พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,106 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3160/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นคำร้องซ้ำซ้อนเรื่องผู้จัดการมรดก ศาลต้องไต่สวนคำคัดค้าน แม้มีคำสั่งก่อนหน้า
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของ ว.ผู้ตาย ต่อศาลชั้นต้นและคดีอยู่ในระหว่างไต่สวน ผู้ร้องไม่มีสิทธิที่จะยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการของ ว. ในเรื่องเดียวกันต่อศาลอื่นอีกเป็นการฝ่าฝืนต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173วรรคสอง และเป็นการใช้สิทธิไม่สุจริต แม้ศาลนั้นจะมีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของ ว.ก็ตาม คำสั่งดังกล่าวก็ไม่ผูกพันผู้คัดค้านซึ่งเป็นบุคคลภายนอก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2815/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตั้งผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรม: ประเด็นการคัดค้านต้องเกี่ยวข้องกับการจัดการมรดกโดยตรง
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรม คดีมีประเด็นต้องวินิจฉัยว่าสมควรตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกหรือไม่การที่ผู้คัดค้านอ้างว่าสิทธิการเช่าอาคารตามพินัยกรรมเป็นของผู้คัดค้านและทรัพย์อื่นอันเป็นมรดกของผู้ตายไม่มี จึงเป็นเรื่องนอกประเด็นจากในเรื่องขอจัดการมรดก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2570/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่ผู้จัดการมรดก & อำนาจศาลตั้งผู้จัดการมรดก: แม้ละเลยหน้าที่ แต่ไม่เพิกถอนหากไม่เสียหาย & ศาลมีอำนาจตัดสินใจ
หน้าที่สำคัญประการหนึ่งของผู้จัดการมรดกคือต้องทำบัญชีทรัพย์มรดกเพื่อแสดงให้ทายาททราบว่าเจ้ามรดกมีทรัพย์มรดกอยู่เท่าไร การที่ผู้ร้องมิได้ทำบัญชีทรัพย์มรดกจึงเป็นการละเลยต่อหน้าที่ แต่เมื่อทรัพย์มรดกนอกพินัยกรรมเหลือแบ่งแก่ทายาทมีเพียงที่ดินแปลงเดียวพร้อมสิ่งปลูกสร้างซึ่งทายาททุกคนทราบดีอยู่แล้ว และการไม่จัดทำบัญชีก็มีเกิดจากการทุจริตหรือความไม่สามารถของผู้ร้องและมิได้มีความเสียหายเกิดขึ้นแต่อย่างใด จึงไม่จำเป็นต้องเพิกถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดก การตั้งบุคคลใดเป็นผู้จัดการมรดกเป็นอำนาจของศาลโดยเฉพาะเพื่อประโยชน์ของกองมรดกตามพฤติการณ์และโดยคำนึงถึงเจตนาเจ้ามรดกเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดก และคดีถึงที่สุดแล้วผู้คัดค้านจึงไม่มีสิทธิคัดค้านในเรื่องนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2404/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจัดการมรดก: สิทธิผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาล และหน้าที่ของทายาทในการส่งมอบทรัพย์สิน
ศาลมีคำสั่งตั้งโจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายโดยบรรดาทายาทของผู้ตายซึ่งรวมทั้งจำเลยเห็นชอบให้โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย ถือว่าจำเลยได้สละสิทธิในการเป็นผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรมแล้ว เมื่อจำเลยยอมให้โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาล โจทก์ ย่อมมีสิทธิและหน้าที่แต่เพียงผู้เดียวที่จะรวบรวมทรัพย์มรดกของผู้ตายมาจัดการแบ่งปันให้แก่ทายาท การเรียกเอาโฉนดที่ดินและเอกสารเกี่ยวกับทรัพย์มรดกที่จำเลยยึดถือครอบครองอยู่ในฐานะผู้จัดการมรดก เพื่อจัดการมรดกให้เสร็จสิ้นไปก็เป็นสิทธิของโจทก์ที่จะเรียกเอาได้ ส่วนที่จำเลยอ้างว่าโจทก์จัดการมรดกไม่ถูกต้องนั้นจำเลยมีสิทธิขอให้เพิกถอนผู้จัดการมรดกหรือฟ้องขอแบ่งมรดกให้ถูกต้องได้ เมื่อโจทก์ยังคงเป็นผู้จัดการมรดกอยู่จำเลยซึ่งเป็นทายาทคนหนึ่งจึงต้องส่งมอบโฉนดที่ดินและเอกสารให้โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2216/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พินัยกรรมยกทรัพย์สินตัดสิทธิทายาท การเพิกถอนผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรม
ศาลมีคำสั่งตั้งให้จำเลยเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย แต่ได้ความภายหลังว่าก่อนตาย ผู้ตายได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์ทั้งหมดให้แก่โจทก์ที่ 1 และตั้งให้โจทก์ที่ 2 เป็นผู้จัดการมรดก จำเลยจึงถูกตัดมิให้รับมรดก และไม่มีสิทธิที่จะร้องขอเป็นผู้จัดการมรดก จึงมีเหตุเพิกถอนจำเลยจากการเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองหุ้นแทนทายาท & ครอบครองปรปักษ์: ผู้จัดการมรดกไม่มีอำนาจโอนทรัพย์สินให้ตนเอง
ขณะ ก. มีชีวิตอยู่โจทก์เป็นผู้ครอบครองหุ้นและใบหุ้นไว้แทน ก.เมื่อ ก.ผู้ถือหุ้นตายโจทก์ชอบที่จะมอบใบหุ้นของก.แก่จำเลยซึ่งเป็นทายาทเพื่อนำไปเวนคืนให้บริษัทรับจำเลยลงทะเบียนเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทสืบไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1132 แต่โจทก์ไม่ได้ปฏิบัติตามบทกฎหมายดังกล่าว ดังนั้น เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งโจทก์และจำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดการมรดกของ ก.ต้องถือว่าโจทก์ได้ครอบครองใบหุ้นของก.ไว้แทนทายาทของก.ต่อไป บันทึกตกลงแบ่งทรัพย์สินมีข้อความว่า ให้ทรัพย์สินที่อยู่ในนามของก.ตกเป็นของโจทก์ แต่ต่อมาศาลฎีกาได้พิพากษาว่าบันทึกตกลงแบ่งทรัพย์สินดังกล่าวเป็นโมฆะเพราะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1722 ไม่มีผลบังคับตามกฎหมายเพราะผู้ทำบันทึกต่างเป็นผู้จัดการมรดกของก.กระทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อกองมรดกจึงไม่มีอำนาจที่จะกระทำได้ตามกฎหมาย การที่โจทก์ยังคงครอบครองหุ้นและใบหุ้นของก.ไว้ต่อไป ต้องถือว่าได้ครอบครองไว้แทนจำเลยซึ่งเป็นทายาท จึงไม่อาจอ้างการครอบครองปรปักษ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382ขึ้นยันจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1917/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจัดการมรดก: สิทธิผู้ร้อง (ภริยา) และผู้คัดค้าน (ผู้รับพินัยกรรม) ในกรณีทรัพย์สินเป็นสินสมรส
แม้ผู้ตายได้ทำพินัยกรรมตั้งผู้คัดค้านที่ 1 เป็นผู้จัดการมรดกและยกทรัพย์มรดกทั้งหมดให้ผู้คัดค้านที่ 1 แต่เพียงผู้เดียวอันเป็นการตัดสิทธิทายาทอื่นรวมทั้งผู้ร้องซึ่งเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายด้วยก็ตาม แต่ทรัพย์สินตามที่ระบุในพินัยกรรมดังกล่าวยังคงมีข้อโต้เถียงกันว่าได้รวมเอาทรัพย์สินที่เป็นสินสมรสในส่วนของผู้ร้องด้วย ผู้ร้องจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียที่จะร้องขอให้ศาลตั้งตนเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายได้ ส่วนผู้คัดค้านที่ 1 มีชื่อเป็นผู้รับทรัพย์มรดกตามพินัยกรรมจึงมีส่วนได้เสียที่จะร้องขอให้ศาลตั้งตนเองเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายได้เช่นกันเมื่อผู้ร้องและผู้คัดค้านที่ 1 ต่างมีคุณสมบัติไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1718 จึงสมควรตั้งผู้ร้องและผู้คัดค้านที่ 1 เป็นผู้จัดการมรดกร่วมกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1904/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโต้แย้งสิทธิในทรัพย์มรดก: การออก น.ส.3ก. โดยไม่ชอบ และการยื่นคำร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ไม่มีสิทธิ
เมื่อเจ้ามรดกถึงแก่กรรม ที่นาและที่ดินบ้านย่อมตกได้แก่โจทก์และทายาทอื่นรวมทั้ง ว.ด้วยการที่ว. นำที่นาและที่ดินบ้านดังกล่าวไปออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เป็นของตนแต่เพียงผู้เดียวย่อมเป็นการกระทำที่ไม่ชอบ ดังนั้นเมื่อต่อมา ว.ถึงแก่กรรม จำเลยซึ่งเป็นภริยาของ ว. ยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดก ว.เพื่อแบ่งปันทรัพย์มรดกว. ที่ได้มาโดยไม่มีสิทธิดังกล่าว จึงเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์แล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องคดีนี้เพื่อเรียกคืนทรัพย์มรดกจากจำเลยผู้ไม่มีสิทธิที่จะได้รับทรัพย์มรดกได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1726/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์สถานะความเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อเป็นผู้จัดการมรดก: สิทธิในการจัดการทรัพย์สิน
มารดาผู้ร้องที่ 2 แจ้งการเกิดว่า ช. เป็นบิดาของผู้ร้องที่ 2 ทั้งที่ขณะนั้นผู้ตายยังมีชีวิตอยู่ ตามสำเนาสูติบัตรและสำเนาทะเบียนบ้านก็ระบุว่า ช. เป็นบิดาของผู้ร้องที่ 2 ซึ่งสำเนาทะเบียนบ้านเป็นเอกสารมหาชน พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ทำขึ้นจึงต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นของแท้จริงและถูกต้อง ผู้ร้องที่ 2 มิได้นำสืบความไม่บริสุทธิ์หรือความไม่ถูกต้องแห่งเอกสารนั้นแต่อย่างใดข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ผู้ร้องที่ 2 มิใช่บุตรของผู้ตายจึงไม่เป็นทายาทโดยธรรมของผู้ตายไม่มีสิทธิขอเป็นผู้จัดการมรดก ต้องถอนผู้ร้องที่ 2 จากการเป็นผู้จัดการมรดก ศาลต้องสั่งในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมไม่ว่าคู่ความจะมีคำขอหรือไม่ แม้จะให้เป็นพับกันไปก็ต้องสั่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1726/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจัดการมรดก: สิทธิผู้จัดการมรดก ความถูกต้องของเอกสาร และค่าฤชาธรรมเนียม
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งแต่งตั้งผู้ร้องที่ 1 ที่ 2 เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย ผู้คัดค้านทั้งสามยื่นคำร้องขอให้ถอนผู้ร้องที่ 1 ที่ 2 จากการเป็นผู้จัดการมรดก ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้ถอนผู้ร้องที่ 2 ออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายและมีคำสั่งแต่งตั้งให้ผู้ร้องที่ 1 เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายร่วมกับผู้คัดค้านที่ 1 ที่ 2 ผู้ร้องที่ 1 มิได้อุทธรณ์คดีในส่วนส่วนผู้ร้องที่ 1 จึงเป็นข้อยุติแล้วตั้งแต่ศาลชั้นต้น ผู้ร้องที่ 1ไม่มีสิทธิฎีกา สำเนาทะเบียนบ้านเป็นเอกสารมหาชน ซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ทำขึ้น จึงต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นของแท้จริงและถูกต้องเมื่อสำเนาทะเบียนบ้านระบุชื่อ ช. เป็นบิดาของผู้ร้องที่ 2แต่ผู้ร้องที่ 2 มิได้นำสืบความไม่บริสุทธิ์หรือความไม่ถูกต้องแห่งเอกสารนั้น ข้อเท็จจริงจึงต้องรับฟังตามเอกสารดังกล่าว ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161 กำหนดให้ศาลต้องสั่งในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมไม่ว่าคู่ความจะมีคำขอหรือไม่แม้จะให้เป็นพับกันไปก็ต้องสั่ง แต่ในชั้นพิจารณาของศาลชั้นต้นปรากฏว่าศาลชั้นต้นมิได้สั่งในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียม และศาลอุทธรณ์ก็มิได้สั่งแก้ไขในเรื่องนี้ ศาลฎีกาสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้อง