พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,314 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1939/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของเจ้าหนี้ในการฟ้องทายาทของผู้กู้เพื่อชำระหนี้
ป. กู้เงินไปจากโจทก์ เมื่อ ป. ตายโจทก์มีสิทธิฟ้องจำเลยในฐานะทายาทของ ป. ให้ชำระหนี้เงินกู้ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1737 โดยชั้นนี้ไม่จำต้องพิจารณาว่า จำเลยได้รับมรดกของ ป. หรือไม่ เพราะเป็นเรื่องที่จะต้องว่ากล่าวกันในชั้นบังคับคดีตามมาตรา 1601,1738 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 189/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความคดีมรดกและการครอบครองทรัพย์มรดกแทนทายาทอื่น ศาลตัดสินว่าฟ้องเกินอายุความ
การครอบครองทรัพย์มรดกจะเป็นการครอบครองแทนทายาทคนอื่นด้วยหรือไม่ ย่อมแล้วแต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในแต่ละคดีว่า พฤติการณ์ใดบ้างที่แสดงให้เห็นว่าจำเลยครอบครองทรัพย์มรดก แทนทายาทอื่นหรือครอบครองเพื่อตนเอง เพราะไม่มีกฎหมาย สนับสนุนว่าใครครอบครองทรัพย์มรดกแล้วถือว่าครอบครองแทนทายาท อื่น เมื่อเจ้ามรดกตายตั้งแต่ปี 2525 โจทก์มาฟ้องเมื่อปี 2530 เกิน 1 ปี คดีโจทก์ขาดอายุความ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 189/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองทรัพย์มรดกและการขาดอายุความฟ้องร้องแบ่งมรดก
การที่ทายาทคนหนึ่งครอบครองทรัพย์มรดกไว้นั้น ไม่มีกฎหมายสนับสนุนว่าเป็นการครอบครองแทนทายาทอื่นด้วย กรณีจะเป็นการครอบครองทรัพย์มรดกไว้แทนทายาทอื่นหรือครอบครองไว้เพื่อตนเองย่อมแล้วแต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในแต่ละคดี เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์ทั้งสามไม่ได้ครอบครอง ทรัพย์มรดกแต่จำเลยเป็นผู้ครอบครองซึ่งเป็นการครอบครองไว้เพื่อ ตนเอง มิได้ครอบครองไว้แทนโจทก์ทั้งสามซึ่งเป็นทายาทด้วย โจทก์ทั้งสามฟ้องขอแบ่งทรัพย์มรดกที่พิพาทเมื่อพ้นกำหนด 1 ปี นับแต่ จ้ามรดกตาย คดีของโจทก์ทั้งสามจึงขาดอายุความ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1754.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1342/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องขับไล่ซ้ำ: คำพิพากษาถึงที่สุดเรื่องมรดกผูกพันคู่ความเดิม โจทก์ฟ้องทายาทโดยธรรมไม่ได้
ศาลวินิจฉัยในคดีก่อนว่าที่ดินที่พิพาทเป็นมรดกของ ม.เป็นคำพิพากษาที่วินิจฉัยถึงความเป็นเจ้าของที่ดินที่พิพาทของทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกของ ม. คำพิพากษานั้นย่อมผูกพันโจทก์ซึ่งเป็นคู่ความในคดีก่อน การที่โจทก์ฟ้องจำเลยซึ่งเป็นบุตรของ ม. และมีสิทธิรับมรดกของ ม. เป็นคดีหลังขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาทโดยมิได้แสดงสิทธิอื่นขึ้นใหม่เช่นนี้ คดีหลังเป็นฟ้องผิดซ้ำกับคดีเดิม ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 148.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1342/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ-ขาดอำนาจฟ้อง: คดีเดิมวินิจฉัยเจ้าของที่ดินแล้ว โจทก์ฟ้องทายาทอีกครั้งถือเป็นการฟ้องซ้ำ
คดีก่อนซึ่งโจทก์ฟ้อง ส. ในฐานะผู้จัดการมรดกของ ม.เป็นจำเลย ศาลได้พิพากษาว่าที่ดินพิพาทเป็นมรดกของ ม.เป็นการวินิจฉัยถึงความเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทของทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกของ ม. คำพิพากษานั้นย่อมผูกพันโจทก์ซึ่งเป็นคู่ความในคดีก่อน เมื่อคดีดังกล่าวถึงที่สุดแล้วการที่โจทก์มาฟ้องจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นบุตรของ ม. และมีสิทธิรับมรดกของ ม.ขอให้ขับไล่จำเลยทั้งสองออกจากที่ดินพิพาท โดย มิได้แสดงสิทธิอื่นขึ้นใหม่ จึงเป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 148 และแม้จำเลยที่ 1 จะมิได้เป็นทายาทของ ม. แต่จำเลยที่ 1 ต่อสู้คดีโดย อ้างว่าเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทร่วมกับจำเลยที่ 2จึงเป็นคำให้การที่อาศัยสิทธิของจำเลยที่ 2 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1288/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เงินโครงการผลประโยชน์เมื่อออกจากงานเป็นมรดก ไม่ใช่สินสมรส ระเบียบบริษัทจ่ายให้ภริยาและทายาทที่ระบุได้
เงินตามโครงการผลประโยชน์เมื่อออกจากงานซึ่งนายจ้างจะจ่ายให้แก่ลูกจ้างเมื่อออกจากงานเป็นเงินของลูกจ้าง ถ้าลูกจ้างยังไม่ตายและออกจากงาน นายจ้างก็ต้องจ่ายเงินดังกล่าวให้แก่ลูกจ้างตามระเบียบข้อบังคับของนายจ้าง เมื่อลูกจ้างตายเงินดังกล่าวจึงเป็นมรดกของผู้ตาย มิใช่สินสมรสระหว่างผู้ตายกับภริยา ระเบียบข้อบังคับของนายจ้างในการจ่ายเงินตามโครงการผลประโยชน์เมื่อออกจากงานที่กำหนดให้ภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายมีสิทธิได้รับไปครึ่งหนึ่ง กับบุคคลที่ลูกจ้างระบุไว้ในหนังสือรับรองทายาทอีกครึ่งหนึ่งนั้น ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน มีผลใช้บังคับได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1287/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความมรดก: การจัดการทรัพย์มรดกโดยผู้จัดการมรดกแต่ผู้เดียว และการยินยอมของทายาท ทำให้ขาดอายุความเรียกร้อง
ขณะ บ. ซึ่งเป็นมารดาโจทก์และจำเลยทั้งสามตาย บุตรทุกคนไม่ได้อยู่กับ ท. ซึ่งเป็นบิดาและ บ. ขณะนั้นจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นบุตรคนสุดท้องอายุ 19 ปีเศษ โจทก์และบุตรคนอื่น บรรลุนิติภาวะหมดแล้วนอกจากที่ดินพิพาทแล้ว ท. และ บ. ยังมีทรัพย์สินร่วมกันอีกหลายอย่างเมื่อ บ. ตาย ท. ได้เข้าจัดการทรัพย์สินทุกอย่างรวมทั้งได้ขอรับมรดกที่ดินของ บ. ลงชื่อ ท. ถือกรรมสิทธิ์ไว้คนเดียว และได้จดทะเบียนให้จำเลยทั้งสามถือ กรรมสิทธิ์รวมในที่ดินพิพาท แสดงว่า ท.ได้ถือตนว่าเป็นเจ้าของทรัพย์สินทั้งส่วนของตนและส่วนที่เป็น มรดกของ บ. แต่ผู้เดียวตลอดมามิได้ครอบครองที่ดินพิพาทไว้แทนบุตรด้วยแต่ประการใด โจทก์และบุตรทุกคนต่างยินยอมรับปฏิบัติตามต่อการกระทำของ ท.มาแต่ต้นไม่เคยคัดค้านการจัดการทรัพย์สินของท.เลย โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อเกินสิบปีนับแต่ บ. ตาย สิทธิเรียกร้องของโจทก์ในทรัพย์มรดกของ บ. จึงเป็นอันขาดอายุความ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 วรรคสุดท้าย โจทก์ ไม่มีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมที่ ท. ยกที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยทั้งสาม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1265/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้กรรมสิทธิ์ที่ดินจากการครอบครองปรปักษ์หลังเปลี่ยนลักษณะการครอบครองจากตัวแทนทายาทเป็นเจ้าของ
เดิมที่ดินพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของนาง จ. นาง จ. มีบุตร3 คน คือนายวัน นายเวียนและนายวาย นางจ. นายวันและนายวาน ถึงแก่กรรมไปแล้วโดยนาง จ. ถึงแก่กรรมไปก่อน หลังจากนาง จ. ถึงแก่กรรมนายเวียนครอบครองที่ดินพิพาทตลอดมาจนปี 2504 จึงยกที่ดินพิพาทให้แก่ผู้ร้อง การที่ผู้คัดค้านซึ่งเป็นบุตรของนายวันและนายวานได้ไปขอนายเวียนทำนาในที่ดินพิพาทก่อนเกิดข้อพิพาทประมาณ 20 ปี แต่นายเวียนไม่ยินยอมอ้างว่า นาง จ. ยกให้แล้วถือได้ว่านายเวียนได้เปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือครอบครองที่ดินพิพาทซึ่งเป็นมรดกของนาง จ. ในฐานะครอบครองแทนทายาทอื่นมาเป็นการครอบครองเพื่อตนเองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1381 เมื่อนายเวียนยกที่ดินดังกล่าวให้แก่ผู้ร้อง และผู้ร้องครอบครองที่ดินดังกล่าวโดยความสงบเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเกินกว่า 10 ปีแล้ว ผู้ร้องจึงได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1204/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองแทนทายาทอื่นและอายุความมรดก ศาลยืนตามคำสั่งเดิม ผู้จัดการมรดกต้องแบ่งทรัพย์ให้ทายาท
ศาลมีคำสั่งตั้งให้จำเลยเป็นผู้จัดการมรดก แม้จำเลยจะได้ครอบครองที่ดินพิพาททั้งสองแปลงแต่ผู้เดียวตลอดมา ก็ต้องถือว่าจำเลยครอบครองแทนทายาทอื่นด้วย จำเลยจะยกอายุความ 1 ปีตาม ป.พ.พ. มาตรา 1754 มาใช้บังคับหาได้ไม่ คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 113/2535 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้จัดการมรดกจดทะเบียนโอนทรัพย์สินเป็นของตนเองโดยทุจริต ทำให้เกิดความเสียหายแก่ทายาท
จำเลยเป็นผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาล มีหน้าที่จัดการแบ่งปันทรัพย์มรดกให้แก่ทายาทตามสิทธิของแต่ละคน (ไม่มีสิทธิจดทะเบียนโอนมรดกที่ดินพิพาทมาเป็นของจำเลยแต่เพียงผู้เดียว การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรณีที่จำเลยซึ่งได้รับมอบหมายให้จัดการทรัพย์สินของผู้อื่นตามคำสั่งศาลกระทำหน้าที่ด้วยการจดทะเบียนโอนทรัพย์สินนั้นเป็นของตนจนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินของผู้นั้น)ทายาทส่วนใหญ่ไม่รู้มาก่อนว่าจำเลยได้ยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกเพราะได้มอบ-หมายให้โจทก์ร่วมเป็นผู้จัดการแบ่งปันทรัพย์มรดก เอกสารหลักฐานทรัพย์มรดกทั้งหมดโจทก์ร่วมเป็นผู้เก็บรักษาไว้ ซึ่งจำเลยก็รู้เห็น แต่จำเลยกลับไปแจ้งความว่าตราจองที่ดินพิพาทสูญหาย ขอให้เจ้าพนักงานที่ดินออกใบแทน แล้วจำเลยได้จดทะเบียนโอนมรดกที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยแต่เพียงผู้เดียวโดยอ้างว่าควรจะเป็นของจำเลยจำเลยไม่ยินยอมที่จะให้เอาชื่อทายาทอื่นเป็นผู้รับมรดกร่วมกับจำเลย แสดงให้เห็นว่าจำเลยกระทำผิดหน้าที่ในฐานะเป็นผู้จัดการมรดกด้วยการจดทะเบียนโอนทรัพย์มรดกที่ดินพิพาทเป็นของตน จึงเป็นการกระทำโดยทุจริต มีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 353ประกอบด้วย มาตรา 354