คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
อายุความ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 5,764 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1393/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องค่าอุปการะเลี้ยงดู และข้อยกเว้นการใช้บังคับอายุความ รวมถึงเกณฑ์การรับผิดของบิดา
มารดาของผู้เยาว์ ซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองผู้เยาว์ ย่อมมีอำนาจฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูผู้เยาว์จากบิดาของผู้เยาว์ได้ ไม่เป็นอุทลุมเพราะฟ้องในฐานะส่วนตัวของตนเอง ไม่ใช่ฟ้องในนามของเด็กหรือในฐานะเป็นผู้แทนเด็ก
ภริยาฟ้องเรียกค่าเลี้ยงดูบุตรจากสามีซึ่งหย่ากันแล้วนั้น สามีจะอ้างอายุความตามมาตรา 165(12)มาตัดฟ้องไม่ได้ เพราะเป็นกรณีที่บุตรอยู่กับมารดาในฐานะเป็นมารดาและเป็นผู้ใช้อำนาจปกครอง กรณีไม่ต้องตามมาตรา 165(12) และมาตรา 166
ตามมาตรา 1594 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ระบุว่าบุคคลผู้มีสิทธิเรียกร้องค่าอุปการะเลี้ยงดู ต้องเป็นผู้ไร้ทรัพย์สินและมิสามารถเลี้ยงตนเองได้ และแม้ในเรื่องบิดามารดามีหน้าที่อุปการะเลี้ยงดูและให้การศึกษาแก่บุตรดังที่ระบุไว้ในมาตรา 1536 ในการรับผิดออกค่าอุปการะเลี้ยงดูและการศึกษา ก็ต้องอยู่ภายใต้บทบัญญัติว่าด้วยค่าอุปการะเลี้ยงดูตามมาตรา 1594 ด้วย ฉะนั้นถ้าบุตรมีทรัพย์สินซึ่งมีราคามาก อาจหารายได้เป็นจำนวนท่วมล้นค่าเลี้ยงดูและค่าศึกษาแล้ว บิดาก็ไม่ต้องรับผิดในค่าอุปการะเลี้ยงดูและการศึกษาของบุตรนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1053/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเรียกเงินตามเช็คของผู้กู้ แม้ไม่มีหลักฐานการกู้ยืมเป็นหนังสือ ก็ฟ้องได้ตามอายุความมาตรา 1002
กู้ยืมเงินกัน แล้วออกเช็คสั่งจ่ายล่วงหน้าให้แก่ผู้ให้กู้ ครั้นถึงกำหนดผู้ให้กู้นำเช็คไปรับเงินปรากฎว่า ผู้กู้ไม่มีเงินในธนาคารผู้ให้กู้จึงมาฟ้องผู้กู้เรียกเงินตามเช็คนั้น ดังนี้ แม้จะเป็นหนี้เรื่องกู้ยืม ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือก็ตาม แต่ผู้ให้กู้ฟ้องเรียกเงินตามที่ผู้กู้ทำให้ผู้ให้กู้ต่างหาก จึงฟ้องบังคับได้ และมีอายุความตามมาตรา 1002.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1053/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องบังคับตามเช็คแม้ไม่มีหลักฐานหนี้กู้ยืมเป็นหนังสือ ได้ใช้ อายุความตาม ม.1002
กู้ยืมเงินกัน แล้วออกเช็คสั่งจ่ายล่วงหน้าให้แก่ผู้ให้กู้ ครั้นถึงกำหนดผู้ให้กู้นำเช็คไปรับเงิน ปรากฏว่า ผู้กู้ไม่มีเงินในธนาคาร ผู้ให้กู้จึงมาฟ้องผู้กู้เรียกเงินตามเช็คนั้น ดังนี้ แม้จะเป็นหนี้เรื่องกู้ยืม ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือก็ตาม แต่ผู้ให้กู้ฟ้องเรียกเงินตามเช็คที่ผู้กู้ทำให้ผู้ให้กู้ต่างหาก จึงฟ้องบังคับได้ และมีอายุความตาม มาตรา 1002

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 982/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกล้างนิติกรรมซื้อขายสินสมรสที่ภรรยาทำไปโดยโจทก์ทราบภายหลังและปล่อยเวลาผ่านไปนาน จึงขาดสิทธิ
ที่ดินมีชื่อภรรยาผู้เดียวภรรยาได้เอาที่ดินนั้นไปจำนองต่อบุคคลอื่นหลายครั้งหลายหนตลอดจนโอนหลุดเป็นสิทธิแก่ผู้รับจำนอง แล้วขอซื้อกลับคืนมาและขายให้แก่ผู้มีชื่อไปผู้ซื้อรับซื้อไว้โดยสุจริต ซื้อขายกันแล้ว ภรรยาได้เช่าที่ดินบ้านเรือนรายพิพาทอยู่ร่วมกับสามีนานถึง 5 ปี สามีจึงเพิ่งบอกล้างนิติกรรมซื้อขายที่พิพาทนี้ดังนี้ เป็นการบอกล้างเมื่อพ้นเวลาปีหนึ่ง นับแต่เวลาที่จะอาจให้สัตยาบันได้จึงต้องห้ามมิให้บอกล้างตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 143

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 739/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องแย่งการครอบครอง กรณีทำต่างดอกเบี้ย ศาลล่างวินิจฉัยประเด็นถูกต้องแล้ว
โจทก์ฟ้องอ้างว่า จำเลยที่ 1 เช่านาของโจทก์ทำภายหลังโจทก์ไมให้เช่า จำเลยที่ 1 กลับบุกรุกเข้าทำนาของโจทก์ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายและว่าจำเลยที่ 2 ขอประกาศขายนาพิพาทของโจทก์นี้แก่จำเลยที่ 1 ขอให้ห้ามมิให้เกี่ยวข้อง
จำเลยให้การต่อสู้ว่าเป็นนาของจำเลยที่ 2 ๆ ให้จำเลยที่ 1 ทำต่างดอกเบี้ยกับต่อสู้ว่าคดีของโจทก์ขาดอายุความ ดังนี้ เมื่อศาลวินิจฉัยว่านาพิพาทเป็นของโจทก์ ไม่ใช่ของจำเลยที่ 2 แต่จำเลยที่ 2 ให้จำเลยที่ 1 ทำนาพิพาทต่างดอกเบี้ยจำเลยที่ 1 ไม่ต้องรับผิดในค่าเสียหาย จึงพิพากษาห้ามมิให้จำเลยทั้งสองเข้าเกี่ยวข้องนั้น ถือว่า ได้วินิจฉัยไปตามประเด็นในฟ้องแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 647/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความค่าเช่าและค่าเสียหาย: การส่งคืนทรัพย์สินที่แท้จริงเป็นจุดเริ่มต้น
ป.ม.แพ่งฯมาตรา 563 ที่ให้นับอายุความแต่วันส่งคืนทรัพย์สินที่เช่านั้น หมายถึงการส่งคืนอย่างแท้จริง ถ้าผู้เช่าส่งคืน แต่ผู้ให้เช่าไม่รับโดยไม่มีข้อแก้ตัวอันชอบ ก็อาจถือว่าเป็นการส่งคืนแล้วได้แต่ผู้เช่าเพียงแต่มีหนังสือขอส่งคืน ผู้ให้เช่ายังขัดข้องและผู้เช่าก็ยังคงครอบครองดูแลทรัพย์สินที่เช่าอยู่ต่อมาเพิ่งจะส่งมอบแก่ผู้ให้เช่าในภายหลัง เช่นนี้ ต้องถือว่ามีการส่งคืนกันในภายหลังนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 647/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความการเช่า: การส่งคืนทรัพย์สินที่แท้จริงและการส่งคืนตามหนังสือ
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 563 ที่ให้นับอายุความแต่วันส่งคืนทรัพย์สินที่เช่านั้น หมายถึงการส่งคืนอย่างแท้จริง ถ้าผู้เช่าส่งคืน แต่ผู้ให้เช่าไม่รับโดยไม่มีข้อแก้ตัวอันชอบ ก็อาจถือว่าเป็นการส่งคืนแล้วได้ แต่ถ้าผู้เช่าเพียงแต่มีหนังสือขอส่งคืนผู้ให้เช่ายังขัดข้องและผู้เช่าก็ยังคงครอบครองดูแลทรัพย์สินที่เช่าอยู่ต่อมาเพิ่งจะส่งมอบแก่ผู้ให้เช่าในภายหลัง เช่นนี้ ต้องถือว่ามีการส่งคืนกันในภายหลังนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 520/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับสภาพหนี้โดยวาจาและการสะดุดหยุดอายุความตาม ป.ม.แพ่ง มาตรา 172
การรับสภาพหนี้นั้น ตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 172 ตอนท้ายก็แสดงอยู่ชัดว่า ทำการอย่างใดอย่างหนึ่งอันปราศจากเคลือบแคลงสงสัย ตระหนักเป็นปริยายว่ายอมรับสภาพตามสิทธิเรียกร้องนั้น ก็ได้จึงหาจำเป็นต้องทำเป็นหนังสือเสมอไปไม่
บิดาทำสัญญาขายเรือนให้เขา ครั้นต่อมาบิดาตายตนเป็นผู้รับมรดก และยอมรับจะโอนเรือนให้เขาตามสัญญาซื้อขายโดยวาจา และยังได้ยินยอมให้เขาครอบครองเรือนนั้นตั้งแต่บิดาตายตลอดมา ดังนี้ เรียกได้ว่าบุตรยอมรับสภาพต่อผู้ซื้อซึ่งเป็นเจ้าหนี้ อายุความย่อมสะดุดหยุดลงตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 172

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 520/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับสภาพหนี้โดยการแสดงเจตนาชัดเจน และผลต่ออายุความ
การรับสภาพหนี้นั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา172 ตอนท้ายก็แสดงอยู่ชัดว่า ทำการอย่างใดอย่างหนึ่งอันปราศจากเคลือบแคลงสงสัย ตระหนักเป็นปริยายว่ายอมรับสภาพตามสิทธิเรียกร้องนั้น ก็ได้ จึงหาจำเป็นต้องทำเป็นหนังสือเสมอไปไม่
บิดาทำสัญญาขายเรือนให้เขา ครั้นต่อมาบิดาตายตนเป็นผู้รับมรดกและยอมรับจะโอนเรือนให้เขาตามสัญญาซื้อขายโดยวาจา และยังได้ยินยอมให้เขาครอบครองเรือนนั้นตั้งแต่บิดาตายตลอดมา ดังนี้ เรียกได้ว่าบุตรยอมรับสภาพต่อผู้ซื้อ ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ อายุความย่อมสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 478/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกล้างโมฆียะกรรมต้องทำภายใน 1 ปี นับแต่วันที่รู้เหตุ หากเกินกำหนด สิทธิขาดอายุความ
การขอบอกล้างโมฆียะกรรมนั้น จะต้องกระทำภายในกำหนด 1 ปี นับแต่เวลาที่จะอาจให้สัตยาบันได้
โจทก์รู้การโอน อันเป็นโมฆียะกรรมมากว่า 1 ปี แต่โจทก์ไม่กล่าวในฟ้องหรือนำสืบให้ชัดว่า โจทก์เพิ่งทราบเหตุการหลอกลวงภายหลังใน 1 ปีก่อนบอกล้างดังนี้สันนิษฐานว่าโจทก์รู้เหตุบอกล้าง ตั้งแต่วันที่ทราบถึงการโอน โจทก์บอกล้างไม่ได้เพราะเกิน 1 ปีแล้ว
of 577