พบผลลัพธ์ทั้งหมด 790 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1962/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงคำสั่งศาลเพื่อส่งเสริมการกลับตัวของเด็กอาชญากรรม โดยพิจารณาจากพฤติการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยซึ่งมีอายุ 14 ปี กระทำความผิดฐานลักทรัพย์ จำเลยให้การขอให้ศาลมอบจำเลยให้บิดารับตัวไป แต่หามีบิดามารดาจำเลยมาขอรับจำเลยไปดังคำให้การของจำเลยไม่ ศาลชั้นต้นจึงพิพากษาให้ส่งตัวจำเลยไปฝึกอบรมยังสถานพินิจฯมีกำหนด 3 ปี จำเลยอุทธรณ์ขอให้มอบตัวจำเลยให้บิดา ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่ายังไม่มีเหตุอันสมควรมอบตัวให้บิดา แต่พิพากษาแก้เป็นว่าให้ส่งตัวไปฝึกอบรมมีกำหนด 1 ปี บิดามารดาของจำเลยมายื่นคำร้องอ้างว่า ในระหว่างอุทธรณ์ จำเลยประพฤติตัวดีน่าจะกลับตัวได้ หากได้อยู่กับบิดามารดา ขอรับตัวจำเลยไปดูแลแทนการส่งตัวไปสถานพินิจฯ การที่มีบิดามารดามาขอรับตัวจำเลยไปเช่นนี้ ถือได้ว่าพฤติการณ์เกี่ยวกับคำสั่งเดิมได้เปลี่ยนแปลงไป มีทางให้ศาลเลือกใช้วิธีการที่จะเป็นผลดีแก่จำเลยมากกว่าวิธีการเดิมที่ได้สั่งไว้ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 74 วรรคท้ายแห่งประมวลกฎหมายอาญาแล้ว หาจำเป็นต้องมีการดำเนินการตามคำสั่งเดิมเสียก่อนจึงจะมีคำสั่งใหม่ได้ไม่ เมื่อศาลเห็นด้วยกับคำร้องก็มีอำนาจพิพากษาแก้เป็นให้มอบจำเลยให้แก่ผู้ร้อง ให้ผู้ร้องระวังจำเลยไม่ให้ก่อเหตุร้ายตลอดเวลาที่ศาลกำหนดได้ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 212/2511 และ 1209/2511)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1276/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่า - การใช้ขวานฟันพลาด - พฤติการณ์หลังการกระทำ - ขาดเจตนา
จำเลยใช้ขวานฟันผู้เสียหาย 1 ที โดยตั้งใจจะฟันที่ไหล่ พอดีผู้เสียหายหันมาจึงฟันพลาดไปถูกที่คอ และจำเลยมิได้ฟันซ้ำทั้งที่มีโอกาส ผู้เสียหายมีบาดแผลที่คอด้านหลังเพียงหนังขาดยาวราว 5 เซนติเมตรแสดงว่าขวานไม่คมยังถือไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 658/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่า: การทำร้ายร่างกายต่อเนื่องจนผู้เสียหายเกือบเสียชีวิต ไม่ถือเป็นเจตนาฆ่าหากไม่มีพฤติการณ์บ่งชี้
จำเลยเตะผู้เสียหาย 2 ที แล้วตบ 2 ที ผู้เสียหายล้มลงในนาซึ่งมีน้ำลึกประมาณ 1 ศอก จำเลยเอามือกดศีรษะผู้เสียหายลงในน้ำประมาณ 1 อึดใจ มีคนอื่นมาช่วยแยกคนทั้งสองออกจากกัน และดึงผู้เสียหายขึ้นจากน้ำ ผู้เสียหายไม่รู้สึกตัว ต่อมาประมาณ 1 นาทีจึงรู้สึกตัวถ้าไม่ดึงผู้เสียหายขึ้นจากน้ำ ผู้เสียหายก็คงตาย แต่ได้ความว่า จำเลยไม่ได้มีเจตนาที่จะทำร้ายผู้เสียหายมาก่อน เหตุเกิดขึ้นเนื่องจากได้มีการโต้เถียงกันเกี่ยวกับจ้างทำนา การตบเตะและกดศีรษะลงในน้ำเกิดขึ้นโดยปัจจุบัน การกดน้ำเป็นการกระทำต่อเนื่องจากการตบเตะ และจำเลยมีมีดอยู่ก็มิได้ใช้มีดทำร้าย ดังนี้ ยังไม่พอฟังว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 403/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนโทษกักขังเป็นจำคุก: พิจารณาพฤติการณ์และระยะเวลาการกักขัง
คดีมีแต่ปัญหาข้อกฎหมาย ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายนั้นศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 222 แต่ถ้าศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงมา ศาลฎีกาเห็นสมควรก็วินิจฉัยข้อเท็จจริงโดยไม่จำต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยก่อน
ผู้ต้องโทษกักขังแทนค่าปรับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29ในระหว่างรับโทษกักขังอยู่ทำผิดข้อกำหนดตามมาตรา 27 ศาลอาจเปลี่ยนโทษกักขังเป็นโทษจำคุกได้
ผู้ต้องโทษกักขังแทนค่าปรับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29ในระหว่างรับโทษกักขังอยู่ทำผิดข้อกำหนดตามมาตรา 27 ศาลอาจเปลี่ยนโทษกักขังเป็นโทษจำคุกได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 403/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนโทษกักขังเป็นจำคุก: พิจารณาพฤติการณ์และระยะเวลาการกักขัง
คดีมีแต่ปัญหาข้อกฎหมาย ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายนั้นศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 222 แต่ถ้าศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงมา ศาลฎีกาเห็นสมควรก็วินิจฉัยข้อเท็จจริงโดยไม่จำต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยก่อน
ผู้ต้องโทษกักขังแทนค่าปรับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29ในระหว่างรับโทษกักขังอยู่ทำผิดข้อกำหนดตามมาตรา 27 ศาลอาจเปลี่ยนโทษกักขังเป็นโทษจำคุกได้
ผู้ต้องโทษกักขังแทนค่าปรับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29ในระหว่างรับโทษกักขังอยู่ทำผิดข้อกำหนดตามมาตรา 27 ศาลอาจเปลี่ยนโทษกักขังเป็นโทษจำคุกได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2335/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับสัญญาจำนำ/ขายฝากก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ต้องพิจารณากิริยาคู่สัญญาและกฎหมายที่ใช้บังคับก่อน
สัญญาจำนำที่ดินที่ได้ทำกันก่อนประกาศใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 3 ต้องบังคับตามกฎหมายที่มีอยู่ก่อน ได้แก่ พระราชบัญญัติการขายฝากและจำนำที่ดิน ร.ศ.115 และโดยเฉพาะประกาศเรื่องจำนำและขายฝากที่ดิน ร.ศ.118 ซึ่งให้ดูกิริยาที่คู่สัญญาประพฤติต่อกันว่าเป็นจำนำหรือขายฝาก แม้ในสัญญาจะมีข้อความเป็นอย่างอื่นก็ต้องถือตามกิริยาที่ประพฤติต่อกันตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 1044/2492
บิดาโจทก์ได้ตกลงกับผู้รับจำนำมอบที่พิพาทให้ไว้เอาค่าเช่าหักชำระดอกเบี้ยและค่าภาษีแล้ว บิดาโจทก์ได้อพยพไปอยู่ที่อื่นและเคยมาคิดเงินกับผู้รับจำนำเป็นบางปี บิดาโจทก์ตายไปประมาณ 30 ปีแล้ว ก่อนตายไม่เคยพูดขอไถ่จำนำเลย แสดงว่าบิดาโจทก์ได้มอบที่พิพาทให้ผู้รับจำนำทำกินต่างดอกเบี้ยมาเป็นเวลานานกว่า 10 ปีแล้ว การปฏิบัติของคู่สัญญาเช่นนี้ถือได้ว่าเป็นการขายฝาก ซึ่งประกาศเรื่องจำนำและขายฝากที่ดิน ร.ศ.118 ข้อ 6 มีข้อความว่า ในการขายฝากที่ดิน ถ้ามีข้อสัญญาจะให้ไถ่ได้เกินกว่า 10 ปีไป อย่าให้วินิจฉัยว่าไถ่ได้เมื่อพ้น10 ปีไปเลยเมื่อบิดาโจทก์ได้จำนำที่พิพาทไว้ตั้งแต่ปี 2460 และได้มอบที่พิพาทให้ผู้รับจำนำทำกินต่างดอกเบี้ยตั้งแต่ปี 2473 เป็นเวลาเกินกว่า 10 ปีไปมากแล้ว ที่พิพาทจึงหลุดเป็นสิทธิแก่ผู้รับซื้อฝาก โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิไถ่ถอน
บิดาโจทก์ได้ตกลงกับผู้รับจำนำมอบที่พิพาทให้ไว้เอาค่าเช่าหักชำระดอกเบี้ยและค่าภาษีแล้ว บิดาโจทก์ได้อพยพไปอยู่ที่อื่นและเคยมาคิดเงินกับผู้รับจำนำเป็นบางปี บิดาโจทก์ตายไปประมาณ 30 ปีแล้ว ก่อนตายไม่เคยพูดขอไถ่จำนำเลย แสดงว่าบิดาโจทก์ได้มอบที่พิพาทให้ผู้รับจำนำทำกินต่างดอกเบี้ยมาเป็นเวลานานกว่า 10 ปีแล้ว การปฏิบัติของคู่สัญญาเช่นนี้ถือได้ว่าเป็นการขายฝาก ซึ่งประกาศเรื่องจำนำและขายฝากที่ดิน ร.ศ.118 ข้อ 6 มีข้อความว่า ในการขายฝากที่ดิน ถ้ามีข้อสัญญาจะให้ไถ่ได้เกินกว่า 10 ปีไป อย่าให้วินิจฉัยว่าไถ่ได้เมื่อพ้น10 ปีไปเลยเมื่อบิดาโจทก์ได้จำนำที่พิพาทไว้ตั้งแต่ปี 2460 และได้มอบที่พิพาทให้ผู้รับจำนำทำกินต่างดอกเบี้ยตั้งแต่ปี 2473 เป็นเวลาเกินกว่า 10 ปีไปมากแล้ว ที่พิพาทจึงหลุดเป็นสิทธิแก่ผู้รับซื้อฝาก โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิไถ่ถอน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 109/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดิน: เจ้าหน้าที่สามารถปรับค่ารายปีตามพฤติการณ์จริงได้ แม้มีค่ารายปีเดิม
การคำนวณภาษีโรงเรือนและที่ดินซึ่งต้องเสียในปีต่อมานั้นไม่จำต้องถือค่ารายปีของปีที่ล่วงแล้วแต่อย่างเดียวเป็นหลักพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ประเมินมีอำนาจที่จะแก้หรือคำนวณค่ารายปีของปีต่อมาเสียให้ถูกต้องตามพฤติการณ์และความเป็นจริงได้เมื่อโจทก์ได้ใช้ประโยชน์อาคารเพิ่มขึ้นจากชั้นเดียวเป็นสามชั้นค่ารายปีแห่งทรัพย์สินก็ย่อมเพิ่มขึ้นตามตัว
อาคารของโจทก์ โจทก์ใช้ประโยชน์เองโดยมิได้ให้ผู้อื่นเช่าการที่จะทราบถึงจำนวนเงินซึ่งอาคารของโจทก์สมควรจะให้เช่าได้ในปีหนึ่ง ๆ อันถือเป็นค่ารายปีนั้นจะต้องพิจารณาเทียบเคียงกับทรัพย์สินอื่นที่มีผู้เช่าอยู่และอยู่ใกล้เคียงกัน ทั้งมีสภาพและลักษณะคล้ายคลึงกันด้วย
อาคารของโจทก์ โจทก์ใช้ประโยชน์เองโดยมิได้ให้ผู้อื่นเช่าการที่จะทราบถึงจำนวนเงินซึ่งอาคารของโจทก์สมควรจะให้เช่าได้ในปีหนึ่ง ๆ อันถือเป็นค่ารายปีนั้นจะต้องพิจารณาเทียบเคียงกับทรัพย์สินอื่นที่มีผู้เช่าอยู่และอยู่ใกล้เคียงกัน ทั้งมีสภาพและลักษณะคล้ายคลึงกันด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 821/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สุจริตในการซื้อขายทอดตลาด: พิจารณาพฤติการณ์ก่อนและขณะซื้อได้
คำว่า โดยสุจริตของผู้ซื้อทรัพย์สินในการขายทอดตลาดของศาลหรือเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1330 นั้น หมายความว่า ผู้ซื้อไม่รู้ว่ามิใช่ทรัพย์ของจำเลยหรือลูกหนี้ตามคำพิพากษาหรือบุคคลผู้ล้มละลาย และในการวินิจฉัยว่าผู้ซื้อสุจริตหรือไม่ย่อมอาศัยพฤติการณ์ต่างๆ ทั้งก่อนและในขณะซื้อประกอบกัน หาใช่ต้องพิจารณาเฉพาะแต่ในเวลาซื้อเท่านั้นไม่เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์รู้มาแต่แรกก่อนเข้าประมูลซื้อแล้วว่าที่พิพาทที่เจ้าพนักงานบังคับคดีทำการขายทอดตลาดมิใช่ของลูกหนี้ตามคำพิพากษา ย่อมฟังไม่ได้ว่าโจทก์เป็นผู้ซื้อโดยสุจริตในการขายทอดตลาดทรัพย์สินดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 616/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากพฤติการณ์ใช้มีดแทงอวัยวะสำคัญและคำพูดกระตุ้น
จำเลยใช้มีดปลายแหลมใบมีดกว้าง 11/2 เซนติเมตรยาว 81/2 เซนติเมตรรวมทั้งด้ามยาว 1 คืบ แทงผู้เสียหายที่ท้องอันเป็นอวัยวะส่วนสำคัญจนตับฉีกขาด พร้อมกับพูดว่า"ลุง ฆ่าเสียเถิด" ประกอบกับนายแพทย์ผู้ตรวจบาดแผลว่าตับฉีกนี้ ถ้าไม่รักษาให้ทันท่วงที จะมีเลือดออกทำให้ช่องท้องอักเสบอาจทำให้ถึงตายได้ เช่นนี้ ถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2879/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร่วมกระทำความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา ศาลฎีกาแก้ไขบทลงโทษให้ถูกต้องตามพฤติการณ์
จำเลยช่วยจับมือจับเท้าผู้เสียหายให้พวกของจำเลยข่มขืนกระทำชำเรา ไม่ปรากฏว่ามีการกระทำอนาจารอย่างอื่นแก่ผู้เสียหายอีก คงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276, 83 เท่านั้น จะปรับบทว่ามีความผิดตามมาตรา 278, 83 ด้วยหาถูกต้องไม่