พบผลลัพธ์ทั้งหมด 713 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 444-445/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร้องสอดเป็นจำเลยร่วม: การขัดแย้งกับคำให้การของจำเลยอื่นทำให้คำร้องสอดถูกยก
ในคดีที่โจทก์จำเลยพิพาทกันแย่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินสามแปลงผู้ร้องร้องสอดเข้ามาว่า ที่ดินทั้งสามแปลงนี้เป็นของตนกึ่งหนึ่งขอเข้าเป็นจำเลยร่วมเพื่อสู้กับโจทก์เป็นการรักษาสิทธิของตนเช่นนี้ เป็นการร้องสอดเข้ามาเป็นจำเลยร่วมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57 (2) ดังนั้นเมื่อข้ออ้างในคำร้องสอดขัดกับคำให้การของจำเลยอื่น ๆ ศาลชอบที่จะสั่งให้ยกคำร้องสอดเสียได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 305/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำให้การเพิ่มเติมไม่ขัดแย้งกับคำให้การเดิม หากขยายความประเด็นข้อต่อสู้เดิมได้ ศาลต้องอนุญาตให้สืบพยาน
กรณีที่ถือว่าคำให้การเดิมและคำให้การเพิ่มเติมของจำเลยไม่ขัดแย้งกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1723/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การ: แม้มิเกี่ยวเนื่องกับคำให้การเดิม ก็ทำได้ตามกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
การขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การโดยการยกข้อต่อสู้ขึ้นใหม่นั้นไม่ว่าจะเกี่ยวข้องกับคำให้การเดิมหรือไม่ ก็ไม่สำคัญ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1643/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำให้การของผู้ตายก่อนเสียชีวิตเป็นพยานหลักฐานได้ แม้ไม่มีลายมือชื่อ
ข้อความที่ผู้ตายได้กล่าวยืนยันต่อผู้ใหญ่บ้านและเจ้าพนักงานตำรวจในขณะที่ผู้ตายยังมีสติดี ไม่มีอาการเพ้อคลั่ง และรู้ตัวว่าคงจะตายแน่ ว่าจำเลยทั้งสองเป็นคนร้ายนั้น ถึงแม้ว่าเจ้าพนักงานตำรวจจะบันทึกถ้อยคำให้ผู้ตายลงชื่อไว้ไม่ทัน ก็รับฟังเป็นพยานหลักฐานได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 31/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลดโทษจำเลยจากคำให้การที่เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี ถือเป็นการแก้ไขเล็กน้อยในดุลพินิจศาลอุทธรณ์ ห้ามฎีกา
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยได้กระทำผิดฐานลักทรัพย์สำเร็จแล้วและใช้ดุลพินิจลงโทษจำคุกจำเลยมา 3 ปียังไม่มีเหตุที่ศาลอุทธรณ์จะพึงแก้ไขแต่เห็นว่าการที่จำเลยให้การว่า จำเลยเข้าไปจับรถคันของผู้เสียหายออกและภายหลังได้นำเอาไปจอดไว้ที่เดิมนั้นเป็นการให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณานับว่ามีเหตุบรรเทาโทษซึ่งจำเลยสมควรจะได้รับการลดโทษจึงพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นว่าให้ลดโทษจำเลย 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยไว้2 ปี นั้นเป็นเรื่องที่ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงตามศาลชั้นต้นแล้วแก้ไขเล็กน้อยในการใช้ดุลพินิจลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78คดีจึงเป็นปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งศาลอุทธรณ์แก้ไขเล็กน้อยต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218
ปัญหาว่าคำให้การของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาหรือไม่ไม่ใช่ปัญหาข้อกฎหมาย
ปัญหาว่าคำให้การของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาหรือไม่ไม่ใช่ปัญหาข้อกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 202/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีอาญาเมื่อจำเลยเปลี่ยนคำให้การ ศาลอุทธรณ์ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น และการพิจารณาพิพากษาใหม่
วันนัดสืบพยานจำเลย ตัวจำเลยมาศาล. แต่พยานอื่นไม่มา. จำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี. ศาลไม่อนุญาตให้เลื่อน.จำเลยจึงอ้างตนเองเข้าสืบได้ 1 ปากแล้วยอมให้ศาลตัดพยานจำเลยไปตามที่จำเลยเคยแถลงไว้. แล้วศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลย. และ จำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้องโจทก์หรือขอให้โอกาสจำเลยสืบพยานได้อีก. ดังนี้ เป็นเรื่องที่ศาลอุทธรณ์ย่อมพิพากษาคดีไปได้เลย. ไม่จำเป็นต้องยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น. หากศาลอุทธรณ์เห็นควรฟังคำพยานจำเลยต่อไปอีก ก็ชอบที่ศาลอุทธรณ์จะเรียกพยานมาสืบเอง. หรือส่งสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นสืบพยานจำเลยเพิ่มเติม. ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 208(1).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 126/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดุลพินิจศาลในการอนุญาตให้ถอนฟ้องหลังยื่นคำให้การ แม้จำเลยคัดค้าน
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 175 ที่บัญญัติในเรื่องโจทก์ขอถอนคำฟ้องภายหลังที่จำเลยยื่นคำให้การแล้วนั้น. คงมีข้อห้ามไม่ให้ศาลอนุญาตโดยมิฟังจำเลยหรือผู้ร้องสอดก่อนเท่านั้น. หาได้มีข้อห้ามว่า ถ้าจำเลยคัดค้านแล้วศาลก็อนุญาตให้ถอนฟ้องไม่ได้. ด้วยเหตุนี้ แม้จำเลยจะคัดค้าน ศาลย่อมสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนคำฟ้องได้. เพราะเป็นดุลพินิจของศาลที่จะมีคำสั่งตามที่เห็นสมควร.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1196/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำให้การปฏิเสธฟ้องต้องระบุเหตุผล การไม่ให้การถือว่ามิได้ปฏิเสธ โจทก์ไม่ต้องนำสืบ
จำเลยต้องแสดงโดยชัดแจ้งในคำให้การว่า จำเลยยอมรับหรือปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ทั้งสิ้นหรือบางส่วน รวมทั้งเหตุแห่งการนั้น จะให้การลอยๆ ว่า นอกจากที่ให้การต่อไปนี้ ขอให้ถือว่าจำเลยปฏิเสธ โดยไม่มีเหตุผลแห่งการปฏิเสธ ย่อมเป็นคำให้การที่ไม่ชอบ
เมื่อจำเลยไม่ให้การถึงข้อที่โจทก์ฟ้อง ย่อมถือไม่ได้ว่าจำเลยปฏิเสธ โจทก์ไม่ต้องนำสืบ
เมื่อจำเลยไม่ให้การถึงข้อที่โจทก์ฟ้อง ย่อมถือไม่ได้ว่าจำเลยปฏิเสธ โจทก์ไม่ต้องนำสืบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1196/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำให้การปฏิเสธของจำเลยต้องชัดแจ้งเหตุผล หากไม่ชัดเจนถือว่าไม่ได้ปฏิเสธ โจทก์ไม่ต้องนำสืบ
จำเลยต้องแสดงโดยชัดแจ้งในคำให้การว่า จำเลยยอมรับหรือปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ทั้งสิ้นหรือบางส่วน รวมทั้งเหตุแห่งการนั้น จะให้การลอยๆ ว่า นอกจากที่ให้การต่อไปนี้ ขอให้ถือว่าจำเลยปฏิเสธ โดยไม่มีเหตุผลแห่งการปฏิเสธ ย่อมเป็นคำให้การที่ไม่ชอบ
เมื่อจำเลยไม่ให้การถึงข้อที่โจทก์ฟ้อง ย่อมถือไม่ได้ว่าจำเลยปฏิเสธ โจทก์ไม่ต้องนำสืบ
เมื่อจำเลยไม่ให้การถึงข้อที่โจทก์ฟ้อง ย่อมถือไม่ได้ว่าจำเลยปฏิเสธ โจทก์ไม่ต้องนำสืบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1196/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำให้การปฏิเสธฟ้องต้องชัดแจ้งเหตุผล หากไม่ชัดเจน ถือไม่ได้ว่าปฏิเสธ โจทก์ไม่ต้องนำสืบ
จำเลยต้องแสดงโดยชัดแจ้งในคำให้การว่า จำเลยยอมรับหรือปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ทั้งสิ้นหรือบางส่วน รวมทั้งเหตุแห่งการนั้น. จะให้การลอยๆ ว่า นอกจากที่ให้การต่อไปนี้ ขอให้ถือว่าจำเลยปฏิเสธ. โดยไม่มีเหตุผลแห่งการปฏิเสธ. ย่อมเป็นคำให้การที่ไม่ชอบ.
เมื่อจำเลยไม่ให้การถึงข้อที่โจทก์ฟ้อง. ย่อมถือไม่ได้ว่าจำเลยปฏิเสธ. โจทก์ไม่ต้องนำสืบ.
เมื่อจำเลยไม่ให้การถึงข้อที่โจทก์ฟ้อง. ย่อมถือไม่ได้ว่าจำเลยปฏิเสธ. โจทก์ไม่ต้องนำสืบ.