน้าที่ ห.ซึ่งเป็นคนงานของโรงงานกระสอบของจำเลย และเป็นผู้ควบคุมดูแลคนงานของ ณ. ซึ่งเป็นคู่สัญญาเก็บปอฝอยกับโรงงานกระสอบของจำเลยอีก 7-8 คน ทำการเผาเศษปอที่เหลือจากการเก็บคัดเลือกปอฝอยแล้วเป็นประจำตลอดมา ทั้งปรากฏก่อนเกิดเหตุคดีนี้ กลุ่มควันไฟอันเกิดจากการเผาเศษปอของจำเลยดังกล่าวได้เคยถูกลมพัดพาไปครอบคลุมบริเวณที่เกิดเหตุในคดีนี้ เป็นเหตุให้รถยนต์เกิดชนกันมาแล้ว 2-3 ครั้ง แต่ก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้จัดการวางมาตรการป้องกันแต่อย่างใด คงปล่อยปละละเลยให้เหตุการณ์คงเป็นอยู่เช่นเดิมจนกระทั่งได้เกิดเหตุคดีนี้ขึ้นอีก ดังนี้ พฤติการณ์ที่เกิดขึ้นไม่เป็นเหตุสุดวิสัยดังจำเลยอ้าง แต่เป็นเพราะจำเลยได้ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงเป็นเหตุให้โจทก์ทั้งสองได้รับความเสียหาย จำเลยต้องรับผิด