พบผลลัพธ์ทั้งหมด 926 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1023/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาโจทก์อ้างเจตนาฆ่า แต่ศาลไม่รับวินิจฉัย เพราะเป็นการโต้แย้งข้อเท็จจริงตามดุลพินิจของศาลชั้นต้นและอุทธรณ์
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288ศาลชั้นต้นฟังว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์เห็นว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกันแต่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะและจำเลยไม่มีเจตนาฆ่า พิพากษากลับว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา290,72 ดังนี้ ศาลล่างทั้งสองต่างยกฟ้องในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยอาศัยข้อเท็จจริงฎีกาของโจทก์ที่ว่าพยานหลักฐานฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตายขอให้ลงโทษตามฟ้องนั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 220.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 735/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์: คำสั่งศาลชั้นต้นที่ถูกต้องตามกฎหมายเป็นที่สุด
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีไม่มีมูล จึงพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์เพราะเป็นอุทธรณ์ปัญหาข้อเท็จจริง โจทก์ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์อ้างว่าเป็นอุทธรณ์ปัญหาข้อกฎหมาย ศาลอุทธรณ์เห็นว่าอุทธรณ์ของโจทก์เป็นอุทธรณ์ปัญหาข้อกฎหมาย แต่เป็นข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระอันควรได้รับการวินิจฉัย จึงมีคำสั่งยกคำร้องของโจทก์ เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นแล้ว คำสั่งของศาลอุทธรณ์ย่อมเป็นที่สุดตาม ป.วิ.อ. มาตรา 198 ทวิวรรคสาม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4545/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการอุทธรณ์ดอกเบี้ยค่าจ้าง: ประเด็นใหม่ต้องยกขึ้นในศาลชั้นต้น
โจทก์ฟ้องเรียกค่าจ้างที่จำเลยไม่ชำระและเงินเพิ่มร้อยละสิบห้าของค่าจ้างที่ค้างชำระทุกเจ็ดวันนับแต่วันถึงกำหนดจ่ายจากจำเลย มิได้ขอให้จำเลยชำระดอกเบี้ยร้อยละสิบห้าต่อปีของค่าจ้างค้างชำระ ดังนี้ อุทธรณ์ของโจทก์ที่ว่าเมื่อจำเลยไม่ชำระค่าจ้าง จเลยต้องจ่ายดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปีของค่าจ้างค้างจ่ายนับแต่วันค้างชำระเป็นต้นไป เว้นแต่จะนำค่าจ้างไปมอบแก่อธิบดีกรมแรงงานหรือผู้ที่อธิบดีมอบหมายเพื่อให้ลูกจ้างรับไป จึงจะไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ย นั้น เป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลแรงงานกลาง ทั้งมิใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522มาตรา 31.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4409/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้าม การแก้ไขเพิ่มเติมฎีกาที่ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาเดิม
จำเลยยื่นฎีกาเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2529 ศาลชั้นต้นสั่งว่าเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่รับฎีกา จำเลยไม่ได้อุทธรณ์คำสั่ง ต่อมาวันที่ 11 ธันวาคม 2529 จำเลยยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมฎีกาโดยไม่ได้ฎีกาใหม่ต่างหากจากฉบับเดิม ดังนี้ เมื่อศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาแล้ว ก็ไม่มีฎีกาที่จะแก้ไขเพิ่มเติมได้แม้จะอยู่ในกำหนดระยะเวลาที่จำเลยจะฎีกาได้ก็ตาม การที่ศาลชั้นต้นสั่งรับคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมฎีกาของจำเลย จึงเป็นการไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4409/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาที่ถูกสั่งไม่รับแล้ว แก้ไขเพิ่มเติมไม่ได้ แม้ยังอยู่ในกำหนด
จำเลยยื่นฎีกาเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2529 ศาลชั้นต้นสั่งว่าเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่รับฎีกา จำเลยไม่ได้อุทธรณ์คำสั่งต่อมาวันที่ 11 ธันวาคม 2529 จำเลยยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมฎีกาโดยไม่ได้ฎีกาใหม่ต่างหากจากฉบับเดิม ดังนี้ เมื่อศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาแล้วก็ไม่มีฎีกาที่จะแก้ไขเพิ่มเติมได้แม้จะอยู่ในกำหนดระยะเวลาที่จำเลยจะฎีกาได้ก็ตาม การที่ศาลชั้นต้นสั่งรับคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมฎีกาของจำเลย จึงเป็นการไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4315/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคัดค้านประเด็นชี้สองสถานและการโต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้น กรณีทรัพย์มรดกและการมีอำนาจฟ้อง
จำเลยยื่นคำแถลงคัดค้านการชี้สองสถานว่าจำเลยเห็นว่าคดีควรมีประเด็นเพิ่มขึ้นอีกว่าทรัพย์มรดกของ ต. ได้แบ่งแก่ทายาทเสร็จสิ้นแล้วหรือไม่ และโจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ เพื่อประโยชน์ในการใช้ สิทธิอุทธรณ์ หรือ ฎีกาคำแถลงของจำเลยดังกล่าวมิใช่กรณีร้องขอให้ศาลเพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบตามมาตรา 27 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง แต่เป็นกรณีที่จำเลยแถลงคัดค้านการกำหนดประเด็นของศาลชั้นต้นในการชี้สองสถานว่ายังมีประเด็นเพิ่มอีกอันเป็นการโต้แย้งคำสั่งตามมาตรา 226(2) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งจำเลยย่อมอุทธรณ์ฎีกาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4272/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลอุทธรณ์วินิจฉัยประเด็นที่ศาลชั้นต้นยังไม่ได้วินิจฉัย เมื่อมีพยานหลักฐานเพียงพอ
คดีมีประเด็นข้อพิพาทว่า ส. เป็นลูกจ้างทำละเมิดในทางการที่จ้างหรือไม่ รถยนต์โจทก์เสียหายเพียงใด และคดีขาดอายุความหรือไม่ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่าคดีขาดอายุความ ประเด็นอื่นไม่ต้องวินิจฉัย พิพากษายกฟ้องโจทก์อุทธรณ์ เมื่อศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าคดีไม่ขาดอายุความและเห็นว่าข้อเท็จจริงที่ว่า ส. เป็นลูกจ้างและกระทำการในทางการที่จ้างหรือไม่กับค่าเสียหายมีเพียงใดเป็นประเด็นในคดีซึ่งทั้งโจทก์และจำเลยทั้งสองได้นำสืบเสร็จสำนวนมาแล้วและพยานหลักฐานที่ปรากฏในสำนวนเพียงพอแก่การวินิจฉัยแล้ว ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจที่จะพิจารณาพิพากษาให้เสร็จไปได้ โดยไม่จำเป็นต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3419/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำกัดสิทธิฎีกาในคดีอาญาที่ศาลล่างพิพากษาถึงที่สุดแล้ว แม้ไม่กำหนดโทษ
ข้อหาพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองและทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 8 ทวิ, 72 ทวิ นั้น เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดและศาลอุทธรณ์พิพากษายืน แม้จะมิได้กำหนดโทษไว้แต่ความผิดฐานดังกล่าวมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ดังนี้ จำเลยจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3299/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดสิทธิอุทธรณ์และฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงหลังศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา ยกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริง
โจทก์ฟ้องจำเลยในข้อหายักยอก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 353ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริง คดีจึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ แม้ศาลอุทธรณ์จะรับวินิจฉัยข้อเท็จจริงให้ ก็เป็นการวินิจฉัยที่ไม่ชอบและถือว่าข้อเท็จจริงยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงสำหรับข้อหานี้อีก ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3097/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่ปฏิบัติตามคำสั่งแก้ไขข้อผิดพลาดในอุทธรณ์ ทำให้ศาลไม่รับอุทธรณ์ และการอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์ต้องทำภายในกำหนด
ศาลชั้นต้นตรวจอุทธรณ์โจทก์ และสั่งให้แก้ไขข้อผิดพลาดภายใน 7 วัน แต่โจทก์ไม่ดำเนินการภายในกำหนด จึงมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์โจทก์ เป็นคำสั่งปฏิเสธไม่ส่งอุทธรณ์ตามป.วิ.พ. มาตรา 232 ผู้อุทธรณ์จะต้องอุทธรณ์คำสั่งไปยังศาลอุทธรณ์ภายในกำหนด 10 วัน ตามมาตรา 234.