พบผลลัพธ์ทั้งหมด 635 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 810/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้เช่าโรงเรือนในที่ดินเช่าถือเป็นบริวารของผู้เช่ารายเดิม เจ้าของที่ดินมีสิทธิขับไล่ได้
ศาลพิพากษาขับไล่ผู้เช่าที่ดินศาลบังคับขับไล่ได้ตลอดถึงผู้ที่เช่าโรงเรือนของผู้เช่าที่ดินซึ่งถือว่าเป็นบริวารของผู้เช่าด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 807/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผัดเวลาออกจากที่เช่า ไม่ถือเป็นการเช่าใหม่ สิทธิขับไล่ยังคงมี
คณะกรรมการควบคุมค่าเช่ามีมติยินยอมให้ผู้ให้เช่าเข้าอยู่ในที่เช่าแล้วผู้ให้เช่ายังยอมให้ผู้เช่าอยู่ต่อไปโดยผู้เช่าทำหนังสือขอผัดว่าจะออกไปใน 3 เดือนนับแต่สามีผู้ให้เช่ากลับจากต่างจังหวัดหรือถ้าขายบ้านได้ก่อนจะออกโดยเร็ว ดังนี้ ไม่ผูกมัดผู้ให้เช่าที่จะต้องยอมให้อยู่ไปตามที่ผัด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 532-533/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิการเช่าและอำนาจฟ้องขับไล่: เจ้าของใหม่ไม่ต้องบอกเลิกสัญญาเช่าเดิม
การบอกเลิกสัญญาเช่าที่ไม่มีอายุตาม มาตรา 566,569 นั้น
เมื่อเจ้าของเดิมได้บอกเลิกกับผู้เช่าแล้ว ผู้เช่าจึงไม่อยู่ในฐานะผู้เช่าต่อไป ต่อมาเจ้าของเดิมได้โอนตึกเช่าไปให้เจ้าของคนใหม่ๆ ไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวเลิกสัญญาเช่ากับผู้เช่าอีก ก็มีอำนาจฟ้องขับไล่ผู้เช่าได้
เมื่อเจ้าของเดิมได้บอกเลิกกับผู้เช่าแล้ว ผู้เช่าจึงไม่อยู่ในฐานะผู้เช่าต่อไป ต่อมาเจ้าของเดิมได้โอนตึกเช่าไปให้เจ้าของคนใหม่ๆ ไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวเลิกสัญญาเช่ากับผู้เช่าอีก ก็มีอำนาจฟ้องขับไล่ผู้เช่าได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1636-1639/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความกับการบังคับคดีขับไล่: การตีความขอบเขตระยะเวลาเช่า
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยจากที่ของโจทก์ ชั้นพิจารณาคู่ความตกลงกันว่าโจทก์ยอมให้จำเลยเช่าต่อไป 2 ปี แม้ในสัญญาประนีประนอมจะมิได้ระบุว่าเมื่อครบ 2 ปี แล้วจำเลยจะต้องยอมออกไปก็ตาม ก็ต้องตีความตามสัญญานั้นว่าเมื่อครบ 2 ปีแล้วจำเลยก็ต้องออกไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1611/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องขับไล่ของผู้เช่าร่วม กรณีจำเลยอาศัยอยู่โดยไม่เป็นผู้เช่าช่วง
ข้อเท็จจริงได้ความว่าโจทก์และบิดาโจทก์ได้ร่วมกันเช่าที่พิพาทมาจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และจำเลยไม่ได้เช่าช่วงที่พิพาทจากบิดาโจทก์ บิดาโจทก์ได้แจ้งให้โจทก์ทราบว่าให้จำเลยอาศัย โจทก์ไม่ได้ทักท้วงต้องถือว่าโจทก์ยินยอมด้วย ต่อมาบิดาโจทก์ตายโจทก์ได้บอกให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปแล้ว แม้โจทก์จะไม่ได้เป็นผู้จัดการมรดกของบิดาโจทก์ๆก็ฟ้องขับไล่จำเลยได้ เพราะจำเลยอยู่ในฐานะอาศัยโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1591/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกเลิกสัญญาเช่านาเพื่อทำเองก่อนฤดูทำนา การคุ้มครองตาม พรบ.ควบคุมค่าเช่านา และสิทธิในการฟ้องขับไล่
สัญญาเช่านาทำก่อนใช้ พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่านา เจ้าของนาบอกเลิกเมื่อใช้ พระราชบัญญัติ แล้ว โดยบอกเลิกก่อนฤดูทำนา 2 เดือน เพื่อเข้าทำนาเองได้ โดยไม่จำต้องให้ผู้เช่านายินยอม คำเปรียบเทียบของกรมการอำเภอให้ผู้เช่าทำนาต่อไป ไม่ผูกมัดเจ้าของผู้ให้เช่านา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1398/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิและหน้าที่ของผู้เช่าตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า การผิดนัดชำระค่าเช่า และสิทธิของเจ้าของบ้านในการฟ้องขับไล่
เดิมเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2494 โจทก์เคยฟ้องขับไล่จำเลยโดยอ้างว่าจำเลยเป็นผู้อาศัยนายเป่งส่ำนายเป่งส่ำได้ออกจากห้องพิพาทไปแล้ว จำเลยไม่มีสิทธิอยู่ต่อไป คดีนั้นจำเลยต่อสู้ว่าจำเลยเองเป็นผู้เช่าจากโจทก์และได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ ศาลฎีกาพิพากษาว่าจำเลยเป็นผู้เช่าและได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ พิพากษายกฟ้องโจทก์ตามคำพิพากษาฎีกาที่1356/2496ซึ่งอ่านให้โจทก์จำเลยฟังเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2497
ดังนี้จำเลยมีหน้าที่ต้องชำระค่าเช่าตั้งแต่เดิมคือตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2494(วันที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยอาศัย)ตลอดมา จะอ้างว่าระหว่างพิจารณาคดีเรื่องก่อน (ตั้งแต่ ก.พ. 94 ถึงวันฟังคำพิพากษาศาลฎีกา 24 เม.ย. 97) จำเลยไม่ต้องชำระเพราะคดีนั้นโจทก์ฟ้องว่าจำเลยอาศัย โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าเช่านั้นไม่ได้
จำเลยกลับนำค่าเช่าสำหรับเดือนมกราคม กับเดือนกุมภาพันธ์2497 รวม 2 เดือนไปชำระโจทก์โดยถือว่าโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกย้อนหลังขึ้นไปจากนี้ เมื่อโจทก์ไม่ยอมรับจึงไม่ใช่ความผิดของโจทก์ และพฤติการณ์เช่นนี้แสดงว่าจำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าแล้ว ทั้งต่อมาเดือนเมษายนโจทก์ส่งคนไปเก็บค่าเช่าที่ค้างทั้งหมดรวม 39 เดือนจำเลยก็ไม่ชำระโจทก์เตือนอีกจำเลยก็ไม่ชำระ ดังนี้เรียกว่าจำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าเช่ามากกว่า 2 คราวติดๆ กันตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ มาตรา 16(1) แล้ว โจทก์มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยได้
ดังนี้จำเลยมีหน้าที่ต้องชำระค่าเช่าตั้งแต่เดิมคือตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2494(วันที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยอาศัย)ตลอดมา จะอ้างว่าระหว่างพิจารณาคดีเรื่องก่อน (ตั้งแต่ ก.พ. 94 ถึงวันฟังคำพิพากษาศาลฎีกา 24 เม.ย. 97) จำเลยไม่ต้องชำระเพราะคดีนั้นโจทก์ฟ้องว่าจำเลยอาศัย โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าเช่านั้นไม่ได้
จำเลยกลับนำค่าเช่าสำหรับเดือนมกราคม กับเดือนกุมภาพันธ์2497 รวม 2 เดือนไปชำระโจทก์โดยถือว่าโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกย้อนหลังขึ้นไปจากนี้ เมื่อโจทก์ไม่ยอมรับจึงไม่ใช่ความผิดของโจทก์ และพฤติการณ์เช่นนี้แสดงว่าจำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าแล้ว ทั้งต่อมาเดือนเมษายนโจทก์ส่งคนไปเก็บค่าเช่าที่ค้างทั้งหมดรวม 39 เดือนจำเลยก็ไม่ชำระโจทก์เตือนอีกจำเลยก็ไม่ชำระ ดังนี้เรียกว่าจำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าเช่ามากกว่า 2 คราวติดๆ กันตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ มาตรา 16(1) แล้ว โจทก์มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1398/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่ชำระค่าเช่าของผู้เช่า แม้มีการต่อสู้คดีก่อนหน้า และการผิดนัดชำระค่าเช่าเป็นเหตุให้ถูกขับไล่
เดิมเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2494 โจทก์เคยฟ้องขับไล่จำเลยโดยอ้างว่าจำเลยเป็นผู้อาศัยนายเป่งส่ำนายเป่งส่ำได้ออกจากห้องพิพาทไปแล้ว จำเลยไม่มีสิทธิอยู่ต่อไป คดีนั้นจำเลยต่อสู้ว่าจำเลยเองเป็นผู้เช่าจากโจทก์และได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ ศาลฎีกาพิพากษาว่าจำเลยเป็นผู้เช่าและได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ พิพากษายกฟ้องโจทก์ตามคำพิพากษาฎีกาที่1356/2496ซึ่งอ่านให้โจทก์จำเลยฟังเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2497
ดังนี้จำเลยมีหน้าที่ต้องชำระค่าเช่าตั้งแต่เดิมคือตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2494(วันที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยอาศัย)ตลอดมา จะอ้างว่าระหว่างพิจารณาคดีเรื่องก่อน (ตั้งแต่ ก.พ. 94 ถึงวันฟังคำพิพากษาศาลฎีกา 24 เม.ย. 97) จำเลยไม่ต้องชำระเพราะคดีนั้นโจทก์ฟ้องว่าจำเลยอาศัย โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าเช่านั้นไม่ได้
จำเลยกลับนำค่าเช่าสำหรับเดือนมกราคม กับเดือนกุมภาพันธ์2497 รวม 2 เดือนไปชำระโจทก์โดยถือว่าโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกย้อนหลังขึ้นไปจากนี้ เมื่อโจทก์ไม่ยอมรับจึงไม่ใช่ความผิดของโจทก์ และพฤติการณ์เช่นนี้แสดงว่าจำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าแล้ว ทั้งต่อมาเดือนเมษายนโจทก์ส่งคนไปเก็บค่าเช่าที่ค้างทั้งหมดรวม 39 เดือนจำเลยก็ไม่ชำระโจทก์เตือนอีกจำเลยก็ไม่ชำระ ดังนี้เรียกว่าจำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าเช่ามากกว่า 2 คราวติดๆ กันตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ มาตรา 16(1) แล้ว โจทก์มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยได้
ดังนี้จำเลยมีหน้าที่ต้องชำระค่าเช่าตั้งแต่เดิมคือตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2494(วันที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยอาศัย)ตลอดมา จะอ้างว่าระหว่างพิจารณาคดีเรื่องก่อน (ตั้งแต่ ก.พ. 94 ถึงวันฟังคำพิพากษาศาลฎีกา 24 เม.ย. 97) จำเลยไม่ต้องชำระเพราะคดีนั้นโจทก์ฟ้องว่าจำเลยอาศัย โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าเช่านั้นไม่ได้
จำเลยกลับนำค่าเช่าสำหรับเดือนมกราคม กับเดือนกุมภาพันธ์2497 รวม 2 เดือนไปชำระโจทก์โดยถือว่าโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกย้อนหลังขึ้นไปจากนี้ เมื่อโจทก์ไม่ยอมรับจึงไม่ใช่ความผิดของโจทก์ และพฤติการณ์เช่นนี้แสดงว่าจำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าแล้ว ทั้งต่อมาเดือนเมษายนโจทก์ส่งคนไปเก็บค่าเช่าที่ค้างทั้งหมดรวม 39 เดือนจำเลยก็ไม่ชำระโจทก์เตือนอีกจำเลยก็ไม่ชำระ ดังนี้เรียกว่าจำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าเช่ามากกว่า 2 คราวติดๆ กันตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ มาตรา 16(1) แล้ว โจทก์มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1346-1347/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องไม่เคลือบคลุม-สิทธิในการคัดค้านพยาน-ค่าขึ้นศาล: ศาลฎีกาพิพากษายืนคดีขับไล่และให้คืนค่าขึ้นศาลเกิน
ฟ้องโจทก์มีข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหา 2 ประการ แม้ข้ออ้างอันหนึ่งจะไม่แสดงแจ้งชัดเป็นฟ้องเคลือบคลุม แต่ข้อหาอีกข้อหนึ่งไม่เคลือบคลุม ฟ้องของโจทก์ก็หาเสียไปทั้งฉบับไม่
ฟ้องที่อ้างว่าจำเลยให้เช่าช่วงบ้านแต่มิได้ระบุว่าให้ใครเช่า เช่าเมื่อใด ค่าเช่าเท่าใดนั้น หาเป็นฟ้องที่เคลือบคลุมไม่
การคัดค้านการที่ผู้มีหน้าที่นำสืบภายหลังไม่ถามค้านพยานของคู่ความฝ่ายที่มีหน้าที่นำสืบก่อนนั้น จะต้องคัดค้านเสียในขณะที่พยานของฝ่ายสืบภายหลังกำลังเบิกความ จะมาคัดค้านในชั้นอุทธรณ์ฎีกาไม่ได้
คดีฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายด้วย ซึ่งเมื่อคำนวณเงินค่าขึ้นศาลตามจำนวนค่าเสียหายแล้วเป็นเงินไม่เกิน 15 บาทคู่ความคงต้องเสียค่าขึ้นศาลเพียง 15 บาทเท่านั้น
ฟ้องที่อ้างว่าจำเลยให้เช่าช่วงบ้านแต่มิได้ระบุว่าให้ใครเช่า เช่าเมื่อใด ค่าเช่าเท่าใดนั้น หาเป็นฟ้องที่เคลือบคลุมไม่
การคัดค้านการที่ผู้มีหน้าที่นำสืบภายหลังไม่ถามค้านพยานของคู่ความฝ่ายที่มีหน้าที่นำสืบก่อนนั้น จะต้องคัดค้านเสียในขณะที่พยานของฝ่ายสืบภายหลังกำลังเบิกความ จะมาคัดค้านในชั้นอุทธรณ์ฎีกาไม่ได้
คดีฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายด้วย ซึ่งเมื่อคำนวณเงินค่าขึ้นศาลตามจำนวนค่าเสียหายแล้วเป็นเงินไม่เกิน 15 บาทคู่ความคงต้องเสียค่าขึ้นศาลเพียง 15 บาทเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1320/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิอาศัยที่ไม่จดทะเบียน & การโอนสมยอม: อำนาจฟ้องขับไล่
สิทธิอาศัยเป็นทรัพย์สิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ถ้าไม่จดทะเบียนตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 ย่อมไม่บริบูรณ์
โจทก์ฟ้องขับไล่ จำเลยว่ามีสิทธิอาศัยตลอดชีวิตตามสัญญาที่ทำไว้กับเจ้าของเดิมและสู้ว่าโจทก์ได้รับโอนมาไม่ชอบด้วยกฎหมาย ดังนี้แม้จะปรากฏว่าสิทธิอาศัยที่จำเลยอ้างนั้นไม่ได้จดทะเบียน ซึ่งเจ้าของเดิมมีสิทธิบอกเลิกการให้อาศัยได้ก็ตาม ก็ยังมีประเด็นที่จะวินิจฉัยต่อไปว่าโจทก์ได้รับโอนมาชอบด้วยกฎหมายแล้วหรือยังหากจำเลยสืบสมก็เท่ากับว่าโจทก์ยังไม่ใช่เจ้าของซึ่งไม่มีอำนาจฟ้องยังไม่ควรสั่งงดสืบพยานควรจะได้ฟังพยานในประเด็นข้อนี้ต่อไป
โจทก์ฟ้องขับไล่ จำเลยว่ามีสิทธิอาศัยตลอดชีวิตตามสัญญาที่ทำไว้กับเจ้าของเดิมและสู้ว่าโจทก์ได้รับโอนมาไม่ชอบด้วยกฎหมาย ดังนี้แม้จะปรากฏว่าสิทธิอาศัยที่จำเลยอ้างนั้นไม่ได้จดทะเบียน ซึ่งเจ้าของเดิมมีสิทธิบอกเลิกการให้อาศัยได้ก็ตาม ก็ยังมีประเด็นที่จะวินิจฉัยต่อไปว่าโจทก์ได้รับโอนมาชอบด้วยกฎหมายแล้วหรือยังหากจำเลยสืบสมก็เท่ากับว่าโจทก์ยังไม่ใช่เจ้าของซึ่งไม่มีอำนาจฟ้องยังไม่ควรสั่งงดสืบพยานควรจะได้ฟังพยานในประเด็นข้อนี้ต่อไป