คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
อนุญาต

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 931 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1077-1079/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดัดแปลงทรัพย์สินที่เช่า: การกั้นห้องที่ไม่ทำให้เกิดความเสียหายและการอนุญาตดัดแปลงบันไดด้วยวาจา
ข้อเท็จจริงปรากฏว่าจำเลยผู้เช่าได้กั้นห้องด้วยไม้อัดไม่แน่นหนา รื้อออกได้ง่ายและไม่ทำให้เกิดความเสียหายหรือเปลี่ยนแปลงรูปทรงอาคารเดิมของโจทก์ จึงไม่ถือว่าเป็นการดัดแปลงหรือต่อเติมแก่ทรัพย์ที่เช่า
ส่วนการดัดแปลงบันไดนั้น ปรากฏว่าโจทก์ได้อนุญาตด้วยวาจาให้จำเลยดัดแปลงได้ การที่ระบุไว้ในสัญญาว่าจำเลยจะไม่ดัดแปลงหรือต่อเติมอย่างใดแก่ทรัพย์ที่เช่าโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรนั้น ก็เพื่อความสะดวกแก่การพิสูจน์โดยมีหลักฐานแน่นอนและชัดแจ้งเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นเท่านั้นไม่ใช่ว่าโจทก์จะไม่อาจให้คำอนุญาตด้วยวาจาได้เลยประการหนึ่งและอีกประการหนึ่งเมื่อโจทก์ได้อนุญาตด้วยวาจาแล้วเช่นนี้ ย่อมถือได้ว่าโจทก์ได้สละข้อห้ามในสัญญานั้นแล้ว โจทก์จึงบอกเลิกสัญญาเช่าไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 619/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาค้ำประกันของภริยา จำเป็นต้องได้รับอนุญาตจากสามี หากไม่ได้รับอนุญาต สัญญาเป็นโมฆียะ
การที่หญิงมีสามีทำสัญญาค้ำประกันหนี้ของผู้อื่นก็ถือว่า ทำการที่จะผูกพันสินบริคณห์ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 38 แล้ว ถ้าทำไปโดยมิได้รับอนุญาตของสามี สัญญานั้นย่อมเป็นโมฆียะ เมื่อสามีบอกล้างแล้วสัญญานั้นก็ตกเป็นโมฆะไม่ผูกพันสินบริคณห์ แต่โมฆะกรรมในกรณีเช่นนี้มิได้ทำให้สัญญาที่หญิงมีสามีไปทำไว้นั้นไม่มีผลเสียเลย หญิงนั้นยังคงต้องรับผิดใช้หนี้เป็นส่วนตัว คือให้ใช้ด้วยสินส่วนตัวของหญิงนั้นก่อน เมื่อไม่พอหรือไม่ปรากฏว่าหญิงนั้นมีสินส่วนตัว เจ้าหนี้จะต้องร้องขอต่อศาลให้แยกสินบริคณห์ออกเป็นส่วนของหญิงนั้นตามมาตรา 1483 เพื่อดำเนินการตามคำพิพากษา โจทก์จะยึดสินบริคณห์ก่อนขอแยกไม่ได้
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 9 -10/2514)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 558/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กระสุนปืนสงคราม: การครอบครองกระสุนปืนขนาด 7.62 มม. ที่ใช้กับอาวุธปืนสงครามโดยไม่ได้รับอนุญาต
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่ากระสุนปืนของกลางเป็นกระสุนปืนเล็กสั้นแบบ 87 ขนาด 7.62 มม. หรือ .30 นิ้ว ใช้ยิงได้ ราษฎรทั่วไปไม่ยอมให้มีได้ ไม่ยอมให้มีการซื้อขายในท้องตลาด เป็นกระสุนปืนที่ใช้ร่วมกับอาวุธปืนที่ระบุไว้ในข้อ 4 ข้อ 5 ตามกฎกระทรวงมหาดไทย ฉบับที่ 7 (พ.ศ. 2501) ซึ่งข้อ 16 บัญญัติให้เครื่องกระสุนปืนสำหรับใช้กับสิ่งซึ่งระบุไว้ตั้งแต่ (1) ถึง (9) เว้นแต่เครื่องกระสุนปืนชนิดและขนาดที่ใช้ได้แก่อาวุธปืนซึ่งได้รับอนุญาตเป็นเครื่องกระสุนปืนใช้เฉพาะแต่ในการสงคราม ดังนี้ กระสุนปืนของกลางย่อมเข้าลักษณะเป็นเครื่องกระสุนปืนที่ใช้เฉพาะแต่ในการสงครามตามมาตรา 55 แห่งพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2501

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 558/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กระสุนปืนใช้เฉพาะสงคราม: การครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่ากระสุนปืนของกลางเป็นกระสุนปืนเล็กสั้นแบบ 87 ขนาด 7.62 มม. หรือ .30 นิ้ว ใช้ยิงได้ ราษฎรทั่วไปไม่ยอมให้มีได้ ไม่ยอมให้มีการซื้อขายในท้องตลาด เป็นกระสุนปืนที่ใช้ร่วมกับอาวุธปืนที่ระบุไว้ในข้อ 4 ข้อ 5 ตามกฎกระทรวงมหาดไทย ฉบับที่ 7(พ.ศ. 2501) ซึ่งข้อ 16 บัญญัติให้เครื่องกระสุนปืนสำหรับใช้กับสิ่งซึ่งระบุไว้ตั้งแต่ (1) ถึง (9) เว้นแต่เครื่องกระสุนปืนชนิดและขนาดที่ใช้ได้แก่อาวุธปืนซึ่งได้รับอนุญาตเป็นเครื่องกระสุนปืนใช้เฉพาะแต่ในการสงคราม ดังนี้ กระสุนปืนของกลางย่อมเข้าลักษณะเป็นเครื่องกระสุนปืนที่ใช้เฉพาะแต่ในการสงครามตามมาตรา 55แห่งพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2501

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 557/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเคลื่อนย้ายไม้ที่ได้รับอนุญาตโดยไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนการกำกับและคำนวณค่าภาคหลวง ไม่ถือเป็นไม้ผิดกฎหมาย
นำไม้ที่ได้รับอนุญาตให้ตัดฟันแล้วเคลื่อนที่ออกจากป่าโดยไม่มีใบเบิกทางกำกับ และไม่ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตรวจวัดประทับตราเพื่อคำนวณค่าภาคหลวงก่อน อันเป็นการละเว้นไม่ปฏิบัติตามกฎหมายและข้อกำหนดกระทรวงเกษตรว่าด้วยการทำไม้ ไม้ของกลางจึงไม่ใช่ไม้ที่ได้มาหรือมีไว้เนื่องจากการกระทำผิดพระราชบัญญัติป่าไม้ มาตรา 74 ริบไม้ของกลางไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 557/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเคลื่อนย้ายไม้ที่ได้รับอนุญาตออกจากป่าโดยไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนทางกฎหมาย ไม่ถือเป็นไม้ที่ได้มาจากการกระทำผิด จึงไม่ริบของกลาง
นำไม้ที่ได้รับอนุญาตให้ตัดฟันแล้วเคลื่อนที่ออกจากป่าโดยไม่มีใบเบิกทางกำกับ และไม่ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตรวจวัดประทับตราเพื่อคำนวณค่าภาคหลวงก่อน อันเป็นการละเว้นไม่ปฏิบัติตามกฎหมายและข้อกำหนดกระทรวงเกษตรว่าด้วยการทำไม้ ไม้ของกลางจึงไม่ใช่ไม้ที่ได้มาหรือมีไว้เนื่องจากการกระทำผิดพระราชบัญญัติป่าไม้ มาตรา 74ริบไม้ของกลางไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2303/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกำหนดโทษสำหรับความผิดฐานมีเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ต้องลงโทษทั้งจำและปรับตามบทบัญญัติ
การที่จำเลยมีปลอกกระสุนปืนโดยมิได้รับอนุญาตนั้นเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 7 จะต้องระวางโทษตามมาตรา 72 วรรคหนึ่งมิใช่วรรคสอง เพราะวรรคสองเป็นบทกำหนดโทษผู้ฝ่าฝืนมาตรา 7เฉพาะกรณีเกี่ยวกับส่วนหนึ่งส่วนใดของอาวุธปืน ตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงเท่านั้น เมื่อวรรคหนึ่งมีบทกำหนดโทษจำคุกและปรับจึงต้องลงโทษทั้งจำคุกและปรับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2222/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอนุญาตเลื่อนคดี: เหตุสมควรและประโยชน์แห่งความยุติธรรม
ทนายโจทก์ยื่นคำร้องขอเลื่อนการสืบพยานโจทก์ก่อนวันกำหนดนัด3 วัน อ้างเหตุติดว่าความคดีอื่นในวันเดียวกันนั้น ศาลชั้นต้นสั่ง " สำเนาให้จำเลยสั่งในวันนัด " ครั้นวันนัดโจทก์ ทนายโจทก์ และพยานไม่ไปศาล ทนายโจทก์มอบฉันทะให้เสมียนทนายไปฟังคำสั่งศาลและกำหนดวันนัดแทน ดังนี้ เป็นเรื่องทนายโจทก์ขอเลื่อนคดีเป็นครั้งแรกทั้งยื่นไว้ก่อนวันนัดหลายวัน มีเหตุสมควร และเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมที่จะอนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 462/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฎีกาและการอนุญาตของผู้พิพากษาที่มีความเห็นแย้งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221
ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นที่มีความเห็นแย้งบันทึกไว้ในฎีกาว่า 'สภาพที่ฝ่ายหนึ่งตายไป ฝ่ายจำเลยน่าจะแสดงให้เห็นว่าเป็นการป้องกันตัว ซึ่งเป็นภาระพิสูจน์อันเป็นทฤษฎีที่โต้เถียงกัน ควรส่งให้ศาลสูงพิจารณา จึงรับฎีกานี้' บันทึกนี้มิได้แสดงว่าข้อความที่ตัดสินมาเป็นปัญหาสำคัญมิได้แสดงว่าผู้พิพากษาผู้ทำความเห็นแย้งอนุญาตให้ฎีกา ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221 จึงรับฎีกาไว้พิจารณาไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 417/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนฟ้องอุทธรณ์ต้องฟังจำเลยก่อน ศาลมิอาจอนุญาตโดยไม่ฟังเหตุผลคัดค้าน
โจทก์ถอนฟ้องอุทธรณ์เมื่อจำเลยยื่นคำแก้อุทธรณ์แล้ว จะต้องฟังจำเลยก่อน มิฉะนั้นห้ามมิให้ศาลอนุญาต
of 94