พบผลลัพธ์ทั้งหมด 506 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 421/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมซื้อขายที่ดิน: สิทธิของเด็กและเจตนาซื้อขายทั้งแปลง
โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมกันในศาลว่า จำเลยยอมซื้อที่ดินพิพาททั้งแปลงเป็นเงิน 23,000 บาท ต่อมาฝ่ายโจทก์ยืนคำร้องต่อศาลว่า ที่พิพาทมีชื่อบุตรโจทก์เป็นเจ้าของอยู่ด้วย ขอให้ศาลสั่งว่าสัญญาประนีประนอมดังกล่าวไม่ผูกพันทรัพย์ส่วนของบุตร ศาลไต่สวนแล้วสั่งว่าสัญญาประนีประนอมระหว่างโจทก์จำเลย ไม่ผูกพันส่วนของเด็ก ฝ่ายจำเลยจึงขอชำระราคาที่ดินเพียง 11,500 บาทครึ่งราคาทั้งหมดดังนี้ ฝ่ายโจทก์จะให้จำเลยชำระราคาที่ดินเต็ม 23,000 บาท ย่อมไม่ได้ เพราะตนยอมขายที่ดินให้จำเลยเพียงครึ่งเดียว ซึ่งฝ่ายจำเลยจะไม่ซื้อเสียทั้งหมดก็ย่อมทำได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 421/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลของสัญญาประนีประนอมต่อสิทธิในทรัพย์สินของบุตร: สัญญาไม่ผูกพันส่วนของบุตร ทำให้จำเลยมีสิทธิชำระราคาเฉพาะส่วนของโจทก์
โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมกันในศาลว่าจำเลยยอมซื้อที่ดินพิพาททั้งแปลงเป็นเงิน 23,000 บาท ต่อมาฝ่ายโจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลว่าที่พิพาทมีชื่อบุตรโจทก์เป็นเจ้าของอยู่ด้วย ขอให้ศาลสั่งว่าสัญญาประนีประนอมดังกล่าวไม่ผูกพันทรัพย์ส่วนของบุตร ศาลไต่สวนแล้วสั่งว่าสัญญาประนีประนอมระหว่างโจทก์จำเลย ไม่ผูกพันส่วนของเด็ก ฝ่ายจำเลยจึงขอชำระราคาที่ดินเพียง 11,500 บาทครึ่งราคาทั้งหมด ดังนี้ ฝ่ายโจทก์จะให้จำเลยชำระราคาที่ดินเต็ม 23,000 บาท ย่อมไม่ได้เพราะตนยอมขายที่ดินให้จำเลยเพียงครึ่งเดียว ซึ่งฝ่ายจำเลยจะไม่ซื้อเสียทั้งหมดก็ย่อมทำได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 374/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมต้องมีข้อระงับข้อพิพาท การยื่นคำร้องถอนอุทธรณ์ไม่ใช่สัญญาประนีประนอม
คำร้องขอถอนฟ้องอุทธรณ์มีข้อความกล่าวอ้างว่า โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมายอมความเลิกความไม่ติดใจว่ากล่าวกันต่อไป แต่ไม่มีข้อความแสดงว่าได้มีการระงับข้อพิพาทระหว่างคู่สัญญาด้วยกันต่างยอมผ่อนผันให้แก่กันอย่างใด นั้นเรียกไม่ได้ว่าเป็นหลักฐานสัญญาประนีประนอมยอมความตาม ป.ม.แพ่งฯ มาตรา 850 คงเป็นแต่เพียงคำร้องขอถอนฟ้องอุทธรณ์เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 344/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจลงนามกรรมการบริษัท, สัญญาประนีประนอมยอมความ, และการบังคับคดี
ข้อบังคับของบริษัทมีความว่า "กรรมการ 2 นาย มีอำนาจลงนามในสัญญาตราสารหรือเอกสารสำคัญแทนบริษัทแต่ต้องประทับตราของบริษัทด้วย" ดังนี้กรรมการของบริษัท 2 นายย่อมมีอำนาจลงนามและประทับตราของบริษัทในใบแต่งทนายเพื่อฟ้องคดีเรียกเงินจากลูกหนี้ของบริษัทได้โดยชอบ
สัญญาประนีประนอมยอมความตาม ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 851 นั้นมิได้บังคับไว้ว่าจะต้องลงลายมือชื่อของคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายลงไว้ในหนังสือฉะนั้นเมื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดตามสัญญา ลงลายมือชื่อไว้ในหนังสือสัญญาเป็นหลักฐานแล้ว อีกฝ่ายหนึ่งย่อมฟ้องร้องให้บังคับคดีได้
สัญญาประนีประนอมยอมความตาม ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 851 นั้นมิได้บังคับไว้ว่าจะต้องลงลายมือชื่อของคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายลงไว้ในหนังสือฉะนั้นเมื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดตามสัญญา ลงลายมือชื่อไว้ในหนังสือสัญญาเป็นหลักฐานแล้ว อีกฝ่ายหนึ่งย่อมฟ้องร้องให้บังคับคดีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 260/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขสัญญาสัญญาประนีประนอมด้วยสัญญาปากเปล่าได้ หากกฎหมายไม่ได้บังคับให้ทำเป็นหนังสือ
ป.วิ.พ.มาตรา 94 บัญญัติห้ามการนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเฉพาะกรณีที่มีกฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดง คือในกรณีที่กฎหมายบังคับให้ทำเป็นหนังสือเท่านั้น
สัญญาประนีประนอมที่ทำกันก่อนใช้ป.พ.พ.บรรพ 3 นั้น ในขณะนั้นไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องทำเป็นหนังสือฉะนั้นแม้จะได้ทำเป็นหนังสือไว้แล้วก็ย่อมนำพยานบุคคลมาสืบได้ว่าคู่กรณีได้ตกลงแก้ไขสัญญาประนีประนอมนั้นเสียใหม่แล้วด้วยสัญญาปากเปล่าได้ไม่ต้องห้ามตาม ป.วิ.แพ่งมาตรา 94
สัญญาประนีประนอมที่ทำกันก่อนใช้ป.พ.พ.บรรพ 3 นั้น ในขณะนั้นไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องทำเป็นหนังสือฉะนั้นแม้จะได้ทำเป็นหนังสือไว้แล้วก็ย่อมนำพยานบุคคลมาสืบได้ว่าคู่กรณีได้ตกลงแก้ไขสัญญาประนีประนอมนั้นเสียใหม่แล้วด้วยสัญญาปากเปล่าได้ไม่ต้องห้ามตาม ป.วิ.แพ่งมาตรา 94
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 260/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขสัญญาประนีประนอมด้วยสัญญาปากเปล่า การนำสืบพยานหลักฐาน
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 94 บัญญัติห้ามการนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเฉพาะกรณีที่มีกฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดง คือในกรณีที่กฎหมายบังคับให้ทำเป็นหนังสือเท่านั้น
สัญญาประนีประนอมที่ทำกันก่อนใช้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บรรพ 3 นั้น ในขณะนั้นไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องทำเป็นหนังสือฉะนั้นแม้จะได้ทำเป็นหนังสือไว้แล้วก็ย่อมนำพยานบุคคลมาสืบได้ว่าคู่กรณีได้ตกลงแก้ไขสัญญาประนีประนอมนั้นเสียใหม่แล้วด้วยสัญญาปากเปล่าได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา94
สัญญาประนีประนอมที่ทำกันก่อนใช้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บรรพ 3 นั้น ในขณะนั้นไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องทำเป็นหนังสือฉะนั้นแม้จะได้ทำเป็นหนังสือไว้แล้วก็ย่อมนำพยานบุคคลมาสืบได้ว่าคู่กรณีได้ตกลงแก้ไขสัญญาประนีประนอมนั้นเสียใหม่แล้วด้วยสัญญาปากเปล่าได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา94
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1979/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คนต่างด้าวซื้อที่ดินโดยอ้อมหลีกเลี่ยงกฎหมายที่ดิน ศาลไม่บังคับตามสัญญาประนีประนอม
คนต่างด้าวร่วมออกเงินซื้อที่ดินเป็นเจ้าของร่วมกันโดยให้คนไทยลงชื่อเป็นผู้ซื้อแทนแล้ว ให้คนไทยนั้นทำหนังสือมอบอำนาจให้คนต่างด้าวผู้ซื้อคนหนึ่งเป็นผู้รับมอบอำนาจดูแล ภายหลังคนต่างด้าวผู้ซื้อตกลง แบ่งแยกที่ดินกันไม่ได้ จึงตั้นคนกลางชี้ขาด คนกลางชี้ขาดแล้ว แต่คนต่างด้าวผู้ครอบครองที่ดินไม่ยอมมอบที่ดินให้ ดังนี้ คนต่างด้าวอีกคนหนึ่งจะฟ้องศาลขอให้ศาลบังคับให้แบ่งที่ดินให้แก่ตนตามคำชี้ขาดของคนกลางนั้นถือ ว่าเป็นการบังคับในทางให้โจทก์ได้ที่ดินอันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ.ที่ดินในส่วนที่เกี่ยวกับคนต่างด้าว โจทก์จะมาฟ้องขอรับผลในทางฝ่าฝืนกฎหมายไม่ได้ศาลไม่บังคับให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1246/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงภายหลังสัญญาประนีประนอม: สิทธิเรียกร้องคืนทรัพย์จากการละทิ้ง
โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันต่อหน้าศาลว่าโจทก์ยอมตกลงให้จำเลยใช้สิทธิอาศัยและเก็บกินในที่บ้านและสวนรายหนึ่งตลอดชีวิตของจำเลย โดยโจทก์จะไม่เกี่ยวข้องต่อไป จำเลยก็ยอมตกลงว่าจะใช้สิทธิอาศัยและเก็บกินตลอดไปโดยไม่ละทิ้ง ภายหลังโจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลว่าจำเลยละทิ้งบ้านพิพาทไป โจทก์จำเลยจึงตกลงกันอีกว่า ถ้าจำเลยละทิ้งบ้านเรือนพิพาทไม่รักษาดูแลอย่างวิญญูชนแล้วจำเลยยอมคืนบ้านพิพาทและสวนให้โจทก์ ดังนี้ เมื่อจำเลยละทิ้งบ้านพิพาทจนทรุดโทรมเสียหายไม่เคยทำการซ่อมแซมเลย โจทก์ก็ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยขอให้คืนทรัพย์พิพาทได้เพราะโจทก์ฟ้องโดยอาศัยสิทธิตามข้อตกลงที่ทำกันภายหลังอันเป็นสิทธิที่เกิดขึ้นใหม่ต่างหากจากสัญญาประนีประนอม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 68/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการฟ้องร้องมรดก แม้มีสัญญาประนีประนอมก่อนหน้า และการแบ่งทรัพย์สินตามส่วน
ผู้ร้องสอดซึ่งมิได้เป็นโจทก์หรือผู้แทนโจทก์ โจทก์ย่อมไม่ต้องถูกผูกมัดตามคำพิพากษาในคดีนั้นและมาฟ้องคดีอีกได้. ไม่ถือว่าฟ้องซ้ำ
ทรัพย์ที่โจทก์อ้างว่าเป็นของตนทั้งหมด ถ้าศาลเห็นว่าโจทก์ควรได้แต่ส่วนแบ่ง ให้ศาลแบ่งให้ได้โดยไม่ถือว่าเป็นการนอกฟ้องนอกคำขอ
ทรัพย์ที่โจทก์อ้างว่าเป็นของตนทั้งหมด ถ้าศาลเห็นว่าโจทก์ควรได้แต่ส่วนแบ่ง ให้ศาลแบ่งให้ได้โดยไม่ถือว่าเป็นการนอกฟ้องนอกคำขอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 348/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความสัญญาประนีประนอมเรื่องแบ่งทรัพย์สินเมื่อระบุแบ่งทรัพย์บางส่วนเป็นกึ่ง และอีกส่วนไม่ได้ระบุวิธีการแบ่ง
ในสัญญาประนีประนอม ซึ่งตกลงแบ่งทรัพย์กันรวม 3 สิ่งอีก 2 สิ่งได้ระบุไว้ชัดว่าให้แบ่งคนละครึ่ง ส่วนอีกสิ่งหนึ่งซึ่งเป็นที่ดิน เพียงแต่กล่างว่าให้ทั้ง 2 ฝ่ายจัดการแบ่งกันเอง ดังนี้เมื่อไม่ปรากฏว่าให้แบ่งส่วนต่างออกไป ต้องตีความว่าให้แบ่งที่ดินนั้นคนละครึ่งด้วย