คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 632 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 518/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจสอบสวนคดีอาญาต้องอยู่ในเขตท้องที่ที่เกิดเหตุและที่จับกุม หากไม่มีอำนาจ การสอบสวนนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยมีที่อยู่ ถูกจับ และเหตุเกิดในเขตอำนาจสอบสวนของพนักงานสอบสวนอำเภอหนึ่งหากพนักงานสอบสวนอำเภออื่นเป็นผู้สอบสวน จำเลยจะคัดค้านอำนาจสอบสวนหรือไม่ก็ตาม ก็ไม่ทำให้การสอบสวนนั้นกลับเป็นการสอบสวนที่ชอบด้วยกฎหมายได้เท่ากับไม่มีการสอบสวนพนักงานอัยการจึงไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 223/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกบริษัทโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ผู้ถือหุ้นมีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายได้
จำเลยที่ 5 ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทจำเลยที่ 1 ได้ยื่นฟ้องบริษัทจำเลยที่ 1 ขอให้เลิกบริษัทจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ในฐานะกรรมการของบริษัทจำเลยที่ 1 ได้ยื่นคำให้การต่อสู้คดี แล้วต่อมาจำเลยที่ 5 กับจำเลยที่ 2 ตกลงกันทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันให้เลิกบริษัทจำเลยที่ 1 ศาลได้พิพากษาตามยอมโดยหาได้ชี้ขาดข้อเท็จจริงว่ามีเหตุที่จะเลิกบริษัทดังฟ้องไม่ ดังนี้ การกระทำของจำเลยที่ 2 และที่ 5 จึงเป็นการกระทำที่มิชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1194, 1236 (4) โจทก์ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทจำเลยที่ 1 อยู่ด้วย ย่อมมีอำนาจฟ้องคดีปลดเปลื้องความเสียหายโดยขอให้ศาลแสดงว่าคำพิพากษาตามยอมในคดีนั้นไม่กระทบกระเทือนถึงสิทธิของโจทก์ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทจำเลยที่ 1 ในอันที่จะให้บริษัทจำเลยที่ 1 คงมีอยู่ต่อไปได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 223/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกบริษัทโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ผู้ถือหุ้นมีสิทธิฟ้องปลดเปลื้องความเสียหาย
จำเลยที่ 5 ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทจำเลยที่ 1 ได้ยื่นฟ้องบริษัทจำเลยที่ 1 ขอให้เลิกบริษัทจำเลยที่1 จำเลยที่ 2 ในฐานะกรรมการของบริษัทจำเลยที่ 1 ได้ยื่นคำให้การต่อสู้คดี แล้วต่อมาจำเลยที่ 5 กับจำเลยที่ 2 ตกลงกันทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันให้เลิกบริษัทจำเลยที่ 1 ศาลได้พิพากษาตามยอมโดยหาได้ชี้ขาดข้อเท็จจริงว่ามีเหตุที่จะเลิกบริษัทดังฟ้องไม่ดังนี้ การกระทำของจำเลยที่ 2 และที่ 5 จึงเป็นการกระทำที่มิชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1194,1236(4) โจทก์ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทจำเลยที่ 1 อยู่ด้วย ย่อมมีอำนาจฟ้องคดีปลดเปลื้องความเสียหาย โดยขอให้ศาลแสดงว่าคำพิพากษาตามยอมในคดีนั้นไม่กระทบกระเทือนถึงสิทธิของโจทก์ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทจำเลยที่ 1ในอันที่จะให้บริษัทจำเลยที่ 1 คงมีอยู่ต่อไปได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1975/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำนองทางพิพากษาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและการคืนที่ดินที่ใช้เป็นประกัน
กู้เงินทำหนังสือกู้กันเองตกลงให้ผู้ให้กู้ครอบครองที่นาไว้เป็นประกัน และทำต่างดอกเบี้ย การที่ผู้ให้กู้เอาที่นานั้นแจ้งการครอบครองแบบ ส.ค.1 ว่าเป็นของตนเสียนั้น ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการบอกกล่าวแสดงเจตนาเปลี่ยนลักษณะแห่งการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381
ผู้ให้กู้รับมอบนาพิพาทอันเป็นอสังหาริมทรัพย์ไว้เป็นประกันหนี้และทำต่างดอกเบี้ยโดยตกลงกันเองมิได้ทำให้ชอบด้วยกฎหมายว่าด้วยการประกันด้วยทรัพย์ ย่อมไม่มีผลทำให้เกิดทรัพย์สิทธิเหนือนาพิพาทอันจะทำให้มีอำนาจยึดหน่วงนาพิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 241 วรรคสอง ผู้ให้กู้ต้องคืนนาพิพาทให้ผู้กู้
ผู้กู้เป็นโจทก์ฟ้องผู้ให้กู้ขอให้รับชำระหนี้ 280 บาทและคืนที่นาที่มอบไว้เป็นประกันและทำต่างดอกเบี้ยตามสัญญาที่ทำกันเอง ผู้ให้กู้ให้การว่า หนี้มีจำนวน 1,000 บาท แต่ไม่ได้ฟ้องแย้งเข้ามา ศาลคงบังคับให้ผู้กู้ชำระหนี้เท่าที่กล่าวในฟ้อง ส่วนจำนวนหนี้ยังค้างอยู่เป็นเรื่องที่ผู้ให้กู้จะต้องไปว่ากล่าวเอากับผู้กู้เพื่อให้ชำระจนสิ้นเชิงในฐานะเจ้าหนี้สามัญตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 214 เป็นอีกเรื่องต่างหาก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1700/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาคดีประกันภัยที่ยังไม่ชอบ เนื่องจากศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยังไม่ได้พิจารณาพยานหลักฐานของทั้งสองฝ่ายอย่างครบถ้วน
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยรับประกันพลอยของโจทก์ซึ่งประสงค์จะส่งไปยังธนาคาร บ.เพื่อส่งต่อและเรียกเก็บเงินจากห้าง จ. โดยโจทก์ได้ส่งพลอยนั้นทางพัสดุไปรษณีย์ในวันเดียวกันนั้น ปรากฎว่าไปรษณีย์ส่งพลอยนั้นให้แก่ห้าง จ. โดยตรง ไม่ส่งให้ธนาคารดังที่โจทก์จ่าหน้า ขอให้จำเลยใช้เงินตามมูลค่าแห่งกรมธรรม์ประกันภัย จำเลยให้การว่าโจทก์ขอประกันภัยต่อจำเลยโดยระบุนามผู้รับไปรษณีย์ภัณฑ์ที่ 2357 ว่า บริษัท จ.พัสดุภัณฑ์นี้ได้ส่งไปถึงบริษัท จ. ผู้รับถูกต้องแล้ว และโจทก์แปลคำว่า Non Delivery ในสัญญากรมธรรม์ผิด ที่ถูกต้องแปลว่า "ไม่มีการส่งของ" ไม่ใช่ส่งไม่ถึงที่หรือส่งผิด แม้ส่งผิด จำเลยก็ไม่ต้องรับผิดบริษัท จ.ก็ได้ยินยันมายังโจทก์ว่าได้รับไปรษณีย์นั้นแล้ว โจทก์จะมาฟ้องให้จำเลยใช้หนี้แทนลูกหนี้ของโจทก์ไม่ได้ ดังนี้ ปัญหาสำคัญอยู่ที่ว่า พัสดุภัณฑ์ที่โจทก์ส่งไปนั้นจ่าหน้าถึงใครเป็นผู้รับกันแน่ คู่ความยังโต้แย้งกันอยู่ และต่างมีเอกสารหลักฐานมาสนับสนุนข้ออ้างของตน และยังโต้เถียงการแปลคำว่า Non Delivery ในกรมธรรม์กันด้วย ต่างยังมิได้รับรองเอกสารหลักฐานของอีกฝ่ายหนึ่ง เมื่อสืบพยานโจทก์ได้เพียงคนเดียวแล้วศาลจะสั่งงดสืบพยาน โจทก์จำเลยต่อไปแล้วฟังว่าไปรษณีย์ส่งพัสดุภัณฑ์นั้นให้บริษัท จ. ผิดไปจากจ่าหน้า แต่บริษัท จ.ได้แจ้งมายังโจทก์ว่าได้รับของแล้ว ชอบที่โจทก์จะเรียกร้องเอาแก่บริษัท จ.ผู้ซื้อโดยตรงให้ชำระราคาได้ก็ดี ศาลแปลคำว่า Non Delivery ดังที่จำเลยให้การ แล้วเห็นว่าเมื่อของนี้ได้ส่งถึงมือผู้ซื้อแล้ว ความรับผิดของจำเลยจึงหมดไปก็ดี หรือฟังว่า ในกรมธรรม์ไม่ได้ระบุให้ชัดแจ้งและหลักฐานเท่าที่มีในสำนวนก็ไม่มีว่าจำเลยทราบหรือมีข้อตกลงกันว่าจะต้องส่งพัสดุภัณฑ์นั้นแก่ธนาคาร บ.จึงพิพากษาให้โจทก์แพ้คดีก็ดี ดังนี้ ยังไม่เป็นการที่ชอบ สมควรฟังพยานหลักฐานของโจทก์จำเลยให้สิ้นกระแสความเสียก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1608/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำบอกกล่าวบังคับจำนองต้องระบุระยะเวลาชำระหนี้ที่แน่นอน การกำหนดแค่ 'เร็ววันที่สุด' ถือไม่ชอบ
โจทก์มีหนังสือบอกกล่าวบังคับจำนองไปยังจำเลยเพียงว่า ให้จำเลยชำระเงินและไถ่ถอนการจำนองเสียภายในเร็ววันที่สุดนั้น เห็นได้ว่า ไม่ได้กำหนดให้ไถ่ถอนการจำนองเมื่อใด เอาความแน่นอนในการที่จะพิเคราะห์ว่าภายในเวลาอันสมควรหรือไม่ไม่ได้ จึงไม่เป็นคำบอกกล่าวบังคับจำนองที่ชอบ
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 20/2506)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 99/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ องค์คณะผู้พิพากษาไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นโมฆะ
ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์นั่งฟังแถลงการณ์ 3 นาย แล้วลงชื่อพิพากษา 2 นาย กับมีผู้พิพากษาที่มีได้นั่งฟังแถลงการณืและมิใช่อธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ร่วมลงชื่อด้วยอีก 1 นายทำให้คำพิพากษานั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย ชอบที่ศาลฎีกาจะยกเสียและให้พิพากษาใหม่
ประชุมใหญ่ครั้งที่ 29/2503 และอ้างฎีกาที่ 1205/2473

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 99/2504

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำพิพากษาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากองค์คณะผู้พิพากษาไม่ครบถ้วน
ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์นั่งฟังแถลงการณ์ด้วยวาจา 3 นายแล้วลงชื่อในคำพิพากษา 2 นาย กับมีผู้พิพากษาที่มิได้นั่งฟังแถลงการณ์ด้วยวาจา และมิใช่อธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ร่วมลงชื่อด้วยอีก 1 นายดังนี้ทำให้คำพิพากษานั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 792/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องอาญา: การฟ้องจำเลยในฐานะตัวแทนบริษัท และการไต่สวนมูลฟ้องที่ไม่ชอบ
จำเลยถูกฟ้องที่ศาลแขวงในมูลคดีเดียวกันกับที่ถูกฟ้องในศาลอาญา ในชั้นศาลอาญา จำเลยถูกฟ้องว่าร่วมกระทำผิดด้วยกันกับบริษัทเคี่ยนหงวน (ไทย) จำกัด เป็นที่ชัดเจนอยู่แล้ว ว่าโจทก์ฟ้องจำเลยเป็นผู้กระทำผิดเป็นการเฉพาะตัว ส่วนในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ในหน้าฟ้องมีว่า นายจิ้น แซ่เล้าหรือยินจุน แทนบริษัทเคี่ยนหงวน (ไทย) จำกัด จำเลย ใจความฟ้องมีว่า จำเลยได้กระทำผิดพระราชบัญญัติควบคุมการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งสินค้าบางอย่าง โดยจำเลยในนามของบริษัทเคี่ยนหงวน (ไทย) จำกัด ได้นำกระสอบป่านสองแสนใบจากประเทศอินเดีย เข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยมิได้รับอนุญาต และในรายงานกระบวนพิจารณา ผู้ว่าคดีแถลงต่อศาลว่าฟ้องจำเลยในฐานะเป็นตัวแทนของบริษัทเคี่ยนหงวน (ไทย) จำกัด หาใช่ฟ้องจำเลยเป็นการเฉพาะตัวไม่ ดังนี้ถือว่าจำเลยมิได้ถูกฟ้องหาว่าได้กระทำผิดโดยเฉพาะตัวและยังมิได้ถูกไต่สวนมูลฟ้อง อัยการจึงยังไม่มีอำนาจที่จะฟ้องจำเลยต่อศาลอาญาได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 8/2503)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1271/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจับกุมที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและการป้องกันสิทธิโดยชอบธรรม กรณีฆ่าข้าราชการขณะปฏิบัติหน้าที่
พลตำรวจเข้าไปจับหญิงนครโสเภณี เห็นผู้หญิงกับผู้ชายคู่หนึ่งนั่งคุยในห้องซึ่งเปิดประตูอยู่ เช่นนี้ ยังเรียกไม่ได้ว่า หญิงคนนั้นกำลังกระทำผิดหรือพยายามกระทำผิดหรือพบโดยมีพฤติการณ์อันควรสงสัยว่าผู้นั้นจะกระทำผิดโดยมีเครื่องมืออาวุธหรือวัตถุอย่างอื่นอันสามารถอาจใช้ในการกระทำความผิดหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าได้กระทำความผิดมาแล้ว และจะหลบหนีตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 78 พลตำรวจจึงไม่มีอำนาจจับหญิงนั้น โดยไม่มีหมายจับ กรณีเช่นนี้ ต้องให้เจ้าพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจชั้นผู้ใหญ่จับด้วยตนเองได โดยไม่ต้องมีหมายจับ เมื่อการจับกุมของพลตำรวจเช่นนี้ไม่มีกฎหมายสนับสนุนแล้ว การที่จำเลยฆ่าพลตำรวจผู้จับจึงไม่เรียกว่าฆ่าเจ้าพนักงานเพราะเหตุที่กระทำการตามหน้าที่
of 64