คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คำพิพากษา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,887 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7295/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลอุทธรณ์ในการเพิกถอนคำบังคับที่ไม่ถูกต้องตามคำพิพากษา และการกักขังแทนค่าปรับ
อำนาจของศาลที่จะเพิกถอนหรือมีคำสั่งในเรื่องการบังคับตามบทบัญญัติในมาตรา 27 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งนั้น หาใช่อำนาจของศาลชั้นต้นโดยเฉพาะไม่ ดังนั้นเมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าการออกคำบังคับของศาลชั้นต้นไม่ได้เป็นไปตามคำพิพากษา ซึ่งเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจที่จะเพิกถอนคำบังคับตามคำพิพากษาดังกล่าวแล้วให้ศาลชั้นต้นดำเนินการบังคับให้เป็นไปตามคำพิพากษาได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 15
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษปรับจำเลยทั้งสองเป็นเงิน109,663,779.20 บาท ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 27หากจำเลยทั้งสองไม่ชำระค่าปรับ จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา29, 30 โดยออกหมายกักขังจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดามีกำหนด 2 ปีแทนค่าปรับ ก็ต้องถือว่าเป็นการกักขังแทนค่าปรับทั้งหมดตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นเมื่อจำเลยที่ 2 ถูกกักขังแทนค่าปรับจำนวน 109,663,779.20 บาท ครบกำหนด2 ปี ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนิติบุคคลจึงไม่ต้องชำระค่าปรับตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7190/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ระยะเวลาบังคับคดี: นับจากคำพิพากษาศาลฎีกา ไม่ใช่อายุความตาม ป.พ.พ.
แม้ ป.วิ.พ. มาตรา 271 มิได้กล่าวไว้โดยชัดแจ้งว่า เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาชอบที่จะขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาได้ภายใน 10 ปี นับแต่วันที่มีคำพิพากษาของศาลใดก็ตาม แต่เมื่อมีการอุทธรณ์หรือฎีกา ผลของคำพิพากษาอาจจะเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาของศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์ได้ แล้วแต่กรณี ดังนั้น กรณีที่มีการฎีกา ระยะเวลาการบังคับคดีก็ต้องนับจากวันที่ได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา แม้ในชั้นฎีกาจำเลยไม่ได้ขอทุเลาการบังคับคดีและโจทก์มีสิทธิขอบังคับคดีได้ ก็เป็นคนละเรื่องกับกำหนดเวลาในการบังคับคดี
กำหนดเวลาในการบังคับคดีตาม ป.วิ.พ. มาตรา 271 เป็นเรื่องระยะเวลาที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะบังคับแก่ลูกหนี้ตามคำพิพากษา ไม่ใช่เป็นการใช้สิทธิเรียกร้องตาม ป.พ.พ. กำหนดระยะเวลาดังกล่าวจึงไม่ใช่อายุความไม่อาจนำเรื่องการเริ่มนับอายุความตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/12 มาใช้บังคับได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7190/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ระยะเวลาบังคับคดีตามคำพิพากษาเริ่มนับจากวันอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ไม่ใช่วันมีคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271มิได้กล่าวได้โดยแจ้งว่า เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาชอบที่จะขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาได้ภายใน 10 ปีนับแต่วันที่มีคำพิพากษาของศาลใด แต่เมื่อมีการอุทธรณ์หรือฎีกา ผลของคำพิพากษาอาจจะเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาของศาลชั้นต้นหรือพิพากษาได้แล้วแต่กรณี กรณีที่มีการฎีการะยะเวลาการบังคับคดีก็ต้องนับจากวันที่ได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา แม้ในชั้นฎีกาจำเลยไม่ได้ขอทุเลาการบังคับคดีและโจทก์มีสิทธิขอบังคับคดีได้ก็เป็นคนละเรื่องกับกำหนดเวลาในการบังคับคดี กำหนดเวลาในการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 เป็นเรื่องระยะเวลาที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะบังคับคดี แก่ลูกหนี้ตามคำพิพากษา ไม่ใช่เป็นการใช้สิทธิเรียกร้อง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กำหนดระยะเวลาดังกล่าว จึงไม่ใช่อายุความ ไม่อาจนำเรื่องการเริ่มนับอายุความ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/12 มาใช้บังคับได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7190/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ระยะเวลาบังคับคดี: เริ่มนับจากคำพิพากษาศาลฎีกา แม้ไม่มีการขอทุเลา
แม้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา271มิได้กล่าวไว้โดยชัดแจ้งว่าเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาชอบที่จะขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาได้ภายใน10ปีนับแต่วันที่มีคำพิพากษาของศาลใดก็ตามแต่เมื่อมีการอุทธรณ์หรือฎีกาผลของคำพิพากษาอาจจะเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาของศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์ได้แล้วแต่กรณีดังนั้นกรณีที่มีการฎีการะยะเวลาการบังคับคดีก็ต้องนับจากวันที่ได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาแม้ในชั้นฎีกาจำเลยไม่ได้ขอทุเลาการบังคับคดีและโจทก์มีสิทธิขอบังคับคดีได้ก็เป็นคนละเรื่องกับกำหนดเวลาในการบังคับคดี กำหนดเวลาในการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา271เป็นเรื่องระยะเวลาที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะบังคับแก่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาไม่ใช่เป็นการใช้สิทธิเรียกร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์กำหนดระยะเวลาดังกล่าวจึงไม่ใช่อายุความไม่อาจนำเรื่องการเริ่มนับอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา193/12มาใช้บังคับได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7141/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการบังคับคดีตามคำพิพากษา: การจำกัดจำนวนดอกเบี้ยที่ศาลพิพากษาให้ชำระ
เมื่อคำพิพากษาได้กำหนดโดยชัดแจ้งแล้วว่าให้จำเลยและพ.ร่วมกันชำระเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่31มกราคม2533จนถึงวันที่1สิงหาคม2533ให้แก่ผู้ร้องแต่ทั้งนี้ดอกเบี้ยก่อนวันที่1สิงหาคม2533คำนวณไม่เกินจำนวน216,260.53บาทซึ่งย่อมหมายความว่าเฉพาะดอกเบี้ยก่อนวันที่1สิงหาคม2533ซึ่งเป็นวันที่ผู้ร้องฟ้องจำเลยจำเลยต้องชำระดอกเบี้ยในส่วนนี้ระหว่างวันที่31มกราคม2533จนถึงวันที่1สิงหาคม2533เท่านั้นและการคิดคำนวณดอกเบี้ยในช่วงระยะเวลาดังกล่าวไม่ว่ากรณีจะเป็นประการใดห้ามมิให้เกินจำนวน216,260.53บาทมิได้หมายความรวมไปถึงดอกเบี้ยส่วนอื่นก่อนวันที่1สิงหาคม2533ซึ่งเป็นส่วนที่ศาลชั้นต้นมิได้พิพากษาให้จำเลยต้องรับผิดด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7068/2538 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อผิดพลาดในการพิมพ์ชื่อจำเลยในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ไม่ทำให้คำพิพากษานั้นเป็นโมฆะ
แม้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์พิมพ์ชื่อจำเลยผิดพลาดก็ตาม แต่เนื้อหาของคำพิพากษาก็วินิจฉัยถึงความผิดของจำเลยผู้ออกเช็คตามที่โจทก์ฟ้อง และวินิจฉัยตามประเด็นที่จำเลยยกมาอุทธรณ์ กรณีหามีผลทำให้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังกล่าวเป็นโมฆะถึงกับต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่แต่อย่างใดไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7068/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ชื่อจำเลยผิดพลาดในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ไม่ทำให้คำพิพากษาเป็นโมฆะ
แม้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์พิมพ์ชื่อจำเลยผิดพลาดก็ตาม แต่เนื้อหาของคำพิพากษาก็วินิจฉัยถึงความผิดของจำเลยผู้ออกเช็คตามที่โจทก์ฟ้อง และวินิจฉัยตามประเด็นที่จำเลยยกมาอุทธรณ์กรณีหามีผลทำให้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังกล่าวเป็นโมฆะถึงกับต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่แต่อย่างใดไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7068/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพลาดในการพิมพ์ชื่อจำเลยในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ไม่ทำให้คำพิพากษาเป็นโมฆะ
แม้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์พิมพ์ชื่อจำเลยผิดพลาดก็ตามแต่เนื้อหาของคำพิพากษาก็วินิจฉัยถึงความผิดของจำเลยผู้ออกเช็คตามที่โจทก์ฟ้องและวินิจฉัยตามประเด็นที่จำเลยยกมาอุทธรณ์กรณีหามีผลทำให้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังกล่าวเป็นโมฆะถึงกับต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่แต่อย่างใดไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7068/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ชื่อจำเลยพิมพ์ผิดในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ไม่ทำให้คำพิพากษานั้นเป็นโมฆะ หากเนื้อหาคำพิพากษาถูกต้อง
แม้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์พิมพ์ชื่อจำเลยผิดพลาดก็ตามแต่เนื้อหาของคำพิพากษาก็วินิจฉัยถึงความผิดของจำเลยผู้ออกเช็คตามที่โจทก์ฟ้องและวินิจฉัยตามประเด็นที่จำเลยยกมาอุทธรณ์กรณีหามีผลทำให้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังกล่าวเป็นโมฆะถึงกับต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่แต่อย่างใดไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6850/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการส่งคำบังคับแก่ลูกหนี้ตามคำพิพากษา
การบังคับคดีตามคำพิพากษา โจทก์ชอบที่จะขอให้ศาลชั้นต้นส่งคำบังคับให้แก่จำเลยซึ่งเป็นผู้ที่จะต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาในฐานะเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาของโจทก์เท่านั้น แม้ผลแห่งคำพิพากษาจะได้วินิจฉัยถึงกรรมสิทธิ์แห่งทรัพย์สินเป็นคุณแก่โจทก์ซึ่งอาจใช้ยันแก่บุคคลภายนอกได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา145 วรรคสอง (2) ก็ตาม เมื่อผู้คัดค้านมิใช่เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาของโจทก์จึงไม่ชอบที่โจทก์จะขอให้ศาลส่งคำบังคับให้แก่ผู้คัดค้านอันเป็นการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติป.วิ.พ. มาตรา 272 ได้
of 189