คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ฉ้อโกง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 938 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2562/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การงดบังคับคดีต้องมีเหตุที่ศาลออกหมายบังคับคดีหรือเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการฝ่าฝืนกฎหมาย การสมคบกันฉ้อโกงไม่เป็นเหตุ
คำร้องของผู้ร้องบรรยายความเป็นมาของเหตุการณ์ต่าง ๆ ซึ่งผู้ร้องเห็นว่าโจทก์จำเลยในคดีนี้ได้สมคบกันทำการฉ้อโกงผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ โดยไม่ได้กล่าวอ้างว่าศาลได้ออกหมายบังคับคดีฝ่าฝืนหรือเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งลักษณะ 2 ว่าด้วยการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งอันศาลจะงดการบังคับคดีไว้ตามมาตรา 296 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ทั้งปรากฏตามคำร้องว่าผู้ร้องได้ฟ้องจำเลยที่ 1 กับพวกต่อศาลแพ่ง คดียังอยู่ในระหว่างการพิจารณา ก็แสดงว่าผู้ร้องยังไม่เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอันจะถือได้ว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสียตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 280 ศาลชอบที่จะยกคำร้องเสียได้โดยไม่จำเป็นต้องทำการไต่สวนต่อไป เพราะถึงจะไต่สวนได้คามตามคำร้อง ศาลก็จะงดการบังคับคดีไว้ตาม มาตรา 296 ไม่ได้อยู่แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2562/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การงดบังคับคดีต้องมีเหตุที่ศาลออกหมายบังคับคดีฝ่าฝืนกฎหมาย หรือเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการฝ่าฝืน มิใช่แค่เรื่องฉ้อโกง
คำร้องของผู้ร้องบรรยายความเป็นมาของเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งผู้ร้องเห็นว่าโจทก์จำเลยในคดีนี้ได้สมคบกันทำการฉ้อโกงผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ โดยไม่ได้กล่าวอ้างว่าศาลได้ออกหมายบังคับคดีฝ่าฝืนหรือเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งลักษณะ 2 ว่าด้วยการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง อันศาลจะงดการบังคับคดีไว้ตามมาตรา 296 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ทั้งปรากฏตามคำร้องว่าผู้ร้องได้ฟ้องจำเลยที่ 1 กับพวกต่อศาลแพ่ง คดียังอยู่ในระหว่างการพิจารณา ก็แสดงว่าผู้ร้องยังไม่เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอันจะถือได้ว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสียตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 280 ศาลชอบที่จะยกคำร้องเสียได้โดยไม่จำเป็นต้องทำการไต่สวนต่อไป เพราะถึงจะไต่สวนได้ความตามคำร้องศาลก็จะงดการบังคับคดีไว้ตามมาตรา 296 ไม่ได้อยู่แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2447/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องฉ้อโกง จำเป็นต้องระบุจำนวนเงินที่เสียหายหรือไม่ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าไม่จำเป็น
บรรยายฟ้องว่าจำเลยโดยเจตนาทุจริตได้หลอกลวงโจทก์ด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จและปกปิดความจริง ซึ่งควรบอกให้แจ้งโดยจำเลยทำสัญญาแบ่งทรัพย์สินกับโจทก์ ซึ่งมีข้อสัญญายอมให้โจทก์ไปเก็บเงินตามบัญชีที่ลูกค้าค้างชำระร้านน่ำกี่หรือปั้งน่ำกี่มาเป็นประโยชน์ของโจทก์ แต่ต่อมาโจทก์นำบัญชีที่ลูกค้าค้างชำระจากจำเลยไปเก็บเงินปรากฏว่าจำเลยไปเก็บเงินจากลูกค้าไปก่อนแล้ว โดยไม่บอกให้โจทก์ทราบขณะทำสัญญาการหลอกลวงโดยปกปิดความจริงดังกล่าว โจทก์หลงเชื่อจึงไม่ติดใจเรียกร้องทรัพย์สินอื่นที่จำเลยได้เอาไปจากโจทก์ ทำให้จำเลยได้ไปซึ่งทรัพย์สินและสิทธิต่าง ๆ ของโจทก์ เช่นนี้เป็นฟ้องที่ได้บรรยายครบองค์ประกอบความผิดฐานฉ้อโกง พอที่จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5) แล้ว ไม่จำต้องบรรยายว่าโจทก์เสียหายเป็นจำนวนเงินเท่าใด เพราะเป็นรายละเอียดซึ่งจะต้องนำสืบในชั้นพิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2447/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องฉ้อโกงครบองค์ประกอบ แม้ไม่ระบุจำนวนเงินเสียหาย เพราะเป็นรายละเอียดที่ต้องนำสืบ
บรรยายฟ้องว่าจำเลยโดยเจตนาทุจริตได้หลอกลวงโจทก์ด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จและปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งโดยจำเลยทำสัญญาแบ่งทรัพย์สินกับโจทก์ ซึ่งมีข้อสัญญายอมให้โจทก์ไปเก็บเงินตามบัญชีที่ลูกค้าค้างชำระร้านน่ำกี่หรือปั้งน่ำกี่มาเป็นประโยชน์ของโจทก์ แต่ต่อมาโจทก์นำบัญชีที่ลูกค้าค้างชำระจากจำเลยไปเก็บเงินปรากฏว่าจำเลยไปเก็บเงินจากลูกค้าไปก่อนแล้ว โดยไม่บอกให้โจทก์ทราบขณะทำสัญญาการหลอกลวงโดยปกปิดความจริงดังกล่าว โจทก์หลงเชื่อจึงไม่ติดใจเรียกร้องทรัพย์สินอื่นที่จำเลยได้เอาไปจากโจทก์ ทำให้จำเลยได้ไปซึ่งทรัพย์สินและสิทธิต่างๆ ของโจทก์ เช่นนี้เป็นฟ้องที่ได้บรรยายครบองค์ประกอบความผิดฐานฉ้อโกง พอที่จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) แล้ว ไม่จำต้องบรรยายว่าโจทก์เสียหายเป็นจำนวนเงินเท่าใด เพราะเป็นรายละเอียดซึ่งจะต้องนำสืบในชั้นพิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1554/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งข้อหาและการสอบสวนความผิดฐานฉ้อโกงทางการค้า จำเลยให้การรับสารภาพ
เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้จับกุมจำเลยได้แจ้งข้อหาว่าจำเลยมีเครื่องชั่งผิดอัตราไว้ในความครอบครองเพื่อเอาเปรียบทางการค้า พนักงานสอบสวนได้สอบสวนจำเลยในวันเดียวกัน จำเลยให้การรับสารภาพ แม้บันทึกคำให้การของจำเลยจะไม่มีข้อความว่าได้แจ้งข้อหาในความผิดเกี่ยวกับการค้า แต่ก็ได้แจ้งข้อหาความผิดตามพระราชบัญญัติมาตราชั่ง ตวง วัด อันเป็นเรื่องประธานแล้วจึงถือได้ว่ามีการสอบสวนในความผิดเกี่ยวกับการค้าด้วยแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1386/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมกันฉ้อโกงและค้ามนุษย์โดยใช้อุบายหลอกลวงเพื่อบังคับค้าประเวณี
ว. เป็นคนไปพูดหลอกลวงผู้เสียหายว่าจะพาไปทำงานด้วยกันกับนางสาว พ. พี่สาวที่กรุงเทพฯ เมื่อผู้เสียหายตกลงไปตามคำหลอกลวงแล้วว. ก็พาผู้เสียหายไปที่บ้านจำเลย และในวันเดียวกันนั้นเองจำเลยและ ว.กับพวกก็พาผู้เสียหายไปค้าประเวณีที่กรุงเทพฯ โดยไม่ต้องมีการตกลงนัดหมายอะไรกันอีก พฤติการณ์ดังกล่าวฟังได้ว่าจำเลยกระทำไปโดยจำเลยและ ว. กับพวกได้คบคิดกันมาก่อนว่าจะล่อหรือชักพาผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจารเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่นโดยใช้อุบายหลอกลวง โดยกำหนดหน้าที่ให้ ว. ไปใช้อุบายหลอกลวง ล่อหรือชักพาผู้เสียหายตามที่ได้คบคิดกันไว้นั้น เมื่อได้ตัวผู้เสียหายมาแล้วจำเลยและ ว. กับพวกก็พาไปบังคับให้ค้าประเวณี จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282 วรรคแรก และมาตรา 283 วรรคสอง มาตรา 83 แต่ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283 วรรคสอง ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 97/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำที่ไม่เข้าข่ายฉ้อโกง แม้จำเลยรับสารภาพ ต้องพิเคราะห์เจตนาทุจริตตั้งแต่แรก
ฟ้องของโจทก์ตามบันทึกคำฟ้องและบันทึกหลักฐานการฟ้องคดีด้วยวาจา โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยได้หลอกลวงผู้เสียหายด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดความจริง ซึ่งควรบอกให้แจ้งอย่างไร ที่โจทก์อ้างว่าจำเลยหลอกลวงว่าสามารถนำยาสีฟันไปจำหน่ายได้ ก็ปรากฏตามฟ้องโจทก์เองว่าจำเลยสามารถจำหน่ายยาสีฟันได้แล้วไม่นำเงินมาให้ผู้เสียหาย โจทก์ก็ไม่ได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตที่จะไม่นำเงินที่จำหน่ายยาสีฟันได้มาให้ผู้เสียหายตั้งแต่แรก จึงเป็นเรื่องจำเลยไม่ปฏิบัติตามที่บอกผู้เสียหายไว้เท่านั้น กรณีเป็นเรื่องผิดสัญญาทางแพ่ง ไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 แม้จำเลยให้การรับสารภาพก็ลงโทษจำเลยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 973/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำที่แสดงเจตนาทุจริตหลอกลวงผู้อื่นให้ส่งมอบทรัพย์สินแก่ตน เข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกง ไม่ใช่ลักทรัพย์
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ ได้ความว่าจำเลยมาเอารถจักรยาน 2 ล้อ ของผู้เสียหายซึ่งฝากไว้กับนายจันทร์ อ้างว่าจะเอาไปให้ผู้เสียหาย นายจันทร์เห็นว่าจำเลยกับผู้เสียหายเป็นเพื่อนกันและมาฝากรถด้วยกันจึงมอบให้ไป แล้วจำเลยนำไปเป็นประโยชน์ของตน หาได้นำไปคืนให้ผู้เสียหายไม่ เห็นได้ว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตมาแต่แรกแล้วหลอกลวงให้นายจันทร์หลงเชื่อด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จจนได้รถคันนั้นไปจากนายจันทร์ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ไม่ใช่ความผิดฐานลักทรัพย์ เมื่อข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง ศาลก็ต้องยกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 973/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทุจริตในการหลอกลวงเอาทรัพย์สินไปจากผู้อื่น การกระทำเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกงมากกว่าลักทรัพย์
โจทก์ฟ้องว่าขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ ได้ความว่าจำเลยมาเอารถจักรยาน 2 ล้อของผู้เสียหายซึ่งฝากไว้กับนายจันทร์อ้างว่าจะเอาไปให้ผู้เสียหายนายจันทร์เห็นว่าจำเลยกับผู้เสียหายเป็นเพื่อนกันและมาฝากรถด้วยกันจึงมอบให้ไปแล้วจำเลยนำไปเป็นประโยชน์ของตน หาได้นำไปคืนให้ผู้เสียหายไม้ เห็นได้ว่าจเลยมีเจตนาทุจริตมาแต่แรกแล้วหลอกลวงให้นายจันทร์หลงเชื่อด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จจนได้รถคันนั่นไปจากนายจันทร์ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ไม่ใช่ความผิดฐานลักทรัพย์ เมื่อข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง ศาลก็ต้องยกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 97/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำที่ไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง จำเลยเพียงไม่ปฏิบัติตามสัญญา
ฟ้องของโจทก์ตามบันทึกคำฟ้องและบันทึกหลักฐานการฟ้องคดีด้วยวาจาโจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยได้หลอกลวงผู้เสียหายด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งอย่างไรที่โจทก์อ้างว่าจำเลยหลอกลวงว่าสามารถนำยาสีฟันไปจำหน่ายได้ ก็ปรากฏตามฟ้องโจทก์เองว่าจำเลยสามารถจำหน่ายยาสีฟันได้จริง จึงไม่เป็นการหลอกลวงแสดงข้อความอันเป็นเท็จ การที่จำเลยจำหน่ายยาสีฟันได้แล้วไม่นำเงินมาให้ผู้เสียหาย โจทก์ก็ไม่ได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตที่จะไม่นำเงินที่จำหน่ายยาสีฟันได้มาให้ผู้เสียหายตั้งแต่แรก จึงเป็นเรื่องจำเลยไม่ปฏิบัติตามที่บอกผู้เสียหายไว้เท่านั้นกรณีเป็นเรื่องผิดสัญญาทางแพ่ง ไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 แม้จำเลยให้การรับสารภาพก็ลงโทษจำเลยไม่ได้
of 94