พบผลลัพธ์ทั้งหมด 632 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 366/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในเครื่องหมายการค้า: ผู้ขอจดทะเบียนต้องเป็นเจ้าของหรือได้รับมอบฉันทะ การจำหน่ายสินค้าไม่ถือเป็นการละเมิด
ผู้ที่จะขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าได้ จะต้องเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้านั้นๆแต่ไม่จำต้องเป็นผู้ทำสินค้านั้นขึ้นเองก็ได้และถ้าบุคคลผู้ขอจดทะเบียนไม่ได้เป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้านั้นแล้วผู้ขอจดทะเบียนจะต้องได้รับมอบฉันทะจากเจ้าของเสียก่อน
เครื่องหมายการค้า'SIMILAC'ที่โจทก์ฟ้องนี้ ข้อเท็จจริงปรากฏว่าเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทเอมแอนด์อาร์ใดเอทเตติกลาบอแรตตอรี่ สำหรับใช้กับแป้งนมซึ่งบริษัทเป็นผู้ผลิตขึ้นจำหน่าย หาใช่เครื่องหมายการค้าของโจทก์ไม่ โจทก์เป็นแต่ผู้จำหน่ายแป้งนมนี้เท่านั้นและบริษัทผู้ผลิตมิได้มอบอำนาจให้โจทก์เป็นผู้ไปขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้านี้ต่อเจ้าพนักงานที่โจทก์ไปขอทะเบียนเครื่องหมายการค้า'SIMILAC'จึงเป็นไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ก่อให้เกิดสิทธิแก่โจทก์ตามนัยของมาตรา37 พระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้าจำเลยเป็นแต่ผู้สั่งแป้งนมSIMILACเข้ามาจำหน่าย มิใช่เป็นผู้ใช้เครื่องหมายการค้านี้เอง จำเลยจึงมิได้ละเมิดสิทธิของโจทก์ โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยไม่ได้
เครื่องหมายการค้า'SIMILAC'ที่โจทก์ฟ้องนี้ ข้อเท็จจริงปรากฏว่าเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทเอมแอนด์อาร์ใดเอทเตติกลาบอแรตตอรี่ สำหรับใช้กับแป้งนมซึ่งบริษัทเป็นผู้ผลิตขึ้นจำหน่าย หาใช่เครื่องหมายการค้าของโจทก์ไม่ โจทก์เป็นแต่ผู้จำหน่ายแป้งนมนี้เท่านั้นและบริษัทผู้ผลิตมิได้มอบอำนาจให้โจทก์เป็นผู้ไปขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้านี้ต่อเจ้าพนักงานที่โจทก์ไปขอทะเบียนเครื่องหมายการค้า'SIMILAC'จึงเป็นไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ก่อให้เกิดสิทธิแก่โจทก์ตามนัยของมาตรา37 พระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้าจำเลยเป็นแต่ผู้สั่งแป้งนมSIMILACเข้ามาจำหน่าย มิใช่เป็นผู้ใช้เครื่องหมายการค้านี้เอง จำเลยจึงมิได้ละเมิดสิทธิของโจทก์ โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1907/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดพ.ร.บ.สุรา แม้ไม่ใช่ผู้ผลิต: การเจือปนและจำหน่ายสุราโดยไม่ปิดแสตมป์
เมื่อข้อเท็จจริงฟังว่าจำเลยได้เอาน้ำเจือปนสุราแล้วนำออกวางขายในร้านโดยรู้ว่าต้องปิดแสตมป์สุราแต่ไม่ได้ปิด ดังนี้แม้จำเลยจะไม่ใช่เป็นผู้ได้รับอนุญาตให้ทำสุราก็ตาม จำเลยก็ไม่พ้นความผิดตามความในมาตรา 33 แห่ง พระราชบัญญัติสุรา พ.ศ.2493
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 28/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าหน้าที่รถไฟทุจริต จำหน่ายตั๋วรถไฟที่ใช้แล้วเพื่อประโยชน์ส่วนตน
เสมียนสถานีรถไฟ มีหน้าที่จำหน่ายตั่วรถไฟแก่ผู้โดยสาร และมีหน้าที่รับกากตั่ซจากคนการที่เก็บจากผู้โดยสาร แล้วทำบัญชีรวบรวมกากตั๋วส่งกองบัญชีกรมรถไฟเป็นจำวัน จำเลยกลับเอากากตั่วที่ได้รับมอบจากคนการนั้นมาจำหน่ายแก่ผู้โดยสาร แล้วเอาเงินที่ได้จากการจำหน่ายกากตั่วนั้นไว้เป็นประโยชน์แก่จำเลยเอง ดังนี้ย่อมเป็นความผิดตามก.ม.ลักษณะอาญามาตรา132.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 28/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เสมียนรถไฟจำหน่ายกากตั๋ว: ความผิดต่อหน้าที่และทรัพย์สินของรัฐ
เสมียนสถานีรถไฟ มีหน้าที่จำหน่ายตั๋วรถไฟแก่ผู้โดยสารและมีหน้าที่รับกากตั๋วจากคนการที่เก็บจากผู้โดยสาร แล้วทำบัญชีรวบรวมกากตั๋วส่งกองบัญชีกรมรถไฟเป็นประจำวัน จำเลยกลับเอากากตั๋วที่ได้รับมอบจากคนการนั้นมาจำหน่ายแก่ผู้โดยสารแล้วเอาเงินที่ได้จากการจำหน่ายกากตั๋วนั้นไว้เป็นประโยชน์แก่จำเลยเองดังนี้ ย่อมเป็นความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 132
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1831/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ความผิดฐานมีธนบัตรปลอมไว้เพื่อจำหน่าย: พฤติการณ์สำคัญประกอบการวินิจฉัย
ในคดีอาญาโจทก์มีหน้าที่ที่จะนำสืบพิสูจน์ความผิดของจำเลย แต่ความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 203(3) นั้นแยกเป็นสองฐาน คือฐานจำหน่ายธนบัตรปลอมโดยรู้และฐานมีไว้เพื่อจำหน่าย ความผิดฐานแรกโจทก์ต้องนำสืบถึงการจำหน่ายด้วย ความผิดฐานหลังนำสืบแต่เพียงว่ามีไว้เพื่อจะจำหน่ายก็เป็นความผิดได้แล้ว
การจะวินิจฉัยว่ามีธนบัตรปลอมไว้เพื่อจะจำหน่ายหรือเพื่ออย่างใดนั้นต้องประมวลพฤติการณ์ทั้งหลายที่ปรากฏในสำนวนประกอบแล้ววินิจฉัยเป็นเรื่องๆ ไป พฤติการณ์ที่จำเลยแสดงตนเป็นพระภิกษุแต่ใบสุทธิเป็นที่สงสัย ทำตนเป็นคนหากินทางขายเครื่องรางในวัด เจ้าอาวาสในวัดห้ามไม่ฟัง มีธนบัตรปลอมชนิดฉบับละ 100 บาท7 ฉบับในตัว ห่อไว้ต่างหากแยกจากห่อธนบัตรดี ดังนี้เป็นการเพียงพอที่จะรับฟังได้ว่าจำเลยรู้ว่าเป็นธนบัตรปลอมและมีไว้เพื่อจำหน่าย
การจะวินิจฉัยว่ามีธนบัตรปลอมไว้เพื่อจะจำหน่ายหรือเพื่ออย่างใดนั้นต้องประมวลพฤติการณ์ทั้งหลายที่ปรากฏในสำนวนประกอบแล้ววินิจฉัยเป็นเรื่องๆ ไป พฤติการณ์ที่จำเลยแสดงตนเป็นพระภิกษุแต่ใบสุทธิเป็นที่สงสัย ทำตนเป็นคนหากินทางขายเครื่องรางในวัด เจ้าอาวาสในวัดห้ามไม่ฟัง มีธนบัตรปลอมชนิดฉบับละ 100 บาท7 ฉบับในตัว ห่อไว้ต่างหากแยกจากห่อธนบัตรดี ดังนี้เป็นการเพียงพอที่จะรับฟังได้ว่าจำเลยรู้ว่าเป็นธนบัตรปลอมและมีไว้เพื่อจำหน่าย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1263/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคัดลอกหนังสือผู้อื่นเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ แม้จะมีข้อมูลที่มา
คัดลอกหนังสือที่ผู้อื่นประพันธ์ขึ้นออกจำหน่ายโดยมิได้รับความยินยอมหรือรับอนุญาตจากเจ้าของแล้ว แม้จะมีคำนำเขียนไว้ในหนังสือถึงที่มาของหนังสือนั้นก็ตาม ก็ถือได้ว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองวรรณกรรมและศิลปกรรมมาตรา 11 และ 20
กระทรวงศึกษาธิการให้หัวหน้าแผนกหลักสูตรและแบบเรียน กรมสามัญศึกษาเรียบเรียงประมวลการสอนชั้นประถมศึกษาขึ้น เมื่อเรียบเรียงแล้ว ได้เสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวง ฯ รัฐมนตรีอนุมัติให้ใช้เพื่อโรงเรียนต่าง ๆ ใช้เป็นแนวสำหรับทำการสอนดังนี้ประมวลการสอนดังกล่าวย่อมเป็นลิขสิทธิตามกฎหมายเพราะเป็นหนังสือวรรณกรรมที่มีเจ้าของคิดเรียบเรียงขึ้นผู้ใดคัดลอกจัดพิมพ์ออกจำหน่ายโดยมิได้รับความยินยอมหรือรับอนุญาตจากเจ้าของแล้ว ย่อมมีความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองวรรณกรรมและศิลปกรรม
กระทรวงศึกษาธิการให้หัวหน้าแผนกหลักสูตรและแบบเรียน กรมสามัญศึกษาเรียบเรียงประมวลการสอนชั้นประถมศึกษาขึ้น เมื่อเรียบเรียงแล้ว ได้เสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวง ฯ รัฐมนตรีอนุมัติให้ใช้เพื่อโรงเรียนต่าง ๆ ใช้เป็นแนวสำหรับทำการสอนดังนี้ประมวลการสอนดังกล่าวย่อมเป็นลิขสิทธิตามกฎหมายเพราะเป็นหนังสือวรรณกรรมที่มีเจ้าของคิดเรียบเรียงขึ้นผู้ใดคัดลอกจัดพิมพ์ออกจำหน่ายโดยมิได้รับความยินยอมหรือรับอนุญาตจากเจ้าของแล้ว ย่อมมีความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองวรรณกรรมและศิลปกรรม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1242/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแยกกันอยู่และการสละละทิ้งภริยา ทำให้ภริยามีสิทธิจำหน่ายสินบริคณห์ได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากสามี
สามีภริยาแยกกันอยู่ประมาณ 8 ปี เนื่องจากเกิดทะเลาะกันต่างไม่พอใจอยู่รวมกัน ภริยาจึงแยกไปอยู่ที่อื่น อันเป็นความพอใจของสามี ส่วนสามีคงอยู่ที่บ้านเรือนเดิม ตลอดเวลาที่แยกกันอยู่สามีไม่ได้ให้ความอุปการะส่งเสียเงินทองเลี้ยงดูภริยาอย่างใดเลย ดังนี้ ถือได้ว่าสามีได้สละละทิ้งภริยาตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 39(2) แล้ว ภริยาจึงย่อมทำการผูกพันส่วนของตนในสินบริคณห์ได้โดยมิพักต้องได้รับอนุญาตจากสามี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 802/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้ตั๋วปลอมและการจำหน่ายโดยเจตนา การมีความผิดตามประมวลกฎหมายลักษณะอาญา
ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 218 ที่บัญญัติว่า "ผู้ใดบังอาจใช้ตั๋วอย่างใดๆ เช่นว่าในมาตรา 217 ที่มันรู้อยู่ว่าเป็นตั๋วปลอมแปลงก็ดี หรือปรากฎว่ามันมีตั๋วปลอมแปลงเช่นนั้นไว้โดยเจตนาที่จะใช้ก็ดี ท่านว่ามันมีความผิด" นั้นย่อมหมายความถึงทุกคนที่บังอาจใช้ตั๋วปลอมแปลงตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 217 โดยไม่จำกัดบุคคลว่าจะต้องไม่ใช่ลูกจ้างของนายจ้างหรือไม่ ก็ย่อมมีความผิดทั้งนั้น และคำว่าใช้นั้น หมายความรวมตลอดถึงการจำหน่ายด้วย
คนขายตั๋วเก็บค่าโดยสารรถยนต์โดยสารทั่วไปของบริษัท ๆ หนึ่งบังอาจมีและใช้ตั๋วรถยนต์โดยสารปลอม โดยนำมาใช้จำหน่ายแก่ผู้โดยสาร โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นตั๋วปลอมนั้น คนขายตั๋วย่อมมีความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 218
คนขายตั๋วเก็บค่าโดยสารรถยนต์โดยสารทั่วไปของบริษัท ๆ หนึ่งบังอาจมีและใช้ตั๋วรถยนต์โดยสารปลอม โดยนำมาใช้จำหน่ายแก่ผู้โดยสาร โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นตั๋วปลอมนั้น คนขายตั๋วย่อมมีความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 218
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 802/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้ตั๋วปลอมแปลงและการจำหน่ายโดยเจตนา: ความผิดตามมาตรา 218
กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 218 ที่บัญญัติว่า "ผู้ใดบังอาจใช้ตั๋วอย่างใดใด เช่นว่าในมาตรา 217 ที่มันรู้อยู่ว่าเป็นตั๋วปลอมแปลงก็ดี หรือปรากฏว่ามันมีตั๋วปลอมแปลง เช่นนั้นไว้โดยเจตนาที่จะใช้ก็ดี ท่านว่ามันมีความผิด" นั้น ย่อมหมายความถึงทุกคนที่บังอาจใช้ตั๋วปลอมแปลงตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 217 โดยไม่จำกัดบุคคลว่าจะต้องไม่ใช่ลูกจ้างของนายจ้างหรือไม่ก็ย่อมมีความผิดทั้งนั้น และคำว่าใช้นั้น หมายความรวมตลอดถึงการจำหน่ายด้วย
คนขายตั๋วเก็บค่าโดยสารรถยนต์โดยสารประจำรถยนต์โดยสารสาธารณะชนทั่วไปของบริษัทบริษัท หนึ่งบังอาจมีและใช้ตั๋วรถยนต์โดยสารปลอม โดยนำมาใช้จำหน่ายแก่ผู้โดยสารโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นตั๋วปลอมนั้น คนขายตั๋วย่อมมีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 218
คนขายตั๋วเก็บค่าโดยสารรถยนต์โดยสารประจำรถยนต์โดยสารสาธารณะชนทั่วไปของบริษัทบริษัท หนึ่งบังอาจมีและใช้ตั๋วรถยนต์โดยสารปลอม โดยนำมาใช้จำหน่ายแก่ผู้โดยสารโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นตั๋วปลอมนั้น คนขายตั๋วย่อมมีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 218
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 508/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายสุราโดยไม่ได้รับอนุญาตและการริบของกลางตาม พ.ร.บ.สุรา
นำสุราแม่โขงออกแสดงเพื่อขายโดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานสรรพสามิตต์ย่อมเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ.สุรา 2493 มาตรา 17 แต่สุราแม่โขงที่นำออกแสดงเพื่อขายนั้น ตามมาตรา 45 มิได้บัญญัติให้ริบ
(ประชุมใหญ่)
(ประชุมใหญ่)