พบผลลัพธ์ทั้งหมด 460 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 797/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ร่วมในคูหรือลำกระโดง: ศาลวินิจฉัยตามประเด็นแม้ฟ้องอ้างภารจำยอม
โจทก์ฟ้องบรรยายว่าคูหรือลำกะโดงรายพิพาทอยู่ระหว่างที่ดินของโจทก์จำเลย ถือตรงกึ่งกลางเป็นแนวเขต และต่างได้ใช้เป็นทางเรือสัญจรไปมาเข้าออกได้ด้วยกัน แม้ในตอนท้ายฟ้องจะมีว่าคูหรือลำกะโดงนี้ตกเป็นภาระจำยอมแล้ว ศาลก็วินิจฉัยว่าโจทก์จำเลยมีกรรมสิทธิ์ร่วมกันในคูหรือลำกะโดงรายนี้ได้ ไม่ถือว่าเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 579/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภารจำยอม: การใช้ทางโดยอาศัยมีผลทำให้ไม่เกิดภารจำยอมหรือไม่ ศาลต้องวินิจฉัยประเด็นการอาศัยเดินก่อน
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยเปิดทาง โดยอ้างว่า โจทก์ได้ใช้มาไม่น้อยกว่า10 ปี เกิดภาระจำยอม จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ใช้ทางไม่ถึง 10 ปี และการที่โจทก์ใช้ทางก็โดยอาศัย ดังนี้ ศาลจำต้องวินิจฉัยประเด็นว่า โจทก์ขออาศัยเดินหรือไม่ เพราะโจทก์อาศัยเดินจริง ภาระจำยอมก็ไม่เกิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 50/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภารจำยอม: สิทธิในการใช้ทางเดิม แม้มีการเปิดทางใหม่ หากกระทบความสะดวกในการใช้ทาง
ฟ้องขอให้แสดงว่าทางพิพาทเป็นทางสาธารณะอันจำเลยมีภารจำยอมตามกฎหมายและขอให้เปิดทางนั้นตามเดิม เมื่อได้ความว่าทางพิพาทมิใช่ทางหลวง แต่ตกอยู่ในภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์ ศาลก็ย่อมพิพากษาให้จำเลยเปิดทางเดินนั้นได้
ทางเดินอันมีภารจำยอมนั้น แม้เจ้าของที่ดินภารยทรัพย์จะเปิดทางเดินให้ใหม่ แต่ทำให้ความสะดวกของผู้เป็นเจ้าของสามยทรัพย์ลดน้อยลง เจ้าของสามยทรัพย์ก็มีอำนาจฟ้องขอให้เปิดทางตามเดิมได้ เพราะไม่ใช่ทางจำเป็นและขัดด้วยมาตรา 1392
ทางเดินอันมีภารจำยอมนั้น แม้เจ้าของที่ดินภารยทรัพย์จะเปิดทางเดินให้ใหม่ แต่ทำให้ความสะดวกของผู้เป็นเจ้าของสามยทรัพย์ลดน้อยลง เจ้าของสามยทรัพย์ก็มีอำนาจฟ้องขอให้เปิดทางตามเดิมได้ เพราะไม่ใช่ทางจำเป็นและขัดด้วยมาตรา 1392
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1059/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภารจำยอมจากการทำสัญญาแบ่งมรดกต้องจดทะเบียนจึงบริบูรณ์ การบังคับรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างทำไม่ได้จนกว่าจะจดทะเบียน
โจทก์ฟ้องอ้างว่า ได้ภารจำยอมทั้งโดยอายุความ 10 ปีและโดยนิติกรรมด้วย เมื่อปรากฏว่าโจทก์ได้โดยนิติกรรมก็ใช้ได้
โจทก์เป็นทายาท จำเลยเป็นทายาทและเป็นผู้จัดการมรดก ทำสัญญาแบ่งปันมรดกกันซึ่งตามสัญญานี้ผูกพันทางเดินรายพิพาทซึ่งอยู่ในโฉนดของจำเลยให้ตกเป็นภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์ดังนี้ โจทก์ย่อมฟ้องจำเลยในฐานะที่เป็นเจ้าของภารยทรัพย์และเป็นคู่สัญญา ในสัญญาแบ่งปันมรดกให้ไปจดทะเบียนทางรายพิพาทเป็นภารจำยอมได้
ภารจำยอมซึ่งเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ซึ่งได้มาโดยทางนิติกรรมทำเป็นหนังสือ เมื่อไม่ได้จดทะเบียนก็ยังไม่บริบูรณ์ตาม มาตรา 1299 โจทก์จะฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างจากทางเดินซึ่งตกอยู่ในภารจำยอมนั้นยังไม่ได้
โจทก์เป็นทายาท จำเลยเป็นทายาทและเป็นผู้จัดการมรดก ทำสัญญาแบ่งปันมรดกกันซึ่งตามสัญญานี้ผูกพันทางเดินรายพิพาทซึ่งอยู่ในโฉนดของจำเลยให้ตกเป็นภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์ดังนี้ โจทก์ย่อมฟ้องจำเลยในฐานะที่เป็นเจ้าของภารยทรัพย์และเป็นคู่สัญญา ในสัญญาแบ่งปันมรดกให้ไปจดทะเบียนทางรายพิพาทเป็นภารจำยอมได้
ภารจำยอมซึ่งเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ซึ่งได้มาโดยทางนิติกรรมทำเป็นหนังสือ เมื่อไม่ได้จดทะเบียนก็ยังไม่บริบูรณ์ตาม มาตรา 1299 โจทก์จะฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างจากทางเดินซึ่งตกอยู่ในภารจำยอมนั้นยังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 321/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องแย้งต้องมีสิทธิเรียกร้องชัดเจน ศาลไม่รับฟ้องแย้งหากยังไม่มีข้อพิพาทเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่
การฟ้องหรือฟ้องแย้ง ผู้ฟ้องจะต้องแสดงว่า ตนมีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่หรือมีข้อเท็จจริงที่จะใช้สิทธิทางศาลได้ หากเสนอขึ้นมาโดยกล่าวว่าไม่มีกรณีเช่นว่านั้นและว่าถ้าหากศาลเห็นว่ามี ก็พิพากษาให้ตนชนะ ดังนี้ ไม่เป็นฟ้องที่ควรรับไว้พิจารณา
โจทก์ฟ้องขอให้เปิดภารจำยอม จำเลยต่อสู้ว่าไม่มีภารจำยอมและฟ้องแย้งว่าหากศาลฟังว่ามี ก็ขอให้ปลดภารจำยอม โดยให้โจทก์ได้ค่าทดแทน ดังนี้ ศาลไม่รับฟ้องแย้ง
โจทก์ฟ้องขอให้เปิดภารจำยอม จำเลยต่อสู้ว่าไม่มีภารจำยอมและฟ้องแย้งว่าหากศาลฟังว่ามี ก็ขอให้ปลดภารจำยอม โดยให้โจทก์ได้ค่าทดแทน ดังนี้ ศาลไม่รับฟ้องแย้ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 722/2489
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภารจำยอมไม่สิ้นสุดแม้มีทางออกอื่น หากไม่สะดวกเท่าเดิม
ภาระจำยอมในการใช้ทางเดินออกสู่ทางสาธารณะของโจทก์ย่อมไม่สิ้นไป เมื่อปรากฏว่า ทางออกทางเรือโดยคลองสาธารณะ หรือทางอื่นๆ ที่โจทก์พอจะใช้ออกได้นั้น ไม่สะดวกเท่าทางภาระจำยอม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 138/2488
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภารจำยอมทางเดินข้ามคลองสาธารณะ แม้ไม่มีใบอนุญาต
ที่ดินต่างเจ้าของซึ่งมีคลองสาธารณะคั่น แต่อีกคนหนึ่งทำสะพานข้าม แม้การทำสะพานนั้นจะมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน อาจตกอยู่ในภารจำยอม สำหรับทางเดินโดยอายุความได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 342/2486
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเดินผ่านที่ดินของผู้อื่นไม่ก่อให้เกิดภารจำยอม แม้จะนาน
ทางเดินซึ่งโจทก์อาศัยเดินผ่านในที่ดินของจำเลย แม้จะช้านานเพียงใดก็หาทำให้บังเกิดภารจำยอมไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 335/2485
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภารจำยอมเกิดขึ้นได้จากคันนาที่ใช้ประโยชน์ต่อเนื่องกว่า 10 ปี และผูกพันกับที่ดิน
คันนาซึ่งผู้อื่นเดินผ่านมานานกว่า 10 ปี ย่อมเกิดเป็นภารจำยอมขึ้น. ภารจำยอมย่อมเกี่ยวเนื่องกับที่ดิน มิใช่เป็นการส่วนตัวบุคคลผู้เป็นเจ้าของ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 14143/2555
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกสัญญาภารจำยอมและการเรียกร้องดอกเบี้ยของต้นเงินที่ชำระคืน
กรณีเป็นการเลิกสัญญาโดยสมัครใจซึ่งคู่กรณีแต่ละฝ่ายจำต้องให้อีกฝ่ายได้กลับคืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่เดิม ตาม ป.พ.พ. มาตรา 391 วรรคหนึ่ง ซึ่งตามวรรคสองของบทมาตราดังกล่าวบัญญัติถึงเงินที่ต้องใช้คืนในกรณีดังกล่าวนั้นให้บวกดอกเบี้ยเข้าด้วย โดยให้คิดตั้งแต่เวลาที่ได้รับเงินไว้ สำหรับการชำระหนี้ต้นเงินอันเป็นหนี้ประธานและดอกเบี้ย ป.พ.พ. มาตรา 329 ไม่ได้บังคับว่าลูกหนี้จะขอชำระหนี้อันเป็นประธานโดยยังไม่ชำระดอกเบี้ยไม่ได้เสียเลย เพียงแต่ให้สิทธิเจ้าหนี้ว่าถ้าลูกหนี้ระบุให้จัดใช้หนี้อันเป็นประธานก่อนโดยยังไม่ชำระดอกเบี้ย เจ้าหนี้มีสิทธิบอกปัดไม่ยอมรับชำระหนี้เท่านั้น คดีนี้เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2538 จำเลยได้รับเงินค่าตอบแทนการใช้ที่ดินภาระจำยอมจากโจทก์ 6,749,540 บาท ต่อมาวันที่ 11 มิถุนายน 2547 โจทก์จำเลยสมัครใจเลิกสัญญาใช้ที่ดินภาระจำยอมดังกล่าวและจำเลยขอชำระต้นเงินจำนวน 6,749,540 บาทคืน โจทก์รับชำระไว้โดยไม่ได้บอกปัด จึงถือว่าโจทก์ได้รับชำระต้นเงินจำนวน 6,749,540 บาทแล้ว จำเลยจึงยังคงค้างชำระดอกเบี้ยซึ่งโจทก์มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชำระในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2538 (ซึ่งเป็นวันที่จำเลยรับต้นเงินดังกล่าวจากโจทก์) ถึงวันที่ 11 มิถุนายน 2547 อันเป็นวันที่จำเลยนำต้นเงินมาชำระคืนให้แก่โจทก์ เป็นเงินค่าดอกเบี้ยค้างชำระ 4,558,713.28 บาท เมื่อโจทก์รับชำระต้นเงินทั้งหมดไว้แล้วในวันที่ 11 มิถุนายน 2547 จึงไม่มีสิทธิเรียกให้จำเลยชำระดอกเบี้ยของต้นเงิน 6,749,540 บาท ภายหลังวันที่ 11 มิถุนายน 2547 อีกต่อไป