พบผลลัพธ์ทั้งหมด 687 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 573/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจ้างต่อเนื่อง-ต่ออายุ ไม่ใช่สัญญาใหม่: ลูกจ้างมีสิทธิค่าชดเชย แม้สหกรณ์อ้างไม่แสวงหากำไร
เมื่อโจทก์ทำงานถึงอายุ 60 ปีแล้วมีการต่ออายุการทำงานออกไปคราวละ 1 ปี จนกระทั่งโจทก์มีอายุครบ65 ปีนั้น การต่ออายุการทำงานแต่ละคราวเป็นเพียงการขยายกำหนดเวลาจ้างเดิมออกไปไม่ใช่ตกลงทำสัญญาจ้างกันใหม่ จึงเป็นสัญญาจ้างที่มิได้กำหนด ระยะเวลาการจ้างไว้แน่นอนอยู่เช่นเดิม แม้จำเลยจะเลิกจ้างโจทก์เมื่อครบกำหนดระยะเวลาที่ต่ออายุการทำงาน จำเลยก็ต้องจ่ายค่าชดเชย
วัตถุประสงค์ตามข้อบังคับสหกรณ์จำเลยกำหนดการจัดสรรกำไรสุทธิ ของสหกรณ์ การจัดสรรกำไรเป็นโบนัสแก่เจ้าหน้าที่สหกรณ์จึงแสดงว่าสหกรณ์จำเลยดำเนินการเพื่อกำไรในทางเศรษฐกิจ
การจ่ายค่าชดเชยเป็นหน้าที่ของนายจ้างตาม กฎหมายคุ้มครองแรงงานการไม่ปฏิบัติตามเป็นความผิดอาญา ถือว่าเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงไม่อาจระงับไปด้วยเหตุที่ลูกจ้างถอนคำร้องเรียนต่อพนักงานตรวจแรงงานเพื่อเตือนจำเลยให้จ่ายค่าชดเชย
จำเลยเสียค่าแต่งทนายความ ซึ่งจำเลยไม่ต้องเสียตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานฯ มาตรา27 ศาลฎีกาคืนค่าธรรมเนียมนี้ให้จำเลย
วัตถุประสงค์ตามข้อบังคับสหกรณ์จำเลยกำหนดการจัดสรรกำไรสุทธิ ของสหกรณ์ การจัดสรรกำไรเป็นโบนัสแก่เจ้าหน้าที่สหกรณ์จึงแสดงว่าสหกรณ์จำเลยดำเนินการเพื่อกำไรในทางเศรษฐกิจ
การจ่ายค่าชดเชยเป็นหน้าที่ของนายจ้างตาม กฎหมายคุ้มครองแรงงานการไม่ปฏิบัติตามเป็นความผิดอาญา ถือว่าเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงไม่อาจระงับไปด้วยเหตุที่ลูกจ้างถอนคำร้องเรียนต่อพนักงานตรวจแรงงานเพื่อเตือนจำเลยให้จ่ายค่าชดเชย
จำเลยเสียค่าแต่งทนายความ ซึ่งจำเลยไม่ต้องเสียตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานฯ มาตรา27 ศาลฎีกาคืนค่าธรรมเนียมนี้ให้จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3546/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้บังคับบัญชาต่อการทุจริตของลูกน้อง: ละเมิด-สัญญาจ้าง-ตัวแทน
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 4 และที่ 6 ในฐานะเป็นผู้บังคับบัญชาของนายกิตติได้ประมาทเลินเล่อต่อการปฏิบัติงานตามหน้าที่ ไม่ปฏิบัติตามระเบียบและคำสั่งที่โจทก์วางไว้ ละเลยไม่ควบคุมดูแลตรวจสอบการเก็บเงิน รับเงินและส่งเงินของนายกิตติผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาจนเป็นเหตุให้นายกิตติ ทุจริตเบียดบังเงินค่าน้ำประปาและค่ามาตราวัดน้ำจำนวน 815,985.08 บาทของโจทก์ไปเป็นประโยชน์ต่อส่วนตัว เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ ทั้งผิดสัญญาจ้างและสัญญาตัวแทนเป็นที่เสียหายแก่โจทก์ ดังนี้เป็นคำบรรยายฟ้องที่ชัดแจ้งถึงสภาพแห่งข้อหา และข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาแล้วส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับที่นายกิตติเบียดบังอย่างไร จำเลยที่ 4 และที่ 6 ประมาทเลินเล่ออย่างไร โจทก์นำสืบได้ในชั้นพิจารณา
จำเลยที่ 4 และที่ 6 ปล่อยปละละเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบของโจทก์ ทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทุจริตเบียดบังเอาเงินค่าน้ำประปาของโจทก์ไป เป็นการประมาทเลินเล่อในการปฏิบัติงานตามหน้าที่เป็นเหตุให้โจทก์เสียหาย จึงเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์และต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์เท่าที่โจทก์เสียหายไป
ระเบียบของสำนักนายกรัฐมนตรีที่ได้กำหนดตัวผู้บังคับบัญชาที่จะต้องรับผิดร่วมกับผู้ใต้บังคับบัญชาในกรณีที่มีการทุจริตทำให้เสียหายมิใช่กฎหมาย ดังนั้น จะถือว่าผู้บังคับบัญชาเหนือชั้นขึ้นไปกระทำละเมิดต่อโจทก์โดยเด็ดขาดเสมอไปมิได้ การกระทำใด ๆจะเป็นละเมิดหรือไม่ต้องเป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420
บรรยายฟ้องว่าจำเลยประมาทเลินเล่อปล่อยให้นายกิตติยักยอกเงินของโจทก์ไป แต่นำสืบว่า นายกิตติซึ่งมีหน้าที่จ่ายใบเสร็จรับเงินให้พนักงานอื่นไปเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำประปาได้เอาใบเสร็จรับเงินไปเก็บเงินเสียเองแล้วเบียดบังเอาเงินนั้นไปเป็นประโยชน์ต่อส่วนตัว ไม่เป็นการนำสืบนอกฟ้อง
จำเลยที่ 4 และที่ 6 ปล่อยปละละเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบของโจทก์ ทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทุจริตเบียดบังเอาเงินค่าน้ำประปาของโจทก์ไป เป็นการประมาทเลินเล่อในการปฏิบัติงานตามหน้าที่เป็นเหตุให้โจทก์เสียหาย จึงเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์และต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์เท่าที่โจทก์เสียหายไป
ระเบียบของสำนักนายกรัฐมนตรีที่ได้กำหนดตัวผู้บังคับบัญชาที่จะต้องรับผิดร่วมกับผู้ใต้บังคับบัญชาในกรณีที่มีการทุจริตทำให้เสียหายมิใช่กฎหมาย ดังนั้น จะถือว่าผู้บังคับบัญชาเหนือชั้นขึ้นไปกระทำละเมิดต่อโจทก์โดยเด็ดขาดเสมอไปมิได้ การกระทำใด ๆจะเป็นละเมิดหรือไม่ต้องเป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420
บรรยายฟ้องว่าจำเลยประมาทเลินเล่อปล่อยให้นายกิตติยักยอกเงินของโจทก์ไป แต่นำสืบว่า นายกิตติซึ่งมีหน้าที่จ่ายใบเสร็จรับเงินให้พนักงานอื่นไปเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำประปาได้เอาใบเสร็จรับเงินไปเก็บเงินเสียเองแล้วเบียดบังเอาเงินนั้นไปเป็นประโยชน์ต่อส่วนตัว ไม่เป็นการนำสืบนอกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2916-2918/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นายจ้างผิดนัดจ่ายค่าจ้าง ลูกจ้างมีสิทธิหยุดงานได้ มิใช่นัดหยุดงานตาม พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์
เมื่อจำเลยผิดนัดไม่จ่ายค่าจ้างให้โจทก์หลายงวด โจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะพร้อมใจกันหยุดงานได้ กรณีหาใช่เป็นการนัดหยุดงานเกี่ยวกับข้อพิพาทแรงงานที่ตกลงกันไม่ได้อันจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ไม่ และกรณีดังกล่าวก็มิใช่เป็นการที่โจทก์จงใจทำให้จำเลยได้รับความเสียหาย จำเลยจึงไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2504/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผิดสัญญาจ้างต่อเรือ: อายุความ 10 ปี, จำเลยจงใจไม่ปฏิบัติตามสัญญา
จำเลยรับจ้างต่อเรือให้แก่โจทก์ซึ่งอาจกระทำให้เสร็จได้ภายในกำหนดเวลา 14 เดือน แม้สัญญาจ้างต่อเรือจะมิได้กำหนดเวลาต่อเรือให้แล้วเสร็จไว้ก็ตาม แต่ปรากฏว่านับตั้งแต่จำเลยทำสัญญารับจ้างต่อเรือจนถึงวันที่โจทก์ได้ชำระเงินให้จำเลยครั้งสุดท้ายเป็นเวลาร่วม 18 เดือนเศษ จำเลยทำการต่อเรือได้เพียงตั้งกระดูกงู ตั้งกงและโขนหัวเรือเท่านั้น หลังจากนั้นจำเลยมิได้ดำเนินการต่อเรือให้โจทก์อีก โจทก์มีหนังสือบอกกล่าวให้จำเลยต่อเรือให้เสร็จภายในกำหนด 2 เดือน จำเลยได้รับหนังสือแล้วมิได้ดำเนินการประการใดซึ่งเป็นระยะเวลาต่อมาอีกถึง 2 ปี เห็นได้ว่าจำเลยจงใจที่จะไม่ทำการต่อเรือให้โจทก์ตามสัญญาจำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา โจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้
สิทธิเรียกร้องของโจทก์เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องเรียกคืนค่าจ้างที่จ่ายให้แก่จำเลยและเรียกค่าเสียหายจากการที่จำเลยผิดสัญญารับจ้างต่อเรือให้โจทก์ ไม่ใช่เรื่องนายจ้างเรียกเอาเงินค่าจ้างอันตนได้จ่ายล่วงหน้าให้ไปจากบุคคลผู้รับจ้างใช้การงานส่วนบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 165(8) ซึ่งมีอายุความ 2 ปีแต่อยู่ในอายุความ 10 ปีตามมาตรา 164
สิทธิเรียกร้องของโจทก์เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องเรียกคืนค่าจ้างที่จ่ายให้แก่จำเลยและเรียกค่าเสียหายจากการที่จำเลยผิดสัญญารับจ้างต่อเรือให้โจทก์ ไม่ใช่เรื่องนายจ้างเรียกเอาเงินค่าจ้างอันตนได้จ่ายล่วงหน้าให้ไปจากบุคคลผู้รับจ้างใช้การงานส่วนบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 165(8) ซึ่งมีอายุความ 2 ปีแต่อยู่ในอายุความ 10 ปีตามมาตรา 164
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2504/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผิดสัญญาจ้างต่อเรือ: สิทธิเรียกร้องคืนเงินและค่าเสียหาย, อายุความ 10 ปี
จำเลยรับจ้างต่อเรือให้แก่โจทก์ซึ่งอาจกระทำให้เสร็จได้ภายในกำหนดเวลา 14 เดือน แม้สัญญาจ้างต่อเรือจะมิได้กำหนดเวลาต่อเรือให้แล้วเสร็จไว้ก็ตาม แต่ปรากฏว่านับตั้งแต่จำเลยทำสัญญารับจ้างต่อเรือจนถึงวันที่โจทก์ได้ชำระเงินให้จำเลยครั้งสุดท้ายเป็นเวลาร่วม 18 เดือนเศษ จำเลยทำการต่อเรือ ได้เพียงตั้งกระดูกงู ตั้งกงและโขนหัวเรือเท่านั้น หลังจากนั้นจำเลยมิได้ดำเนินการต่อเรือให้โจทก์อีก โจทก์มีหนังสือบอกกล่าวให้จำเลย ต่อเรือให้เสร็จภายในกำหนด 2 เดือน จำเลยได้รับหนังสือแล้วมิได้ดำเนินการประการใดซึ่งเป็นระยะเวลาต่อมาอีกถึง 2 ปีเห็นได้ว่าจำเลยจงใจที่จะไม่ทำการต่อเรือให้โจทก์ตามสัญญา จำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา โจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้
สิทธิเรียกร้องของโจทก์เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องเรียกคืนค่าจ้างที่จ่ายให้แก่จำเลยและเรียกค่าเสียหายจากการที่จำเลยผิดสัญญารับจ้างต่อเรือให้โจทก์ ไม่ใช่เรื่องนายจ้างเรียกเอาเงินค่าจ้างอันตนได้จ่ายล่วงหน้าให้ไปจากบุคคลผู้รับจ้างใช้การงานส่วนบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 165(8) ซึ่งมีอายุความ 2 ปี แต่อยู่ในอายุความ 10 ปีตามมาตรา 164
สิทธิเรียกร้องของโจทก์เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องเรียกคืนค่าจ้างที่จ่ายให้แก่จำเลยและเรียกค่าเสียหายจากการที่จำเลยผิดสัญญารับจ้างต่อเรือให้โจทก์ ไม่ใช่เรื่องนายจ้างเรียกเอาเงินค่าจ้างอันตนได้จ่ายล่วงหน้าให้ไปจากบุคคลผู้รับจ้างใช้การงานส่วนบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 165(8) ซึ่งมีอายุความ 2 ปี แต่อยู่ในอายุความ 10 ปีตามมาตรา 164
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2281/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจ้างที่มีกำหนดระยะเวลาไม่แน่นอน: สิทธิในการรับค่าชดเชย
สัญญาจ้างที่มีความว่า "เริ่ม 1 เมษายน 2525 เป็นเวลา 1 ปีหรือมากกว่า ตามที่ทั้งสองฝ่ายจะได้ตกลงกันเมื่อสิ้นสุดการจ้าง งานปีแรก" นั้น มิใช่การจ้างที่มีกำหนดระยะเวลาไว้แน่นอน เพราะจะจ้างอย่างน้อย 1 ปีแล้วไม่จ้างต่อไปอีกก็ได้ หรือเมื่อครบ 1 ปี แล้วอาจตกลงจ้างกันต่อไปเกินกว่า 1 ปีก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2281/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจ้างที่มีกำหนดระยะเวลาไม่แน่นอน ค่าชดเชยยังคงต้องจ่าย
สัญญาจ้างที่มีความว่า 'เริ่ม 1 เมษายน 2525 เป็นเวลา 1 ปี หรือมากกว่า ตามที่ทั้งสองฝ่ายจะได้ตกลงกันเมื่อสิ้นสุดการจ้างงานปีแรก' นั้น มิใช่การจ้างที่มีกำหนดระยะเวลาไว้แน่นอนเพราะจะจ้างอย่างน้อย 1 ปีแล้วไม่จ้างต่อไปอีกก็ได้ หรือเมื่อครบ 1 ปีแล้วอาจตกลงจ้างกันต่อไปเกินกว่า 1 ปีก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2061/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิมพ์หนังสือแบบเรียนตามสัญญาจ้าง ไม่ถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์หรือการแข่งขันทางการค้า
โรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่นของกรมการปกครองว่าจ้างให้จำเลยพิมพ์หนังสือแบบเรียนชั้นประถมสำหรับแจกเด็กนักเรียนยากจน จำเลยไม่ได้แอบอ้างว่าพิมพ์ที่โรงพิมพ์ของคุรุสภาโจทก์ แต่ระบุว่าพิมพ์ที่โรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่น และระบุว่าห้ามขาย จึงไม่มีเหตุผล ที่ประชาชนจะเข้าใจผิดว่าเป็นหนังสือที่โจทก์พิมพ์ขึ้นเพื่อจำหน่าย ถือไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาพิมพ์ปลอมขึ้นเพื่อจำหน่ายหากำไร ในลักษณะแข่งขันกับโจทก์
ลิขสิทธิ์ในหนังสือแบบเรียนที่จำเลยพิมพ์เป็นของกระทรวงศึกษาธิการ แม้โจทก์เป็นเจ้าของสิทธิในแบบรูปเล่ม การเรียบเรียงตัวอักษรและภาพก็ตาม แต่ยังไม่มีกฎหมายคุ้มครองสิทธิ ประเภทนี้ เมื่อโจทก์ไม่ใช่เจ้าของลิขสิทธิ์ โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิฟ้อง จำเลยว่าละเมิดต่อโจทก์ได้
ลิขสิทธิ์ในหนังสือแบบเรียนที่จำเลยพิมพ์เป็นของกระทรวงศึกษาธิการ แม้โจทก์เป็นเจ้าของสิทธิในแบบรูปเล่ม การเรียบเรียงตัวอักษรและภาพก็ตาม แต่ยังไม่มีกฎหมายคุ้มครองสิทธิ ประเภทนี้ เมื่อโจทก์ไม่ใช่เจ้าของลิขสิทธิ์ โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิฟ้อง จำเลยว่าละเมิดต่อโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1869/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาค้ำประกันครอบคลุมความรับผิดจากละเมิดของลูกจ้างที่เกิดจากการปฏิบัติงานตามสัญญาจ้าง
จำเลยที่ 2 ได้ทำสัญญาค้ำประกันจำเลยที่ 1 ไว้แก่โจทก์มีความว่า เมื่อจำเลยที่ 1 ได้เข้าทำงานในองค์การโจทก์แล้ว ภายหลังได้หลบหลีกหนีหายไป หรือได้ฉ้อโกงยักยอก หรือทำให้ทรัพย์สินของโจทก์ต้องสูญเสียหายไปด้วยประการใดๆ ก็ดี จำเลยที่ 2 ยินยอมชดใช้หนี้สินหรือความเสียหายแทนจำเลยที่ 1 ต่อมาปรากฏว่าจำเลยที่ 1 พนักงานขับรถยนต์โดยสารของโจทก์ ได้ขับรถยนต์โดยสารของโจทก์ในทางการที่จ้างด้วยความประมาทชน พ. ถึงแก่ความตาย ซึ่งโจทก์ต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดนั้นด้วย และโจทก์ได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ทายาทผู้ตายไปแล้วโจทก์จึงชอบที่จะได้ชดใช้จากจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 426 แต่จำเลยที่ 1ได้หลบหนีไปและไม่ชำระหนี้สินดังกล่าวให้แก่โจทก์ดังนั้น จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็น ผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 1ในการเข้าทำงานกับโจทก์จึงต้องรับผิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1479/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจ้างแรงงาน: จำเลยต้องจ่ายสินจ้างแม้ไม่มีงานทำ เหตุเพลิงไหม้ไม่ใช่เหตุขัดขวางการชำระหนี้
โจทก์เป็นลูกจ้างของจำเลย สัญญาจ้างระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นสัญญาต่างตอบแทน โดยโจทก์ต้องทำงานให้แก่จำเลยและจำเลยต้องชำระสินจ้างให้แก่โจทก์ แม้จำเลยอาจไม่มอบงานหรือสั่งให้โจทก์ทำงาน จำเลยก็ต้องจ่ายสินจ้างให้ตลอดเวลาที่จ้างกันจนกว่าจะมีการเลิกสัญญาจ้าง การที่จำเลยหยุดกิจการเพื่อซ่อมแซมโรงงานที่ถูกเพลิงไหม้มิได้เป็นเหตุขัดขวางอย่างใดที่จะทำให้ถึงแก่จำเลยจ่ายสินจ้างไม่ได้ เพราะยังไม่พ้นวิสัยที่จำเลยจะชำระหนี้จ่ายสินจ้างให้โจทก์