คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เอกสาร

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 567 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 806/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอนุญาตให้จำเลยเบิกความแก้คดี แม้ยื่นระบุพยานล่าช้า หากมีเอกสารอ้างแล้ว
ในคดีแพ่ง จำเลยเพิ่งยื่นระบุพยานจำเลยเมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จแล้ว เพราะความพลั้งเผลอเข้าใจผิด แต่ปรากฏว่าจำเลยได้ยื่นเอกสารเพื่ออ้างเป็นพยานต่อศาลไว้ 13 ฉบับ ศาลได้เรียกค่าอ้าง จากจำเลยไว้แล้ว ทั้งจำเลยก็ได้ส่งสำเนาให้แก่โจทก์ไว้ด้วยแล้ว เช่นนี้ควรอนุญาตให้จำเลยอ้างตนเองเบิกความอธิบายเอกสารที่อ้างนี้และเบิกความแก้หรือหักล้างพยานหลักฐานฝ่ายโจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 806/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอนุญาตให้จำเลยเบิกความอธิบายเอกสารที่ยื่นต่อศาลเพื่อหักล้างพยานโจทก์ แม้ยื่นระบุพยานล่าช้า
ในคดีแพ่ง จำเลยเพิ่งยื่นระบุพยานจำเลยเมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จแล้วเพราะความพลั้งเผลอเข้าใจผิด แต่ปรากฏว่าจำเลยได้ยื่นเอกสารเพื่ออ้างเป็นพยานต่อศาลไว้ 13 ฉบับ ศาลได้เรียกค่าอ้างจากจำเลยไว้แล้วทั้งจำเลยก็ได้ส่งสำเนาให้แก่โจทก์ไว้ด้วยแล้ว เช่นนี้เพื่อความยุติธรรมควรอนุญาตให้จำเลยอ้างตนเองเบิกความอธิบายเอกสารที่อ้างนี้และเบิกความแก้หรือหักล้างพยานหลักฐานฝ่ายโจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 234/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองโรงเรียนราษฎร์: สันนิษฐานจากเอกสารและฐานะผู้จัดการ
ผู้ที่มีชื่อในเอกสารร้องขอเป็นเจ้าของและผู้จัดการโรงเรียนราษฎร์ซึ่งทางการอนุญาตแล้วนั้น สันนิษฐานว่าเป็นผู้ครอบครองโรงเรียนนั้น จึงยอมถูกเจ้าของสถานที่ที่ตั้งโรงเรียนฟ้องขับไล่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 234/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองโรงเรียนราษฎร์: สันนิษฐานจากเอกสารการจัดการและอนุญาต
ผู้ที่มีชื่อในเอกสารร้องขอเป็นเจ้าของและผู้จัดการโรงเรียนราษฎร์ซึ่งทางการอนุญาตแล้วนั้น สันนิษฐานว่าเป็นผู้ครอบครองโรงเรียนนั้นจึงย่อมถูกเจ้าของสถานที่ที่ตั้งโรงเรียนฟ้องขับไล่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 120/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่ส่งเอกสารประกอบการต่อสู้คดี และไม่มาศาล ทำให้ศาลถือว่าไม่มีเอกสารนั้น
จำเลยแถลงต่อศาลว่าจะอ้างเอกสารเป็นพยานต่อศาลใน 10วันครั้นถึงกำหนดขอผัดส่งต่อไปอีก 10 วันศาลอนุญาต ครั้นถึงกำหนดนัด จำเลยไม่ส่งเอกสารต่อศาลและจำเลยและทนายจำเลยไม่มาศาลในวันนัดดังนี้ถือว่าจำเลยไม่มีเอกสารเป็นพยาน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1115/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้เอกสารที่ไม่ได้รับการรับรองเป็นหลักฐานในคดีแพ่ง: หลักการพยานและภาระการพิสูจน์
โจทก์ฟ้องเรียกเงินจากจำเลย โดยอ้างว่าจำเลยได้ทำสัญญายอมความไว้ที่อำเภอจำเลยปฏิเสธว่ามิได้ทำสัญญายอมความลับโจทก์ เมื่อโจทก์จำเลยไม่สืบพยาน ศาลจะอาศัยสำเนาเอกสารในสำนวนในอีกคดีหนึ่งซึ่งจำเลยมิได้เป็นคู่ความด้วย และจำเลยมิได้รับรองสำเนาเอกสารฉะบับนั้นว่าเป็นสัญญาปราณีประนอมยอมความแต่อย่างใดมาเป็นพยานหลัก ฐานพิพากษาให้จำเลยใช้เงินโจทก์ไม่ได้ต้องถือว่าโจทก์ไม่สืบให้สมฟ้องคดีของโจทก์จึงไม่มีหลักฐานพยานพอที่จะ ให้ศาลฟังเป็นความจริงได้ จึงต้องยกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1115/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้เอกสารที่ไม่ได้รับการรับรองเป็นหลักฐานในคดี การพิสูจน์ข้อเท็จจริง และการยกฟ้อง
โจทก์ฟ้องเรียกเงินจากจำเลย โดยอ้างว่าจำเลยได้ทำสัญญายอมความไว้ที่อำเภอ จำเลยปฏิเสธว่ามิได้ทำสัญญายอมความกับโจทก์ เมื่อโจทก์จำเลยไม่สืบพยาน ศาลจะอาศัยสำเนาเอกสารในสำนวนในอีกคดีหนึ่ง ซึ่งจำเลยมิได้เป็นคู่ความด้วย และจำเลยมิได้รับรองสำเนาเอกสารฉบับนั้นว่าเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความแต่อย่างใดมาเป็นพยานหลักฐานพิพากษาให้จำเลยใช้เงินโจทก์ไม่ได้ ต้องถือว่าโจทก์ไม่สืบให้สมฟ้องคดีของโจทก์จึงไม่มีหลักฐานพยานพอที่จะให้ศาลฟังเป็นความจริงได้ จึงต้องยกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 931/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสืบพยานเพื่อแสดงความหมายของเอกสาร และขอบเขตของคำว่า 'บ้านเรือน' ในที่ดิน
จำเลยจะขอสืบพยานถึงคำ 'บ้านเรือนของนางสนิทไม่เกี่ยวข้องในที่ดินรายนี้' ว่ารวมถึงที่ดินที่ปลูกอยู่ด้วยนั้นเป็นการสืบแสดงความหมายของข้อความแห่งเอกสารว่า ข้อความนั้นหมายถึงที่ดินด้วย ซึ่งเป็นการสืบแสดงว่าคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตีความหมายผิด ดังข้อความวรรคท้ายของมาตรา 94 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง จำเลยมีสิทธินำสืบได้ไม่ต้องห้ามตามมาตรานี้
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 17/2494)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 636/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความพินัยกรรม: เจตนาของผู้ทำพินัยกรรมสำคัญกว่ารูปแบบเอกสาร
พินัยกรรม์ต้องเป็นการแสดงเจตนากำหนดการเผื่อตายตาม ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 1646 แม้เอกสารจะใช้คำว่า พินัยกรรม์และข้อความในตอนต้นอาจมีทางพอจะตีความว่าได้เป็นพินัยกรรม์ก็ดี แต่เมื่ออ่านข้อความตอนอื่นประกอบแล้ว เห็นว่าผู้ตายหาได้มีเจตนาจะทำพินัยกรรม์ไม่ หากเป็นหนังสือสัญญาซึ่งทำไว้แก่ฝ่ายสาว เวลาที่ผู้ตายจะได้จำเลยเป็นภริยาเท่านั้น การที่ผู้ตายเขียนคำว่า ขอทำพินัยกรรม์ ในตอนต้นจึงเป็นการใช้ถ้อยคำผิดดังนี้ เอกสารเช่นว่านั้น จึงไม่ใช่พินัยกรรม์
โจทก์มีคำขอท้ายฟ้องว่า ขอให้ศาลพิพากษาแสดงว่า จำเลยไม่มีสิทธิเกี่ยวข้องในกองมฤดกของผู้ตาย และห้ามมิให้จำเลยเข้ามาเกี่ยวข้องในการรับมฤดกของผู้ตาย คำขอไม่ให้เกี่ยวข้องนี้กว้างมาก หากศาลพิพากษาห้ามดังโจทก์ขอแล้ว อาจไปกระทบกระเทือนสิทธิของจำเลยซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ฟ้องร้องกันนี้ก็ได้ ฉะนั้นศาลจึงพิพากษาห้ามไม่ให้จำเลยเข้ามาเกี่ยวข้องกับกองมฤดกของผู้ตาย ในฐานะเป็นผู้รับมฤดก ส่วนคำขอท้ายฟ้องที่โจทก์ขอให้ขับไล่จำเลยกับบริวารออกจากเรือนซึ่งเป็นกองมฤดกของผู้ตายก็เช่นเดียวกัน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 636/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำพินัยกรรม: เอกสารที่ไม่ชัดเจนถึงเจตนาสั่งพินัยกรรม ไม่ถือเป็นพินัยกรรมที่สมบูรณ์
พินัยกรรมต้องเป็นการแสดงเจตนากำหนดการเผื่อตายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1646 แม้เอกสารจะใช้คำว่าพินัยกรรมและข้อความในตอนต้นอาจมีทางพอจะตีความว่าได้เป็นพินัยกรรมก็ดี แต่เมื่ออ่านข้อความตอนอื่นประกอบแล้ว เห็นว่าผู้ตายหาได้มีเจตนาจะทำพินัยกรรมไม่หากเป็นหนังสือสัญญาซึ่งทำไว้แก่ฝ่ายสาว เวลาที่ผู้ตายจะได้จำเลยเป็นภริยาเท่านั้น การที่ผู้ตายเขียนคำว่า ขอทำพินัยกรรม ในตอนต้นจึงเป็นการใช้ถ้อยคำผิด ดังนี้ เอกสารเช่นว่านั้น จึงไม่ใช่พินัยกรรม
โจทก์มีคำขอท้ายฟ้องว่า ขอให้ศาลพิพากษาแสดงว่าจำเลยไม่มีสิทธิเกี่ยวข้องในกองมรดกของผู้ตาย และห้ามมิให้จำเลยเข้ามาเกี่ยวข้องในการรับมรดกของผู้ตายคำขอไม่ให้เกี่ยวข้องนี้กว้างมาก หากศาลพิพากษาห้ามดังโจทก์ขอแล้ว อาจไปกระทบกระเทือนสิทธิของจำเลยซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ฟ้องร้องกันนี้ก็ได้ ฉะนั้นศาลจึงพิพากษาห้ามไม่ให้จำเลยเข้ามาเกี่ยวข้องกับกองมรดกของผู้ตาย ในฐานะเป็นผู้รับมรดก ส่วนคำขอท้ายฟ้องที่โจทก์ขอให้ขับไล่จำเลยกับบริวารออกจากเรือนซึ่งเป็นกองมรดกของผู้ตายก็เช่นเดียวกัน
of 57