คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ขอบเขต

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 651 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1411/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตคำฟ้องอาญา: การระบุเจตนาและผลของการกระทำ
บรรยายฟ้องว่าจำเลยบังอาจใช้ขวดสุราตีศีรษะนายดำไม่มีบาดเจ็บ ขวดแตกเศษขวดกระเด็นไปถูกคอนางทิงเป็นแผลถึงบาดเจ็บเช่นนี้ย่อมต้องแปลว่า โจทก์มิได้ประสงค์จะฟ้องไปถึงว่าจำเลยทำร้ายนางทิงด้วยเป็นแต่พรรณาพฤติการณ์เข้ามาลอยๆ การที่นางทิงได้รับบาดเจ็บโดยจำเลยตั้งใจประสงค์ต่อผลหรืออาจแลเห็นผลเช่นนี้หรือไม่ โจทก์ไม่ได้ระบุยืนยันเพื่อเป็นข้อให้ศาลวินิจฉัย จึงไม่มีประเด็นในข้อนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 790/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตป่าคุ้มครองตามพระราชกฤษฎีกา ต้องพิจารณาจากท้องที่ระบุในกฤษฎีกา ไม่ใช่แผนที่ท้ายกฤษฎีกา
ต้องถือเอาท้องที่ตามที่ระบุในพระราชกฤษฎีกาเป็นสำคัญในการที่จะกำหนดให้ที่ใดเป็นป่าคุ้มครอง จะถือเขตตามที่ปรากฎในแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาใช้บังคับหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 789/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการผูกพันข้อเท็จจริงจากคดีอาญาในคดีแพ่ง: ประเด็นตรงเท่านั้นที่ผูกมัด
ในการพิพากษาคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาเฉพาะที่เป็นประเด็นโดยตรงในคดีอาญานั้นเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 239/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตอำนาจศาลในการเพิ่มโทษจำเลยเกินคำขอเดิม โดยอ้างเจตนาของผู้ฟ้อง
ในคดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัสตาม ม. 256 ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยผิดฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัสตาม ม. 256 วางกำหนดโทษจำคุก 6 เดือน
โจทก์ดอุทธรณ์ต่อมาขอให้ลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส ตาม ม. 256 เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังว่าบาดเจ็บไม่สาหัสก็มีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บไม่สาหัสตาม ม. 254 และเห็นสมควรจะวางอัตราโทษเท่าใดตามมาตรานี้ก็ได้ แม้จะเพิ่มกำหนดโทษเป็น 1 ปี 6 เดือนสูงกว่าศาลชั้นต้นก็ได้ เพราะไม่เป็นการเกินคำขอตามที่โจทก์ขอให้ลงโทษฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัสตาม มาตรา 256

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 239/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตอำนาจศาลอุทธรณ์ในการเพิ่มโทษจำเลย แม้ศาลชั้นต้นลงโทษในความผิดที่เบากว่า
ในคดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัสตาม มาตรา 256 ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยผิดฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บไม่สาหัสตามมาตรา 254 วางกำหนดโทษจำคุก 6 เดือน
โจทก์อุทธรณ์ต่อมาขอให้ลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัสตาม มาตรา 256 เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังว่าบาดเจ็บไม่สาหัสก็มีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บไม่สาหัส ตาม มาตรา 254และเห็นสมควรจะวางอัตราโทษเท่าใดตามมาตรานี้ก็ได้แม้จะเพิ่มกำหนดโทษเป็น 1 ปี 6 เดือนสูงกว่าศาลชั้นต้นก็ได้ เพราะไม่เป็นการเกินคำขอตามที่โจทก์ขอให้ลงโทษฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัสตาม มาตรา 256 นั้นไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1683/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความและขอบเขตการบังคับคดี: ศาลอนุญาตบังคับคดีหนี้จากทรัพย์สินอื่นได้หากสัญญาไม่จำกัดเฉพาะทรัพย์จำนอง
เดิมโจทก์ฟ้องบังคับจำนอง ที่สุดโจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความโดยจำเลยยอมชำระให้โจทก์ภายใน 6 เดือน ศาลจึงพิพากษาบังคับให้เป็นไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความแล้ว จำเลยผิดสัญญาตามยอม โจทก์นำยึดทรัพย์จำเลยได้ไม่พอชำระหนี้ ดังนี้เมื่อในสัญญาประนีประนอมยอมความมิได้กล่าวว่าจะบังคับเอาชำระหนี้ได้แต่เฉพาะทรัพย์สินที่จำนองกันไว้แล้วโจทก์ก็ชอบที่จะบังคับเอาชำระหนี้ตามคำพิพากษาจากทรัพย์ใดๆ ของจำเลยได้
อนึ่งเมื่อจำเลยปล่อยให้มีการบังคับคดีไปตามคำพิพากษาส่วนหนึ่งแล้วจะยกเอาเหตุว่าจำเลยถูกหลอกลวงให้ทำสัญญาประนีประนอมขึ้นในชั้นฎีกาไม่ได้ เหตุดังกล่าวจำเลยชอบที่จะอุทธรณ์คำพิพากษาตามยอมนั้นเสียในชั้นอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 138

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1683/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตบังคับคดีตามสัญญาประนีประนอม และการยกเหตุถูกหลอกลวงในชั้นฎีกา
เดิมโจทก์ฟ้องบังคับจำนอง ที่สุดโจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความโดยจำเลยยอมชำระให้โจทก์ภายใน 6 เดือน ศาลจึงพิพากษาบังคับให้เป็นไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความแล้ว จำเลยผิดสัญญาตามยอม โจทก์นำยึดทรัพย์จำเลยได้ไม่พอชำระหนี้ ดังนี้เมื่อในสัญญาประนีประนอมยอมความมิได้กล่าวว่าจะบังคับเอาชำระหนี้ได้แต่เฉพาะทรัพย์สินที่จำนองกันไว้แล้วโจทก์ก็ชอบที่จะบังคับเอาชำระหนี้ตามคำพิพากษาจากทรัพย์ใดๆ ของจำเลยได้
อนึ่งเมื่อจำเลยปล่อยให้มีการบังคับคดีไปตามคำพิพากษาส่วนหนึ่งแล้วจะยกเอาเหตุว่าจำเลยถูกหลอกลวงให้ทำสัญญาประนีประนอมขึ้นในชั้นฎีกาไม่ได้ เหตุดังกล่าวจำเลยชอบที่จะอุทธรณ์คำพิพากษาตามยอมนั้นเสียในชั้นอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 138

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1012/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการวินิจฉัยคดีตามข้อตกลงร่วม: ศาลจำกัดเฉพาะประเด็นที่คู่ความตกลงกันไว้เท่านั้น
การที่ " คู่ความตกลงกันสืบข้อเท็จจริงในประเด็นเพียงข้อเดียวว่า โจทก์ได้ชำระเงินค่าไถ่ถอนที่พิพาทให้แก่นายหมาแดงบิดาจำเลยแล้วหรือยัง ถ้าฟังข้อเท็จจริงว่าชำระแล้ว ให้โจทก์ชนะคดี ถ้ายังไม่ชำระให้ยกฟ้อง " ดังนี้ก็มีข้อที่พึงวินิจฉัยเฉพาะข้อที่ตกลงกันไว้เพียงข้อเดียวเท่านั้น
ส่วนข้อที่โจทก์กล่าวอ้างว่าจำเลยทราบว่าโจทก์รบกวนสิทธิตั้งแต่เดือนกันยายน 2495 แล้วเพิกเฉยไม่จัดการฟ้องร้องเพื่อปลดเปลื้องการรบกวนภายใน 1 ปี จำเลยย่อมขาดสิทธิในที่พิพาทนั้น เป็นเรื่องที่จะฟังข้อเท็จจริงว่าอย่างไร หาใช่เป็นข้อกฎหมายดังโจทก์อ้างไม่และเป็นเรื่องนอกประเด็นที่ตกลงกันไว้ ศาลไม่จำต้องวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 403/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการเพิ่มโทษจำคุกตามมาตรา 72 และการลดโทษตามมาตรา 36 แห่งกฎหมายลักษณะอาญา
ตามมาตรา 36 แห่งกฎหมายลักษณะอาญาที่ว่าจะเพิ่มโทษจำคุกจำเลย ให้จำเลยต้องจำคุกเกินกว่า 20 ปีไม่ได้นั้นถ้าศาลวางโทษจำคุก 20 ปี เพิ่มโทษขึ้นไปแล้ว ลดลงคงจำคุกไม่เกินกว่า 20 ปีดังนี้ ย่อมทำได้ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 36 (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 4/2497)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2101/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตความหมายของ 'ข้าว' ใน พ.ร.บ.สำรวจกักกันข้าว: ข้าวสารเหนียวไม่อยู่ในข่าย
ข้าวสารเหนียว ไม่รวมอยู่ในความหมายของคำว่า "ข้าว"ตาม พระราชบัญญัติสำรวจกักกันข้าว (อ้างฎีกาที่ 72/2492)
of 66