พบผลลัพธ์ทั้งหมด 754 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1828/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องแย้ง: การฟ้องของโจทก์สะดุดอายุความเฉพาะโจทก์ มิได้เป็นคุณแก่จำเลยที่ฟ้องแย้ง
การที่จำเลยฟ้องแย้งแม้จะเป็นการใช้สิทธิเรียกร้อง ค่าสินไหมทดแทนในมูลละเมิดอันเดียวกันต่อเนื่องกัน และที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสาม ให้จำเลยฟ้องแย้งมาในคำให้การได้นั้น ก็เป็นบทบัญญัติที่ผ่อนผันให้จำเลยฟ้องมาในคำให้การได้เพื่อความสะดวกแก่จำเลยโดยไม่ต้องไปฟ้องเป็นคดีใหม่ให้ยุ่งยากและเสียเวลา แต่การที่จำเลยฟ้องแย้งโจทก์เป็นการกล่าวอ้างว่าจำเลยเป็นเจ้าหนี้ โจทก์เป็นลูกหนี้จึงเป็นคนละฝ่ายกัน ดังนั้นการฟ้องคดีของโจทก์ซึ่งทำให้อายุความสะดุดหยุดลงก็เฉพาะโจทก์ ไม่เป็นคุณแก่จำเลยผู้ฟ้องแย้งด้วย เมื่อจำเลย ฟ้องแย้งพ้น 1 ปี นับแต่วันที่จำเลยรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้ที่จะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน ฟ้องแย้งของจำเลยจึงขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 158/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งค่าเสียหายต้องเกี่ยวข้องกับฟ้องเดิม หากไม่เกี่ยว ฟ้องแย้งนั้นไม่รับพิจารณา
จำเลยอ้างในฟ้องแย้งเกี่ยวกับค่าเสียหายที่เรียกร้องจากโจทก์ว่า เจ้าหน้าที่ของโจทก์ทุจริตนำเอาที่ดินพิพาทที่โจทก์แจ้งว่าจะให้จำเลยผู้เช่าเดิมได้เป็นผู้เช่าต่อไปหลังจากที่โจทก์ได้ปรับปรุงการจัดประโยชน์ในที่พิพาทเสร็จแล้วไปให้บุคคลภายนอกเช่า ทำให้ จำเลยได้รับความเสียหายไม่สามารถทำสัญญาเช่ากับโจทก์ได้ ดังนี้เป็นการยกข้ออ้างขึ้นมาใหม่ ไม่ได้อาศัยฟ้องเดิมเป็นมูลแห่งหนี้ที่เรียกร้องให้โจทก์ชดใช้ค่าเสียหายเป็นคนละเรื่องกับที่โจทก์ฟ้องขับไล่เพราะจำเลยคงอยู่ในที่พิพาทหลังจากสิ้นกำหนดการเช่าแล้วโดยไม่มี สิทธิ ชอบที่จำเลยจะฟ้องเป็นคดีต่างหาก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1395/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งเรื่องละเมิดไม่เกี่ยวกับการผิดสัญญาเช่า ศาลไม่รับพิจารณา
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยให้รื้อถอนบ้าน โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินที่เช่าจากโจทก์เพราะครบกำหนดสัญญาเช่าและโจทก์ได้บอกเลิกสัญญาแล้ว จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่าได้ทำสัญญาเช่ากับโจทก์และสัญญาเช่าสิ้นสุดลงแล้วโจทก์ได้แจ้งแก่จำเลยว่าจะให้จำเลยซึ่งเป็นผู้เช่าเดิมเป็นผู้เช่าต่อไป แต่เจ้าหน้าที่ของโจทก์กระทำการโดยทุจริตนำที่พิพาทไปให้บุคคลภายนอกเช่าแล้วมาฟ้องขับไล่จำเลยโดยไม่เป็นธรรมฝ่าฝืนคำสั่งของคณะรัฐมนตรีและคำสั่งของสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นการละเมิดต่อจำเลยทำให้จำเลยได้รับความเสียหายจำเลยจึงขอคิดค่าเสียหายจากโจทก์ ดังนี้ แม้ข้ออ้างของจำเลยจะเป็นความจริงก็เป็นเรื่องละเมิดไม่เกี่ยวกับการผิดสัญญาเช่าตามที่โจทก์ฟ้อง ฟ้องแย้งของจำเลยจึงเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1395/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งเรื่องละเมิดไม่เกี่ยวเนื่องกับคดีขับไล่ สิทธิเรียกร้องต้องฟ้องเป็นคดีใหม่
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยให้รื้อถอนบ้าน โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินที่เช่าจากโจทก์เพราะครบกำหนดสัญญาเช่าและโจทก์ได้บอกเลิกสัญญาแล้วจำเลยให้การและฟ้องแย้งว่าได้ทำสัญญาเช่ากับโจทก์และสัญญาเช่าสิ้นสุดลงแล้วโจทก์ได้แจ้งแก่จำเลยว่าจะให้จำเลยซึ่งเป็นผู้เช่าเดิมเป็นผู้เช่าต่อไปแต่เจ้าหน้าที่ของโจทก์กระทำการโดยทุจริตนำที่พิพาทไปให้บุคคลภายนอกเช่าแล้วมาฟ้องขับไล่จำเลยโดยไม่เป็นธรรมฝ่าฝืนคำสั่งของคณะรัฐมนตรีและคำสั่งของสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นการละเมิดต่อจำเลยทำให้จำเลยได้รับความเสียหายจำเลยจึงขอคิดค่าเสียหายจากโจทก์ดังนี้ แม้ข้ออ้างของจำเลยจะเป็นความจริงก็เป็นเรื่องละเมิดไม่เกี่ยวกับการผิดสัญญาเช่าตามที่โจทก์ฟ้องฟ้องแย้งของจำเลยจึงเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1076/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตฟ้องแย้ง: ประเด็นเกี่ยวเนื่องกับคำฟ้องเดิมต้องรับไว้พิจารณา แต่ประเด็นอื่นที่ไม่เกี่ยวเนื่องต้องห้าม
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการห้าง ฯ โจทก์ที่ 1 โจทก์ที่ 3 และจำเลยที่ 4 เป็นหุ้นส่วน ในระหว่างที่จำเลยร่วมกันดำเนินกิจการของโจทก์ 1 แทนโจทก์ที่ 2 ได้จำหน่ายรถไถและอุปกรณ์รถไถของโจทก์ที่ 1 แล้วไม่นำเงินส่งให้โจทก์ที่ 1 กับเอาตราและเอกสารของโจทก์ที่ 1 ไปด้วย ขอให้จำเลยชำระเงินค่าสินค้าที่จำหน่ายไป กับให้ส่งมอบตราและเอกสารแก่โจทก์ จำเลยที่ 4 ให้การและฟ้องแย้งว่า โจทก์ที่ 2 ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการและลูกจ้างของโจทก์ที่ 1 ได้รับรถไถของจำเลยที่ 4 ไปจำหน่ายแล้วไม่นำเงินส่งมอบแก่โจทก์ 1 และจำเลยที่ 4 ตามข้อตกลง ทั้งยังได้นำเงินของโจทก์ที่ 1 ไปใช้จ่ายเป็นส่วนตัวอีกด้วย ขอให้โจทก์ที่ 2 ชำระเงินแก่โจทก์ที่ 1 และจำเลยที่ 4 กับให้โจทก์ที่ 3 ซึ่งเข้ามาช่วยโจทก์ที่ 2 ดำเนินการห้าง ฯ โจทก์ที่ร่วมรับผิดด้วย และให้โจทก์ที่ 2 ไปดำเนินการจดทะเบียนเลิกห้าง ฯ โจทก์ที่ 1 และชำระบัญชี ดังนี้ ฟ้องแย้งในเรื่องที่เกี่ยวกับรถไถเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม ส่วนฟ้องแย้งที่อ้างว่าโจทก์ที่ 2 และที่ 3 นำเงินของโจทก์ที่ 1 ไปใช้จ่ายเป็นส่วนตัว กับให้โจทก์ที่ 2 ไปดำเนินการจดทะเบียนเลิกห้างฯ โจทก์ที่ 1และชำระบัญชีนั้น เป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม ต้องห้ามมิให้ฟ้องแย้งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1076/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการฟ้องแย้ง: ประเด็นเกี่ยวเนื่องกับคำฟ้องเดิม vs. ประเด็นอื่นนอกเหนือ
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการห้างฯ โจทก์ที่ 1 โจทก์ที่ 3 และจำเลยที่ 4 เป็นหุ้นส่วนในระหว่างที่จำเลยร่วมกันดำเนินกิจการของโจทก์ที่1 แทนโจทก์ที่ 2 ได้จำหน่ายรถไถและอุปกรณ์รถไถของโจทก์ที่ 1 แล้วไม่นำเงินส่งให้โจทก์ที่1 กับเอาตราและเอกสารของโจทก์ที่ 1 ไปด้วย ขอให้จำเลยชำระเงินค่าสินค้าที่จำหน่ายไป กับให้ส่งมอบตราและเอกสารแก่โจทก์จำเลยที่ 4 ให้การและฟ้องแย้งว่า โจทก์ที่ 2 ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการและลูกจ้างของโจทก์ที่ 1 ได้รับรถไถของจำเลยที่ 4 ไปจำหน่ายแล้วไม่นำเงินส่งมอบแก่โจทก์ที่ 1 และจำเลยที่ 4 ตามข้อตกลง ทั้งยังได้นำเงินของโจทก์ที่ 1 ไปใช้จ่ายเป็นส่วนตัวอีกด้วยขอให้โจทก์ที่ 2 ชำระเงินแก่โจทก์ที่ 1 และจำเลยที่ 4 กับให้โจทก์ที่ 3 ซึ่งเข้ามาช่วยโจทก์ที่ 2 ดำเนินการห้างฯ โจทก์ที่ 1 ร่วมรับผิดด้วย และให้โจทก์ที่ 2 ไปดำเนินการจดทะเบียนเลิกห้างฯ โจทก์ที่ 1 และชำระบัญชีดังนี้ ฟ้องแย้งในเรื่องที่เกี่ยวกับรถไถเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม ส่วนฟ้องแย้งที่อ้างว่าโจทก์ที่ 2 และที่ 3 นำเงินของโจทก์ที่ 1 ไปใช้จ่ายเป็นส่วนตัวกับให้โจทก์ที่ 2 ไปดำเนินการจดทะเบียนเลิกห้างฯ โจทก์ที่ 1 และชำระบัญชีนั้น เป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมต้องห้ามมิให้ฟ้องแย้งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1068/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งไม่เกี่ยวเนื่องกับฟ้องเดิม ศาลไม่รับพิจารณา เนื่องจากเป็นคนละเรื่องและภารจำยอมคนละแปลง
โจทก์ทั้งสองและจำเลยทั้งสองมีที่ดินติดต่อกัน ต่างฝ่ายต่างฟ้องอ้างว่าที่ดินของอีกฝ่ายหนึ่งตกอยู่ในภารจำยอมโดยอายุความ จึงเป็นที่เห็นได้ว่าที่ดินที่ตกเป็นภารจำยอมตามฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสองเป็นที่ดินคนละแปลงกับภารจำยอมตามฟ้องของโจทก์ทั้งสอง จึงเป็นฟ้องแย้งที่ไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม จะรับไว้พิจารณารวมกับฟ้องเดิมหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1068/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งไม่เกี่ยวเนื่องกับฟ้องเดิม ศาลไม่รับพิจารณารวมกัน
โจทก์ทั้งสองและจำเลยทั้งสองมีที่ดินติดต่อกันต่างฝ่ายต่างฟ้อง อ้างว่าที่ดินของอีกฝ่ายหนึ่งตกอยู่ในภารจำยอมโดยอายุความ จึงเป็น ที่เห็นได้ว่าที่ดินที่ตกเป็นภารจำยอมตามฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสอง เป็นที่ดินคนละแปลงกับภารจำยอมตามฟ้องของโจทก์ทั้งสอง จึงเป็น ฟ้องแย้งที่ไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมจะรับไว้พิจารณารวมกับฟ้องเดิมหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 458/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟ้องแย้งในคดีขับไล่: พิจารณาลำดับก่อนหลังและเงื่อนไขของฟ้องแย้ง
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่า จำเลยให้การต่อสู้ว่าโจทก์ตกลงให้จำเลยตกแต่งซ่อมแซมบ้านใหม่ทั้งหมดแล้วจะให้จำเลยเช่าต่อหลังจากหมดสัญญาอีก 3 ปี จึงมีสัญญาต่างตอบแทนต่อกัน ฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์ทำสัญญาเช่ากับจำเลยอีก 3 ปีนั้น เมื่อเป็นฟ้องแย้งที่เกี่ยวกับฟ้องเดิมแล้วก็ต้องรับไว้เสียก่อน ส่วนข้ออ้างของจำเลยจะแพ้หรือชนะเป็นข้อวินิจฉัยภายหลังรับฟ้องแย้งแล้ว (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 303/2504)
ส่วนฟ้องแย้งที่ว่า หากข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าโจทก์จำเลยไม่มีสัญญาต่างตอบแทนต่อกัน จำเลยก็ขอฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายจากโจทก์ที่จำเลยต้องเสียค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงห้องเช่านั้น เป็นฟ้องแย้งที่มีเงื่อนไข กล่าวคือจะถือเป็นฟ้องแย้งต่อเมื่อศาลพิพากษาขับไล่จำเลย ซึ่งเป็นเรื่องเกิดขึ้นภายหลังจึงเป็นคนละเรื่องไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม ไม่เป็นฟ้องแย้งที่จะรับไว้พิจารณา
ส่วนฟ้องแย้งที่ว่า หากข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าโจทก์จำเลยไม่มีสัญญาต่างตอบแทนต่อกัน จำเลยก็ขอฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายจากโจทก์ที่จำเลยต้องเสียค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงห้องเช่านั้น เป็นฟ้องแย้งที่มีเงื่อนไข กล่าวคือจะถือเป็นฟ้องแย้งต่อเมื่อศาลพิพากษาขับไล่จำเลย ซึ่งเป็นเรื่องเกิดขึ้นภายหลังจึงเป็นคนละเรื่องไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม ไม่เป็นฟ้องแย้งที่จะรับไว้พิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 458/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟ้องแย้งในคดีขับไล่: พิจารณาสัญญาต่างตอบแทนและเงื่อนไขฟ้องแย้ง
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่า. จำเลยให้การต่อสู้ว่าโจทก์ตกลงให้จำเลยตกแต่งซ่อมแซมบ้านใหม่ทั้งหมดแล้วจะให้จำเลยเช่าต่อหลังจากหมดสัญญาอีก 3 ปี จึงมีสัญญาต่างตอบแทนต่อกัน ฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์ทำสัญญาเช่ากับจำเลยอีก 3 ปีนั้น เมื่อเป็นฟ้องแย้งที่เกี่ยวกับฟ้องเดิมแล้วก็ต้องรับไว้เสียก่อน ส่วนข้ออ้างของจำเลยจะแพ้หรือชนะเป็นข้อวินิจฉัยภายหลังรับฟ้องแย้งแล้ว (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 303/2504)
ส่วนฟ้องแย้งที่ว่า หากข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าโจทก์จำเลยไม่มีสัญญาต่างตอบแทนต่อกัน จำเลยก็ขอฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายจากโจทก์ที่จำเลยต้องเสียค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงห้องเช่านั้น เป็นฟ้องแย้งที่มีเงื่อนไข กล่าวคือจะถือเป็นฟ้องแย้งต่อเมื่อศาลพิพากษาขับไล่จำเลย ซึ่งเป็นเรื่องเกิดขึ้นภายหลังจึงเป็นคนละเรื่องไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม ไม่เป็นฟ้องแย้งที่จะรับไว้พิจารณา
ส่วนฟ้องแย้งที่ว่า หากข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าโจทก์จำเลยไม่มีสัญญาต่างตอบแทนต่อกัน จำเลยก็ขอฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายจากโจทก์ที่จำเลยต้องเสียค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงห้องเช่านั้น เป็นฟ้องแย้งที่มีเงื่อนไข กล่าวคือจะถือเป็นฟ้องแย้งต่อเมื่อศาลพิพากษาขับไล่จำเลย ซึ่งเป็นเรื่องเกิดขึ้นภายหลังจึงเป็นคนละเรื่องไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม ไม่เป็นฟ้องแย้งที่จะรับไว้พิจารณา