พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,168 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3243/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับเช็คจากผู้อื่นโดยไม่ตรวจสอบที่มาและไม่ขอสลักหลัง ทำให้ไม่เป็นผู้ทรงเช็คโดยสุจริต
โจทก์มีอาชีพเป็นพ่อค้าย่อมจะทราบถึงวิธีการเรื่องเช็คเป็นอย่างดีว่า การรับเช็คโดยไม่รู้จักตัวผู้สั่งจ่ายนั้นย่อมเป็นการเสี่ยงเพราะไม่มีโอกาสทราบฐานะการเงินของผู้สั่งจ่ายได้ฉะนั้น การที่โจทก์รับเช็คซึ่งผู้มีชื่อ นำมาแลกเงินโดยไม่ได้ให้ผู้นั้นสลักหลังเช็คเอาไว้เพื่อการใช้สิทธิไล่เบี้ย ทั้งไม่ได้นำมาเบิกความอธิบายถึงวิธีการที่ผู้มีชื่อ ได้รับเช็คมาพฤติการณ์ดังกล่าวเป็นพิรุธ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้ทรงเช็คโดยสุจริต ไม่มีสิทธิที่จะเรียกร้องให้จำเลยชำระเงินตามเช็คแก่ตน ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3243/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับเช็คโดยไม่ตรวจสอบที่มาและความน่าเชื่อถือของผู้สั่งจ่าย ทำให้ไม่เป็นผู้ทรงเช็คโดยสุจริต
โจทก์มีอาชีพเป็นพ่อค้าย่อมจะทราบถึงวิธีการเรื่องเช็คเป็นอย่างดีว่า การรับเช็คโดยไม่รู้จักตัวผู้สั่งจ่ายนั้นย่อมเป็นการเสี่ยงเพราะไม่มีโอกาสทราบฐานะการเงินของผู้สั่งจ่ายได้ ฉะนั้น การที่โจทก์รับเช็คซึ่งผู้มีชื่อนำมาแลกเงินโดยไม่ได้ให้ผู้นั้นสลักหลังเช็คเอาไว้เพื่อการใช้สิทธิไล่เบี้ยทั้งไม่ได้นำมาเบิกความอธิบายถึงวิธีการที่ผู้มีชื่อได้รับเช็คมาพฤติการณ์ดังกล่าวเป็นพิรุธ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้ทรงเช็คโดยสุจริต ไม่มีสิทธิที่จะเรียกร้องให้จำเลยชำระเงินตามเช็คแก่ตนได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3134/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสมรสโมฆะโดยสุจริต: สิทธิเรียกร้องค่าทดแทนและค่าเลี้ยงชีพ
การที่โจทก์ฟ้องขอให้ศาลมีคำพิพากษาแสดงว่าการสมรสเป็นโมฆะนั้นเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ แม้จะมีคำขอเรียกค่าทดแทนและค่าเลี้ยงชีพที่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้รวมอยู่ด้วย คู่ความก็ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ. มาตรา 248 ทั้งคำขอในส่วนที่เกี่ยวกับค่าทดแทนนี้ยังเป็นคดีเกี่ยวด้วยสิทธิในครอบครัวอีกด้วย จำเลยจึงมีสิทธิฎีกาได้ ขณะที่โจทก์จดทะเบียนสมรสกับจำเลยโจทก์ไม่ทราบว่าจำเลยได้จดทะเบียนสมรสกับหญิงอื่นอยู่แล้ว โจทก์จึงเป็นผู้สมรสโดยสุจริตเมื่อโจทก์ฟ้องขอให้ศาลมีคำพิพากษาแสดงว่าการสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นโมฆะ โจทก์จึงมีสิทธิเรียกค่าทดแทนและค่าเลี้ยงชีพจากจำเลยได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3134/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสมรสโมฆะ ผู้สมรสโดยสุจริตมีสิทธิเรียกร้องค่าทดแทนและค่าเลี้ยงชีพได้
การที่โจทก์ฟ้องขอให้ศาลมีคำพิพากษาแสดงว่าการสมรสเป็นโมฆะนั้นเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ แม้จะมีคำขอเรียกค่าทดแทนและค่าเลี้ยงชีพที่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้รวมอยู่ด้วย คู่ความก็ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ. มาตรา 248ทั้งคำขอในส่วนที่เกี่ยวกับค่าทดแทนนี้ยังเป็นคดีเกี่ยวด้วยสิทธิในครอบครัวอีกด้วย จำเลยจึงมีสิทธิฎีกาได้
ขณะที่โจทก์จดทะเบียนสมรสกับจำเลยโจทก์ไม่ทราบว่าจำเลยได้จดทะเบียนสมรสกับหญิงอื่นอยู่แล้ว โจทก์จึงเป็นผู้สมรสโดยสุจริตเมื่อโจทก์ฟ้องขอให้ศาลมีคำพิพากษาแสดงว่าการสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นโมฆะ โจทก์จึงมีสิทธิเรียกค่าทดแทนและค่าเลี้ยงชีพจากจำเลยได้.
ขณะที่โจทก์จดทะเบียนสมรสกับจำเลยโจทก์ไม่ทราบว่าจำเลยได้จดทะเบียนสมรสกับหญิงอื่นอยู่แล้ว โจทก์จึงเป็นผู้สมรสโดยสุจริตเมื่อโจทก์ฟ้องขอให้ศาลมีคำพิพากษาแสดงว่าการสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นโมฆะ โจทก์จึงมีสิทธิเรียกค่าทดแทนและค่าเลี้ยงชีพจากจำเลยได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3053/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีอาญาและแพ่งโดยสุจริตจากข้อพิรุธในการซื้อขาย และการให้ข่าวเพื่อป้องกันตนเอง ไม่ถือเป็นการละเมิด
จำเลยทำสัญญาจะซื้อจะขายห้องชุด จากโจทก์ ต่อมาจำเลยฟ้องโจทก์กับพวกเป็นคดีอาญาในข้อหาฉ้อโกงว่าหลอกลวงให้จำเลยทำสัญญาจะซื้อจะขายและฟ้องต่อศาลแพ่งเรียกมัดจำคืน เมื่อข้อเท็จจริงน่าเชื่อว่าจำเลยเข้าใจโดยสุจริตว่าที่ดินที่โจทก์สร้างอาคารชุดนั้นไม่ใช่ที่ดินของโจทก์ ทั้งยังปรากฏว่าสัญญาจะซื้อจะขายกรรมสิทธิ์ห้องชุด ไม่ได้ประทับตราบริษัทโจทก์ นอกจากนี้พฤติการณ์การก่อสร้างอาคารของโจทก์ยังมีข้อพิรุธอื่น ๆ ที่ทำให้จำเลยเข้าใจผิดว่าโจทก์ฉ้อโกงจำเลย ดังนี้ตามพฤติการณ์น่าเชื่อว่าจำเลยใช้สิทธิทางศาลโดยสุจริตจำเลยหาได้จงใจหรือประมาทเลินเล่อทำโดยผิดกฎหมายให้โจทก์เสียหายไม่ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์ การที่จำเลยให้ข่าวแก่หนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ว่าจำเลยฟ้องโจทก์เป็นคดีอาญาในข้อหาฉ้อโกงนั้นเป็นการโต้ตอบ โจทก์ เนื่องจากโจทก์บอกเลิกสัญญาจะซื้อจะขาย ทั้งทวงเงินค่างวดและริบมัดจำด้วย การกระทำดังกล่าวจึงเป็นการกระทำการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายไม่เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3053/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีอาญาและแพ่งโดยสุจริตจากข้อพิรุธในการซื้อขาย และการให้ข้อมูลข่าวสารเพื่อป้องกันตนเอง ไม่เป็นการละเมิด
จำเลยทำสัญญาจะซื้อจะขายห้องชุดจากโจทก์ ต่อมาจำเลยฟ้องโจทก์กับพวกเป็นคดีอาญาในข้อหาฉ้อโกงว่าหลอกลวงให้จำเลยทำสัญญาจะซื้อจะขายและฟ้องต่อศาลแพ่งเรียกมัดจำคืน เมื่อข้อเท็จจริงน่าเชื่อว่าจำเลยเข้าใจโดยสุจริตว่าที่ดินที่โจทก์สร้างอาคารชุดนั้นไม่ใช่ที่ดินของโจทก์ ทั้งยังปรากฏว่าสัญญาจะซื้อจะขายกรรมสิทธิ์ห้องชุดไม่ได้ประทับตราบริษัทโจทก์ นอกจากนี้พฤติการณ์การก่อสร้างอาคารของโจทก์ยังมีข้อพิรุธอื่น ๆ ที่ทำให้จำเลยเข้าใจผิดว่าโจทก์ฉ้อโกงจำเลย ดังนี้ตามพฤติการณ์น่าเชื่อว่าจำเลยใช้สิทธิทางศาลโดยสุจริตจำเลยหาได้จงใจหรือประมาทเลินเล่อทำโดยผิดกฎหมายให้โจทก์เสียหายไม่ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์
การที่จำเลยให้ข่าวแก่หนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ว่าจำเลยฟ้องโจทก์เป็นคดีอาญาในข้อหาฉ้อโกงนั้นเป็นการโต้ตอบโจทก์เนื่องจากโจทก์บอกเลิกสัญญาจะซื้อจะขาย ทั้งทวงเงินค่างวดและริบมัดจำด้วย การกระทำดังกล่าวจึงเป็นการกระทำการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์.
การที่จำเลยให้ข่าวแก่หนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ว่าจำเลยฟ้องโจทก์เป็นคดีอาญาในข้อหาฉ้อโกงนั้นเป็นการโต้ตอบโจทก์เนื่องจากโจทก์บอกเลิกสัญญาจะซื้อจะขาย ทั้งทวงเงินค่างวดและริบมัดจำด้วย การกระทำดังกล่าวจึงเป็นการกระทำการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2688/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดำเนินการของห้างสรรพสินค้าต่อผู้ที่สงสัยว่าลักทรัพย์ ไม่ถือเป็นการข่มขืนใจหรือกรรโชก หากมีเหตุเชื่อโดยสุจริต
จำเลยเชื่อโดยสุจริตว่าผู้เสียหายได้ลักเอาสติกเกอร์ของห้างซึ่งจำเลยมีหน้าที่ช่วยดูแลกิจการอยู่ไป การที่จำเลยบอกให้ผู้เสียหายเสียค่าปรับให้ห้าง 30 บาท ถ้าไม่ยอมจะส่งตัวให้เจ้าพนักงานตำรวจนั้นยังถือไม่ได้ว่าเป็นการข่มขืนใจหรือขู่เข็ญผู้เสียหายให้ยอมให้เงิน 30 บาทเพราะจำเลยมีหน้าที่ดูแลกิจการของห้างชอบที่จะใช้สิทธิตามกฎหมายดำเนินคดีแก่ผู้เสียหายทางอาญาในความผิดฐานลักทรัพย์ได้การที่จำเลยให้ผู้เสียหายเสียค่าปรับเท่ากับเสนอให้ชดใช้ค่าเสียหายอันเป็นข้อแลกเปลี่ยนเพื่อตกลงเลิกคดีกัน จำเลยไม่มีความผิดฐานกรรโชก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 265/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อที่ดินโดยรู้ว่ามีผู้ครอบครองแล้ว ย่อมไม่ถือว่าเป็นการซื้อโดยสุจริต ทำให้การจดทะเบียนรับโอนไม่มีผลผูกพัน
โจทก์ซื้อที่ดินมีโฉนดโดยเข้าใจว่าที่ดินที่จำเลยครอบครองเป็นของจำเลยและอยู่นอกเขตโฉนดของตน ต่อมารังวัดปรากฏว่าที่ที่จำเลยครอบครองเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินในโฉนดของโจทก์ และจำเลยได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ไปก่อนแล้ว ดังนี้ โจทก์จะอ้างว่าซื้อที่ดินมาโดยสุจริตหาได้ไม่ จำเลยย่อมยกข้อไม่สุจริตขึ้นต่อสู้โจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2580/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโดยการครอบครองปรปักษ์ แม้จะรุกล้ำที่ดินของผู้อื่น โดยสุจริตและเปิดเผย
ที่ดินและตึกแถวของโจทก์จำเลยอยู่ติดกันและเดิม เป็นของเจ้าของคนเดียวกัน โจทก์จำเลยต่างเช่า จากเจ้าของเดิม ต่อมาที่ดินและตึกแถวที่โจทก์เช่า ตก เป็นของ ม. ส่วนที่ดินและตึกแถวที่จำเลยเช่าตก เป็นของ ช. แล้วต่อมาที่ดินและตึกแถวที่โจทก์เช่า ได้โอนกรรมสิทธิ์เป็นของโจทก์และส่วนที่จำเลยเช่า โอนกรรมสิทธิ์เป็นของจำเลย ระหว่างที่ดินและตึกแถวยังเป็นกรรมสิทธิ์ของ ม.และ ช. นั้น จำเลยได้รื้อตึกแถวเก่าของตน แล้วปลูกสร้างขึ้นใหม่ภายในเขตแนวเดิม โจทก์รื้อครัวที่อยู่ด้าน หลังตึกแถวของโจทก์และติดกับผนังตึกด้าน ข้างตึกแถวจำเลยแล้วปลูกสร้างขึ้นใหม่พร้อมกันโดยใช้ผนังด้าน หลังของห้องครัวโจทก์กับผนังด้าน ข้างของตึกแถวจำเลยร่วมกัน และจ้างช่าง ปลูกสร้างคนเดียวกัน โดยไม่ปรากฏว่าโจทก์หรือ ม. ทักท้วงห้ามปราม แม้ว่าบางส่วนของที่ดินที่จำเลยปลูกสร้างตึกแถวนั้นจะอยู่ในโฉนด ที่โจทก์ซื้อ แต่จำเลยเข้าใจในขณะปลูกสร้างว่า ที่ดินตรงที่ปลูกสร้างนั้นเป็นที่ดินที่อยู่ในโฉนด ที่จำเลยเช่าจึงเป็นกรณีที่จำเลยอาศัยสิทธิของเจ้าของที่ดินตามสภาพที่เป็นอยู่ปลูกสร้างตึกแถวในที่ดินโจทก์ที่จำเลยเข้าใจว่าจำเลยมีสิทธิปลูกสร้างได้ เป็นการปลูกโดยสุจริต เมื่อจำเลยเข้าครอบครองที่ดินในส่วนที่รุกล้ำที่ดินโจทก์สืบสิทธิของ ช. โดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของตั้งแต่จำเลยได้ปลูกสร้างตึกแถวนับถึงวันฟ้องเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปีแล้ว จำเลยย่อมได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโจทก์ส่วนที่ถูกตึกแถวจำเลยปลูกรุกล้ำโดยการครอบครองปรปักษ์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1382.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2580/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้กรรมสิทธิ์ที่ดินโดยการครอบครองปรปักษ์ แม้บางส่วนรุกล้ำที่ดินของผู้อื่น
ที่ดินและตึกแถวของโจทก์จำเลยอยู่ติดกันและเดิมเป็นของเจ้าของคนเดียวกันโจทก์จำเลยต่างเช่าจากเจ้าของเดิม ต่อมาที่ดินและตึกแถวที่โจทก์เช่าตกเป็นของ ม. ส่วนที่ดินและตึกแถวที่จำเลยเช่าตกเป็นของ ช. แล้วต่อมาที่ดินและตึกแถวที่โจทก์เช่าได้โอนกรรมสิทธิ์เป็นของโจทก์และส่วนที่จำเลยเช่าโอนกรรมสิทธิ์เป็นของจำเลย ระหว่างที่ดินและตึกแถวยังเป็นกรรมสิทธิ์ของ ม. และ ช. นั้น จำเลยได้รื้อตึกแถวเก่าของตนแล้วปลูกสร้างขึ้นใหม่ภายในเขตแนวเดิม โจทก์รื้อครัวที่อยู่ด้านหลังตึกแถวของโจทก์และติดกับผนังตึกด้านข้างตึกแถวจำเลยแล้วปลูกสร้างขึ้นใหม่พร้อมกันโดยใช้ผนังด้านหลังของห้องครัวโจทก์กับผนังด้านข้างของตึกแถวจำเลยร่วมกัน และจ้างช่างปลูกสร้างคนเดียวกัน โดยไม่ปรากฏว่าโจทก์หรือ ม. ทักท้วงห้ามปราม แม้ว่าบางส่วนของที่ดินที่จำเลยปลูกสร้างตึกแถวนั้นจะอยู่ในโฉนดที่โจทก์ซื้อ แต่จำเลยเข้าใจในขณะปลูกสร้างว่าที่ดินตรงที่ปลูกสร้างนั้นเป็นที่ดินที่อยู่ในโฉนดที่จำเลยเช่า จึงเป็นกรณีที่จำเลยอาศัยสิทธิของเจ้าของที่ดินตามสภาพที่เป็นอยู่ปลูกสร้างตึกแถวในที่ดินโจทก์ที่จำเลยเข้าใจว่าจำเลยมีสิทธิปลูกสร้างได้ เป็นการปลูกโดยสุจริต เมื่อจำเลยเข้าครอบครองที่ดินในส่วนที่รุกล้ำที่ดินโจทก์สืบสิทธิของ ช. โดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของตั้งแต่จำเลยได้ปลูกสร้างตึกแถวนับถึงวันฟ้องเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปีแล้ว จำเลยย่อมได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโจทก์ส่วนที่ถูกตึกแถวจำเลยปลูกรุกล้ำโดยการครอบครองปรปักษ์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1382.