พบผลลัพธ์ทั้งหมด 883 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2960/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลอุทธรณ์ในการวินิจฉัยประเด็นนอกฟ้อง การครอบครองที่ดิน และสิทธิในทรัพย์มรดก
ปัญหาว่าจำเลยได้แย่งการครอบครองที่ดินแปลงพิพาทส่วนของโจทก์แล้วหรือไม่ เป็นข้อเท็จจริง มิใช่ข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนที่ศาลจะยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ ดังนี้ เมื่อประเด็นในชั้นอุทธรณ์มีเพียงว่าที่ดินแปลงพิพาทเป็นทรัพย์มรดกของบิดามารดาโจทก์จำเลย หรือเป็นทรัพย์ของจำเลยซึ่งได้มาโดยหักร้างถางป่า และเรื่องค่าเสียหาย เท่านั้น การที่ศาลอุทธรณ์ตั้งปัญหาขึ้นเองว่าจำเลยได้แย่งการครอบครองที่ดินแปลงพิพาทในส่วนของโจทก์หรือไม่ และวินิจฉัยว่าจำเลยได้แย่งการครอบครอง โจทก์หมดสิทธิในที่ดินแปลงพิพาทส่วนของโจทก์เพราะมิได้ฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองภายในหนึ่งปีนั้น จึงเป็นการขัดต่อกฎหมายและเป็นคำวินิจฉัยที่มิชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2580/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้มาซึ่งที่ดินโดยการครอบครองปรปักษ์และการซื้อที่ดินโดยไม่สุจริต
จำเลยครอบครองที่พิพาทโดยความสงบเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเป็นเวลากว่าสิบปีจำเลยจึงได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1382 โจทก์ซึ่งเป็นผู้ซื้อที่ดินพิพาทรู้ว่าจำเลยครอบครองที่พิพาทจนได้กรรมสิทธิ์ตามกฎหมายแล้วแต่ก็ยังซื้อจึงถือได้ว่าโจทก์ซื้อที่พิพาทมาโดยไม่สุจริตจำเลยย่อมยกเอาการได้มาซึ่งที่พิพาทที่ยังมิได้จดทะเบียนขึ้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยรุกล้ำที่ดินโจทก์ 142 ตารางวา จำเลยให้การต่อสู้ว่าจำเลยครอบครองที่ดิน 72 ตารางวา เมื่อมีการทำแผนที่พิพาทโดยคู่ความต่างนำชี้ปรากฏว่าจำเลยนำชี้ตามแนวเขตที่ดินที่จำเลยครอบครองมีเนื้อที่ 147 ตารางวา และคู่ความทั้งสองฝ่ายได้รับรองแผนที่นั้นแล้วจึงต้องถือว่าโจทก์จำเลยพิพาทกัน 147 ตารางวา
การที่ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทขึ้นใหม่ หลังจากที่ได้สืบพยานโจทก์จำเลยเสร็จสิ้นแล้วว่าโจทก์ซื้อที่พิพาทมาโดยสุจริตหรือไม่ แต่ศาลชั้นต้นได้ให้โอกาสโจทก์นำพยานเข้าสืบในประเด็นดังกล่าวและโจทก์ก็ได้นำพยานเข้าสืบแล้วหาทำให้โจทก์เสียเปรียบในเชิงคดีแต่อย่างใดไม่
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยรุกล้ำที่ดินโจทก์ 142 ตารางวา จำเลยให้การต่อสู้ว่าจำเลยครอบครองที่ดิน 72 ตารางวา เมื่อมีการทำแผนที่พิพาทโดยคู่ความต่างนำชี้ปรากฏว่าจำเลยนำชี้ตามแนวเขตที่ดินที่จำเลยครอบครองมีเนื้อที่ 147 ตารางวา และคู่ความทั้งสองฝ่ายได้รับรองแผนที่นั้นแล้วจึงต้องถือว่าโจทก์จำเลยพิพาทกัน 147 ตารางวา
การที่ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทขึ้นใหม่ หลังจากที่ได้สืบพยานโจทก์จำเลยเสร็จสิ้นแล้วว่าโจทก์ซื้อที่พิพาทมาโดยสุจริตหรือไม่ แต่ศาลชั้นต้นได้ให้โอกาสโจทก์นำพยานเข้าสืบในประเด็นดังกล่าวและโจทก์ก็ได้นำพยานเข้าสืบแล้วหาทำให้โจทก์เสียเปรียบในเชิงคดีแต่อย่างใดไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2566/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขัดขวางการประชุมครูในโรงเรียนที่เช่า บุกรุกการครอบครอง
จำเลยซึ่งเป็นบุตรเจ้าของโรงเรียนไม่มีหน้าที่อันใดในโรงเรียนไปยืนอยู่หน้าห้องขัดขวางการประชุมครูของโจทก์ร่วมครูใหญ่และผู้จัดการโรงเรียนซึ่งเช่าจากบิดาจำเลย ดังนี้จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1642/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ต้องด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ ผู้เช่าครอบครองแทนเจ้าของไม่ได้
จำเลยให้บุคคลอื่นเช่าที่ดินของตนปลูกบ้านอยู่อาศัย ต่อมาผู้เช่าได้ขยายการครอบครองเข้าไปในที่ดินพิพาทซึ่งเป็นของโจทก์อยู่ติดกับที่ดินของจำเลย โดยจำเลยมิได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวดูแลหรืออนุญาตให้ผู้เช่ากระทำเช่นนั้น ถือว่าจำเลยมิได้ครอบครองที่ดินพิพาท และผู้เช่ามิได้ครอบครองที่พิพาทแทนจำเลย แม้ผู้เช่าจะได้ครอบครองที่ดินพิพาทมาเกิน 10 ปี จำเลยก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1642/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ต้องเป็นการครอบครองโดยเจ้าของที่ดินไม่ได้ยินยอมหรือทราบเห็น
จำเลยให้บุคคลอื่นเช่าที่ดินของตนปลูกบ้านอยู่อาศัยต่อมาผู้เช่าได้ขยายการครอบครองเข้าไปในที่ดินพิพาทซึ่งเป็นของโจทก์อยู่ติดกับที่ดินของจำเลยโดยจำเลยมิได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวดูแลหรืออนุญาตให้ผู้เช่ากระทำเช่นนั้นถือว่าจำเลยมิได้ครอบครองที่ดินพิพาท และผู้เช่ามิได้ครอบครองที่พิพาทแทนจำเลย แม้ผู้เช่าจะได้ครอบครองที่ดินพิพาทมาเกิน 10 ปี จำเลยก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1620/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรุกล้ำที่ดินโดยการต่อเติมอาคาร การครอบครองโดยอาศัยสิทธิเจ้าของเดิม และสิทธิในที่ดิน
ตึกแถวของโจทก์และของจำเลยอยู่ติดกัน ที่ดินและตึกแถวทั้งสองห้องนี้เดิมเป็นของเจ้าของคนเดียวกันโจทก์จำเลยต่างก็เช่าตึกแถวจากเจ้าของเดิม ระหว่างที่เช่าอยู่นั้นจำเลยได้ต่อเติมห้องน้ำห้องครัวที่ด้านหลังของตึกแถว โดยเจ้าของที่ดินคนเดิมรู้เห็นยินยอมต่อมาโจทก์จำเลยต่างก็ซื้อที่ดินและตึกแถวมาเป็นกรรมสิทธิ์ ปรากฏว่าที่ดินส่วนที่จำเลยต่อเติมเป็นห้องน้ำห้องครัวนั้นอยู่ในโฉนดที่โจทก์ซื้อ จำเลยเพิ่งครอบครองที่ดินดังกล่าวของโจทก์มาเพียง 2 ปี จึงหามีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดไม่ โจทก์จึงมีสิทธิบังคับให้จำเลยรื้อถอนห้องน้ำห้องครัวออกจากที่ดินโจทก์ได้ เพราะการก่อสร้างต่อเติมห้องน้ำห้องครัวนั้นก็โดยอาศัยสิทธิของเจ้าของเดิมไม่ใช่เข้าไปก่อสร้างโดยไม่รู้ว่าที่ดินนั้นเป็นของเจ้าของเดิม อันจะถือได้ว่าเป็นการสร้างโรงเรือนรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของผู้อื่นโดยสุจริตตามมาตรา 1312 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1531/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์: บุตร/บริวารผู้เกี่ยวข้องกับคดีเดิม ไม่อาจอ้างได้ แม้ครอบครองเกิน 10 ปี
โจทก์ครอบครองที่พิพาทในระหว่างที่บิดามารดาโจทก์กำลังเป็นความกับจำเลยอยู่ในศาล และอยู่ในระหว่างบังคับคดีตามคำพิพากษาแม้จะเกิน 10 ปี โจทก์ก็อ้างว่าเป็นการครอบครองปรปักษ์ยันจำเลยผู้เป็นเจ้าของไม่ได้ เพราะโจทก์ไม่ใช่บุคคลภายนอกแต่เป็นบุตรและบริวารของบิดามารดาเมื่อบิดามารดาได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับจำเลยตกลงยอมยกที่พิพาทให้เป็นของจำเลยและศาลได้พิพากษาคดีไปตามยอมแล้วคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลย่อมผูกพันโจทก์ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1071/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในที่ดินหลังพินัยกรรม: การครอบครองระหว่างคดีไม่ผูกพันผู้รับพินัยกรรม และการงดสืบพยานที่ต้องโต้แย้ง
การที่จำเลยครอบครองที่ดินพิพาทในระหว่างการพิจารณาคดีของศาลในคดีก่อน จะถือว่าจำเลยครอบครองโดยเจตนาจะยึดถือเพื่อตนหาได้ไม่ และเมื่อคดีก่อนนั้นถึงที่สุดโดยศาลพิพากษาว่าที่ดินพิพาทเป็นของ ล. ผลของคำพิพากษานั้นย่อมผูกพันจำเลยซึ่งเป็นคู่ความ จำเลยจึงไม่อาจยกเอาสิทธิแห่งการครอบครองที่ดินพิพาทในระหว่างคดีก่อนมาใช้ยันกับโจทก์ซึ่งเป็นผู้รับพินัยกรรมและเข้าเป็นคู่ความแทน ล. ผู้มรณะได้
คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้งดสืบพยานโจทก์จำเลย แล้ววินิจฉัยข้อเท็จจริง จากพยานหลักฐานในคดี เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 226 เมื่อจำเลยต้องการใช้สิทธิในการอุทธรณ์ฎีกา ก็ต้องโต้แย้งคำสั่งนั้นไว้
คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้งดสืบพยานโจทก์จำเลย แล้ววินิจฉัยข้อเท็จจริง จากพยานหลักฐานในคดี เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 226 เมื่อจำเลยต้องการใช้สิทธิในการอุทธรณ์ฎีกา ก็ต้องโต้แย้งคำสั่งนั้นไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 701/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบของกลางในคดีฝิ่น: ม้าต่างไม่ใช่ทรัพย์ที่ใช้ในการได้มาซึ่งของกลาง
ม้าต่างของกลางเป็นเพียงพาหนะที่จำเลยใช้ในการนำพาของกลางเท่านั้น มิได้ใช้เพื่อให้ได้มาซึ่งการมีฝิ่นของกลางไว้ในความครอบครองแต่อย่างใด จึงไม่เป็นทรัพย์ที่พึงต้องริบตามพระราชบัญญัติฝิ่น พ.ศ. 2472 มาตรา 69
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4025/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิทำเหมืองแร่เหนือการครอบครอง: โจทก์มีสิทธิขับไล่จำเลยออกจากที่ดินในเขตประทานบัตร แม้โจทก์มิได้เป็นเจ้าของที่ดิน
จำเลยเข้าครอบครองที่พิพาทในเขตประทานบัตรก็โดยอาศัยสิทธิของเจ้าของประทานบัตรคนก่อนๆ ซึ่งเข้าครอบครองทำเหมืองแร่อยู่แล้ว แม้จำเลยเข้าอยู่มาช้านานเท่าใดก็ไม่ได้สิทธิครอบครองเป็นเจ้าของที่พิพาท เมื่อที่ประทานบัตรตกได้แก่โจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิเข้าทำเหมืองแร่ในเขตประทานบัตรได้ทั้งหมด โดยอาศัยสิทธิตามประทานบัตรนั่นเอง ไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดิน โจทก์มีอำนาจฟ้องขับไล่