พบผลลัพธ์ทั้งหมด 592 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 100/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีฎีกาเนื่องจากไม่สามารถตัวจำเลยมาพิจารณาได้ แม้ส่งหมายนัดแล้ว
ในคดีอาญา เมื่อโจทก์ฎีกาแม้ได้ส่งสำเนาฎีกาให้จำเลยรับไปแล้วถ้าต่อมาไม่ทราบว่าจำเลยอยู่ที่ใดตามตัวไม่พบ ส่งหมายนัดแถลงการณ์ให้จำเลยไม่ได้และโจทก์ไม่สามารถจะนำส่งหมายนัดให้จำเลยได้ย่อมถือว่าไม่ได้ตัวจำเลยมาทำการพิจารณาศาลฎีกาต้องสั่งจำหน่ายฎีกาของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 235/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแถลงขอให้ยกฟ้องกับการดำเนินกระบวนพิจารณาตาม ป.วิ.แพ่ง ม.201 วรรค 2
โจทก์รับในเรื่องหน้าที่นำสืบว่า โจทก์จะนำสืบก่อนครั้นถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ ๆไม่มาศาลตามเวลานัด คงมาแต่ฝ่ายจำเลย จำเลยได้แถลงต่อศาลว่า เมื่อโจทก์ไม่มาศาลขอให้ยกฟ้องชองโจทก์เสีย ดังนี้ ย่อมมีความหมายในทางที่จำเลยประสงค์ให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปตามความใน ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 201 วรรค 2 เพราะเห็นได้ว่าการที่จำเลยขอให้ศาลพิพากษาคดีนั้น ศาลจำต้องดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างใดอย่างหนึ่ง ฉะนั้น ศาลจะไปสั่งจำหน่ายคดีเสียไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 235/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอให้ยกฟ้องเมื่อโจทก์ไม่มาศาล มิใช่การขอให้จำหน่ายคดี
โจทก์รับในเรื่องหน้าที่นำสืบว่าโจทก์จะนำสืบก่อนครั้นถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์ไม่มาศาลตามเวลานัดคงมาแต่ฝ่ายจำเลย จำเลยได้แถลงต่อศาลว่า เมื่อโจทก์ไม่มาศาลขอให้ยกฟ้องของโจทก์เสีย ดังนี้ ย่อมมีความหมายในทางที่จำเลยประสงค์ให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปตามความใน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 201 วรรค 2เพราะเห็นได้ว่าการที่จำเลยขอให้ศาลพิพากษาคดีนั้นศาลจำต้องดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างใดอย่างหนึ่ง ฉะนั้นศาลจะไปสั่งจำหน่ายคดีเสียไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1318/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีของโจทก์และการใช้ดุลยพินิจของศาลในการจำหน่ายคดี
การที่โจทก์ไม่มาศาลในวันนัดพร้อมกันนั้น จะเรียกว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณาไม่ได้
โจทก์จำเลยขอให้ศาลงดกาพิจารณาไว้รอฟังผลของอีกคดีหนึ่ง เมื่อคดีนั้นได้ผลอย่างใดจะมาแถลงให้ศาลทราบ ครั้นเมื่อคดีนั้นพิพากษาถึงที่สุดแล้ว โจทก์ก็หาได้กระทำประการใดไม่ จนเวลาล่วงเลยไปร่วมปี และซ้ำเมื่อจำเลยยื่นคำแถลงให้ศาลทราบ ศาลนัดโจทก์จำเลยมาพร้อมกัน โจทก์ได้รับหมายแล้ว ก้ยังหามาศาลไม่ การละเลยของโจทก์ เช่นนี้ เรียกได้ว่า โจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินคดีได้แล้ว และถือว่าเป็นการเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลเห็นสมควรกำหนดตามความใน ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 174(2) ด้วย ซึ่งศาลมีอำนาจสั้งจำหน่ายคดีโจทก์เสีสยได้แล้ว
อำนาจสั่งจำหน่ายคดีนั้นกฎหมายให้ศาลไว้เพื่อใช้ตามควรแก่กรณี ไม่ใช่บังคับว่าจะต้องจำหน่ายเสมอไป ศาลย่อมพิจารณาตามสมควรแก่พฤติการณ์(อ้างคำสั่งคำร้องฎีกาที่ 57/2493) ฉะนั้นอำนาจที่จะสั้งนั้นอย่างหนึ่งสมควรสั่งหรือไม่นั้นอีกอย่างหนึ่ง
โจทก์จำเลยขอให้ศาลงดกาพิจารณาไว้รอฟังผลของอีกคดีหนึ่ง เมื่อคดีนั้นได้ผลอย่างใดจะมาแถลงให้ศาลทราบ ครั้นเมื่อคดีนั้นพิพากษาถึงที่สุดแล้ว โจทก์ก็หาได้กระทำประการใดไม่ จนเวลาล่วงเลยไปร่วมปี และซ้ำเมื่อจำเลยยื่นคำแถลงให้ศาลทราบ ศาลนัดโจทก์จำเลยมาพร้อมกัน โจทก์ได้รับหมายแล้ว ก้ยังหามาศาลไม่ การละเลยของโจทก์ เช่นนี้ เรียกได้ว่า โจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินคดีได้แล้ว และถือว่าเป็นการเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลเห็นสมควรกำหนดตามความใน ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 174(2) ด้วย ซึ่งศาลมีอำนาจสั้งจำหน่ายคดีโจทก์เสีสยได้แล้ว
อำนาจสั่งจำหน่ายคดีนั้นกฎหมายให้ศาลไว้เพื่อใช้ตามควรแก่กรณี ไม่ใช่บังคับว่าจะต้องจำหน่ายเสมอไป ศาลย่อมพิจารณาตามสมควรแก่พฤติการณ์(อ้างคำสั่งคำร้องฎีกาที่ 57/2493) ฉะนั้นอำนาจที่จะสั้งนั้นอย่างหนึ่งสมควรสั่งหรือไม่นั้นอีกอย่างหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1318/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกเฉยไม่ดำเนินคดี: ศาลมีอำนาจจำหน่ายคดีได้เมื่อโจทก์ละเลย
การที่โจทก์ไม่มาศาลในวันนัดพร้อมกันนั้น จะเรียกว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณาไม่ได้
โจทก์จำเลยขอให้ศาลงดการพิจารณาไว้รอฟังผลของอีกคดีหนึ่ง เมื่อคดีนั้นได้ผลอย่างใดจะมาแถลงให้ศาลทราบ ครั้นเมื่อคดีนั้นพิพากษาถึงที่สุดแล้ว โจทก์ก็หาได้กระทำประการใดไม่ จนเวลาล่วงเลยไปร่วมปี และซ้ำเมื่อจำเลยยื่นคำแถลงให้ศาลทราบ ศาลนัดโจทก์จำเลยมาพร้อมกันโจทก์ได้รับหมายแล้ว ก็ยังหามาศาลไม่การละเลยของโจทก์ เช่นนี้ เรียกได้ว่า โจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินคดีได้แล้วและถือว่าเป็นการเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลเห็นสมควรกำหนดตามความในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง 174(2) ด้วยซึ่งศาลมีอำนาจสั่งจำหน่ายคดีโจทก์เสียได้แล้ว
อำนาจสั่งจำหน่ายคดีนั้นกฎหมายให้ศาลไว้เพื่อใช้ตามควรแก่กรณี ไม่ใช่บังคับว่าจะต้องจำหน่ายเสมอไป ศาลย่อมพิจารณาตามสมควรแก่พฤติการณ์(อ้างคำสั่งคำร้องฎีกาที่ 57/2493) ฉะนั้นอำนาจที่จะสั่งนั้นอย่างหนึ่งสมควรสั่งหรือไม่นั้นอีกอย่างหนึ่ง
โจทก์จำเลยขอให้ศาลงดการพิจารณาไว้รอฟังผลของอีกคดีหนึ่ง เมื่อคดีนั้นได้ผลอย่างใดจะมาแถลงให้ศาลทราบ ครั้นเมื่อคดีนั้นพิพากษาถึงที่สุดแล้ว โจทก์ก็หาได้กระทำประการใดไม่ จนเวลาล่วงเลยไปร่วมปี และซ้ำเมื่อจำเลยยื่นคำแถลงให้ศาลทราบ ศาลนัดโจทก์จำเลยมาพร้อมกันโจทก์ได้รับหมายแล้ว ก็ยังหามาศาลไม่การละเลยของโจทก์ เช่นนี้ เรียกได้ว่า โจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินคดีได้แล้วและถือว่าเป็นการเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลเห็นสมควรกำหนดตามความในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง 174(2) ด้วยซึ่งศาลมีอำนาจสั่งจำหน่ายคดีโจทก์เสียได้แล้ว
อำนาจสั่งจำหน่ายคดีนั้นกฎหมายให้ศาลไว้เพื่อใช้ตามควรแก่กรณี ไม่ใช่บังคับว่าจะต้องจำหน่ายเสมอไป ศาลย่อมพิจารณาตามสมควรแก่พฤติการณ์(อ้างคำสั่งคำร้องฎีกาที่ 57/2493) ฉะนั้นอำนาจที่จะสั่งนั้นอย่างหนึ่งสมควรสั่งหรือไม่นั้นอีกอย่างหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 574/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้องอุทธรณ์: ผลคือศาลสั่งจำหน่ายคดี
จำเลยยื่นอุทธรณ์คัดค้านสั่งของศาลชั้นต้นในท้ายอุทธรณ์ จำเลยแถลงว่าจำเลยฟังคำสั่งศาลอยู่แล้วในวันที่ก็ไม่ฟังก็ให้ถือว่าจำเลยได้ตามคำสั่งศาลแล้ว ศาลชั้นต้นรับอุทธรณ์ของจำเลย และให้จัดการส่งสำเนาให้โจทก์กำหนด 15 วัน ครั้นพ้นกำหนด 15 วันแล้วจำเลยก็หาได้จัดการนำส่งสำเนาแต่ประการใดไม่ ดังนี้ต้องถือว่าผู้อุทธรณ์ยังฟ้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ย่อมสั่งจำหน่ายฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยได้+
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 574/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้องอุทธรณ์เนื่องจากการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล การจำหน่ายคดี
จำเลยยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้นในท้ายอุทธรณ์
จำเลยแถลงว่าจำเลยรอฟังคำสั่งศาลอยู่แล้วในวันนี้ถ้าไม่ฟังก็ให้ถือว่าจำเลยได้ทราบคำสั่งศาลแล้ว ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยและสั่งให้จัดการส่งสำเนาให้โจทก์ในกำหนด 15 วัน ครั้นพ้นกำหนด 15 วันแล้วจำเลยก็หาได้จัดการนำส่งสำเนาแต่ประการใดไม่ ดังนี้ ต้องถือว่าผู้อุทธรณ์ทิ้งฟ้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ย่อมสั่งจำหน่ายฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยได้
ศาลอุทธรณ์สั่งจำหน่ายคดีของจำเลยโดยถือว่าจำเลยทิ้งฟ้องอุทธรณ์ จำเลยฎีกาได้
จำเลยแถลงว่าจำเลยรอฟังคำสั่งศาลอยู่แล้วในวันนี้ถ้าไม่ฟังก็ให้ถือว่าจำเลยได้ทราบคำสั่งศาลแล้ว ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยและสั่งให้จัดการส่งสำเนาให้โจทก์ในกำหนด 15 วัน ครั้นพ้นกำหนด 15 วันแล้วจำเลยก็หาได้จัดการนำส่งสำเนาแต่ประการใดไม่ ดังนี้ ต้องถือว่าผู้อุทธรณ์ทิ้งฟ้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ย่อมสั่งจำหน่ายฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยได้
ศาลอุทธรณ์สั่งจำหน่ายคดีของจำเลยโดยถือว่าจำเลยทิ้งฟ้องอุทธรณ์ จำเลยฎีกาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 177/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟัง – การจำหน่ายคดีกลับคืน
คดีอาญาที่โจทก์ยื่นฎีกาโดยจำเลยยังมิได้ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แม้ศาลชั้นต้นจะดำเนินการให้โจทก์ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ฝ่ายเดียวถูกต้องตามมาตรา 182 วรรคสามแล้วก็ไม่ถือว่าได้อ่านให้จำเลยฟังตาม มาตรา 216 ศาลฎีกาไม่รับพิจารณาฎีกาโจทก์ให้จำหน่ายคดีส่งสำนวนคืนศาลชั้นต้น เพื่อดำเนินการตามกระบวนพิจารณาต่อไป ประชุมใหญ่ครั้งที่ 2/2493
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1669/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้องอุทธรณ์: ศาลมีอำนาจใช้ดุลยพินิจ ไม่จำกัดเฉพาะการจำหน่ายคดี
การทิ้งฟ้องตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 174 นั้น ย่อมนำมาใช้บังคับแก่การทิ้งอุทธรณ์ได้โดยอนุโลม
(อ้างฎีกาที่ 679/2490)
ในกรณีที่โจทก์ทิ้งฟ้องตามมาตรา 174 นั้น ศาลมีอำนาจสั่งจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความได้ตามมาตรา 132 แต่บทมาตรา 132 นี้ไม่ได้บังคับเด็ดขาดว่า ศาลต้องจำหน่ายคดีเป็นแต่ให้ศาลใช้ดุลยพินิจ ถ้าศาลไม่สั่งให้จำหน่ายคดีกรณีก็ต้องชี้ขาดตัดสินไปตามมาตรา 133
(อ้างคำสั่งคำร้องที่ 57/2493)
จำเลยอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น แล้วนำเจ้าพนักงานไปส่งหมายนัดแก้อุทธรณ์ให้โจทก์เกินกำหนด 15 วันไป 1 วันนั้นศาลอาจเห็นว่า เป็นพฤติการณ์ที่ยังไม่สมควรที่จะจำหน่ายคดีของจำเลยได้
(อ้างฎีกาที่ 679/2490)
ในกรณีที่โจทก์ทิ้งฟ้องตามมาตรา 174 นั้น ศาลมีอำนาจสั่งจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความได้ตามมาตรา 132 แต่บทมาตรา 132 นี้ไม่ได้บังคับเด็ดขาดว่า ศาลต้องจำหน่ายคดีเป็นแต่ให้ศาลใช้ดุลยพินิจ ถ้าศาลไม่สั่งให้จำหน่ายคดีกรณีก็ต้องชี้ขาดตัดสินไปตามมาตรา 133
(อ้างคำสั่งคำร้องที่ 57/2493)
จำเลยอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น แล้วนำเจ้าพนักงานไปส่งหมายนัดแก้อุทธรณ์ให้โจทก์เกินกำหนด 15 วันไป 1 วันนั้นศาลอาจเห็นว่า เป็นพฤติการณ์ที่ยังไม่สมควรที่จะจำหน่ายคดีของจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1669/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้องอุทธรณ์และการใช้ดุลพินิจของศาลในการจำหน่ายคดี
การทิ้งฟ้องตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174นั้น ย่อมนำมาใช้บังคับแก่การทิ้งอุทธรณ์ได้โดยอนุโลม(อ้างฎีกาที่ 679/2490)
ในกรณีที่โจทก์ทิ้งฟ้องตามมาตรา 174 นั้น ศาลมีอำนาจสั่งจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความได้ตามมาตรา 132 แต่บทมาตรา 132 นี้ไม่ได้บังคับเด็ดขาดว่า ศาลต้องจำหน่ายคดีเป็นแต่ให้ศาลใช้ดุลพินิจ ถ้าศาลไม่สั่งให้จำหน่ายคดีกรณีก็ต้องชี้ขาดตัดสินไปตามมาตรา 133 (อ้างคำสั่งคำร้องที่ 57/2493)
จำเลยอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น แล้วนำเจ้าพนักงานไปส่งหมายนัดแก้อุทธรณ์ให้โจทก์เกินกำหนด 15 วันไป 1 วันนั้น ศาลอาจเห็นว่า เป็นพฤติการณ์ที่ยังไม่สมควรที่จะจำหน่ายคดีของจำเลยได้
ในกรณีที่โจทก์ทิ้งฟ้องตามมาตรา 174 นั้น ศาลมีอำนาจสั่งจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความได้ตามมาตรา 132 แต่บทมาตรา 132 นี้ไม่ได้บังคับเด็ดขาดว่า ศาลต้องจำหน่ายคดีเป็นแต่ให้ศาลใช้ดุลพินิจ ถ้าศาลไม่สั่งให้จำหน่ายคดีกรณีก็ต้องชี้ขาดตัดสินไปตามมาตรา 133 (อ้างคำสั่งคำร้องที่ 57/2493)
จำเลยอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น แล้วนำเจ้าพนักงานไปส่งหมายนัดแก้อุทธรณ์ให้โจทก์เกินกำหนด 15 วันไป 1 วันนั้น ศาลอาจเห็นว่า เป็นพฤติการณ์ที่ยังไม่สมควรที่จะจำหน่ายคดีของจำเลยได้