พบผลลัพธ์ทั้งหมด 787 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1625/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีแพ่งหลังคดีอาญา ยกฟ้องในข้อหาบุกรุก ไม่ตัดสิทธิโจทก์ในการพิพาทสิทธิในที่ดิน
โจทก์เคยฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญา กล่าวหาว่าบุกรุกที่พิพาทศาลพิพากษายกฟ้องคดีถึงที่สุดแล้ว ในคำพิพากษาคดีอาญานั้นยังมิได้ชี้ขาดว่าที่พิพาทเป็นของใคร เป็นแต่กล่าวสรุปว่าเมื่อข้อเท็จจริงยังฟังเป็นยุติไม่ได้ว่าเป็นที่ดินของโจทก์และจำเลยอ้างว่าซื้อที่พิพาทมาจากผู้มีชื่อมูลคดีเป็นเรื่องแย่งสิทธิในที่ดินซึ่งเป็นเรื่องที่จะต้องว่ากล่าวกันในทางแพ่ง จึงยกฟ้องดังนี้โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องคดีแพ่งอ้างว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ห้ามมิให้จำเลยเกี่ยวข้องกับที่พิพาทได้ เพราะประเด็นที่ว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือไม่ คำพิพากษาในคดีอาญายังมิได้วินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1625/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีแพ่งหลังคดีอาญาบุกรุกยกฟ้อง ศาลมิได้วินิจฉัยเรื่องกรรมสิทธิ์
โจทก์เคยฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญา กล่าวหาว่าบุกรุกที่พิพาทศาลพิพากษายกฟ้องคดีถึงที่สุดแล้ว ในคำพิพากษาคดีอาญานั้น ยังมิได้ชี้ขาดว่าที่พิพาทเป็นของใคร เป็นแต่กล่าวสรุปว่าเมื่อข้อเท็จจริงยังฟังเป็นยุติไม่ได้ว่าเป็นที่ดินของโจทก์และจำเลยอ้างว่าซื้อที่พิพาทมาจากผู้มีชื่อมูลคดีเป็นเรื่องแย่งสิทธิในที่ดินซึ่งเป็นเรื่องที่จะต้องว่ากล่าวกันในทางแพ่ง จึงยกฟ้องดังนี้ โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องคดีแพ่งอ้างว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ มิให้จำเลยเกี่ยวข้องกับที่พิพาทได้ เพราะประเด็นที่ว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือไม่ คำพิพากษาในคดีอาญายังมิได้วินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 246/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกเคหสถานโดยไม่มีหมายค้นและเจตนา ผู้ใหญ่บ้านมีความผิดฐานบุกรุก
จำเลยเป็นผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ได้รับแจ้งจาก บ. ให้ติดตามสืบถามขอคืนไม้ที่หายจากโจทก์ว่า เห็นโจทก์เอาไม้ไป จำเลยกับพวกก็เข้าค้นเรือนโจทก์รื้อข้าวของกระจัดกระจาย ทั้งนี้ โดยไม่มีหมายค้น บิดาโจทก์ห้ามก็ไม่ฟัง ทั้งไม่ได้ความแน่ชัดด้วยว่า ไม้นั้นอยู่ในเรือนโจทก์ ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาบุกรุกเรือนโจทก์แล้ว ไม่เข้าข้อยกเว้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 92(4)(5) แต่การกระทำของจำเลยเป็นการเข้าไปในเคหสถานในความครอบครองของผู้อื่นโดยไม่มีเหตุอันสมควรเท่านั้น ไม่อาจถือได้ว่าจำเลยมีเจตนารบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์โดยปกติสุขด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2347/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองในที่เช่าสิ้นสุดเมื่อผู้เช่ายอมออกจากห้อง ผู้บุกรุกจึงไม่มีความผิดฐานบุกรุก
ห้องพิพาทและที่ดินเป็นของจำเลยที่ 1 สามีโจทก์ที่1เป็นแต่เพียงผู้เช่าโดยมีโจทก์ที่ 1 และโจทก์ที่ 2 ซึ่งเป็นภรรยาและบุตรเป็นบริวาร จำเลยที่ 1 เคยฟ้องขับไล่โจทก์ที่ 1 และสามีออกจากห้องพิพาท ทนายของสามีโจทก์ที่ 1 แถลงต่อศาลว่าผู้เช่ารับว่าจะไม่ไปเกี่ยวข้องกับห้องพิพาทอีกต่อไป ดังนี้โจทก์ทั้งสองซึ่งเป็นบริวารจึงไม่มีสิทธิอันใดในห้องพิพาทการที่โจทก์ทั้งสองเข้าอยู่ในห้องต่อไปจึงเป็นการเข้าอยู่โดยละเมิด ไม่มีสิทธิครอบครอง และไม่มีการครอบครองตามความในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362 ฉะนั้นความผิดฐานบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ต่อห้องพิพาท จึงไม่อาจเกิดแก่จำเลยซึ่งบุกรุกเข้าไปรื้อห้องพิพาทได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2347/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองโดยละเมิดและการมีสิทธิในทรัพย์สิน: การบุกรุกและการทำให้เสียทรัพย์เมื่อผู้ครอบครองไม่มีสิทธิ
ห้องพิพาทและที่ดินเป็นของจำเลยที่ 1 สามีโจทก์ที่1 เป็นแต่เพียงผู้เช่าโดยมีโจทก์ที่ 1 และโจทก์ที่ 2 ซึ่งเป็นภรรยาและบุตรเป็นบริวาร จำเลยที่ 1 เคยฟ้องขับไล่โจทก์ที่ 1 และสามีออกจากห้องพิพาท ทนายของสามีโจทก์ที่ 1 แถลงต่อศาลว่าผู้เช่ารับว่าจะไม่ไปเกี่ยวข้องกับห้องพิพาทอีกต่อไป ดังนี้ โจทก์ทั้งสองซึ่งเป็นบริวารจึงไม่มีสิทธิอันใดในห้องพิพาท การที่โจทก์ทั้งสองเข้าอยู่ในห้องต่อไปจึงเป็นการเข้าอยู่โดยละเมิด ไม่มีสิทธิครอบครอง และไม่มีการครอบครองตามความในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362 ฉะนั้น ความผิดฐานบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ต่อห้องพิพาทจึงไม่อาจเกิดแก่จำเลยซึ่งบุกรุกเข้าไปรื้อห้องพิพาทได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2223/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตนเองและทรัพย์สินจากการบุกรุกจับปลาในที่ดินส่วนตัวโดยกลุ่มบุคคลจำนวนมาก
บริเวณแถบบ้านจำเลยมีโจรผู้ร้ายชุกชุมมาก ที่เกิดเหตุเป็นหนองขังน้ำที่มิใช่หนองสาธารณะ ใช้เป็นบ่อเลี้ยงปลาของจำเลย อยู่ในที่ดินที่จำเลยครอบครองและอยู่ไม่ไกลจากเรือนจำเลย ก่อนเกิดเหตุราว 10 วัน เครื่องสูบน้ำที่ขอบหนองหายไป คืนเกิดเหตุมืดมองเห็นกันไม่ถนัดโจทก์กับพวกราว 20 คนไปลักลอบหาปลาที่หนองน้ำดังกล่าวจำเลยกับพวกอีกหนึ่งคนเดินไปเงียบๆ เพื่อดูเหตุการณ์เมื่อมาใกล้ที่เกิดเหตุ จำเลยได้ยินเสียงคนลักลอบหาปลามีจำนวนมาก จึงยิงปืนขู่ขึ้น 1 นัด พวกหาปลาแตกตื่น หลายคนวิ่งมาทางจำเลย ไม่รู้ว่าใครเป็นใครและไม่รู้ว่าผู้ใดมีอาวุธติดมือมาบ้าง ทำให้จำเลยเข้าใจว่าพวกที่ลักลอบจับปลาซึ่งกำลังวิ่งมานั้นจะเข้ามาทำร้ายตน จำเลยจึงใช้ปืนยิงสุ่มๆ ไป 1 นัด (ถูกโจทก์บาดเจ็บสาหัส) แล้วยิงขึ้นฟ้าอีก 1 นัดโดยไม่ได้ยิงซ้ำเติมไปยังพวกโจทก์อีก ถือได้ว่าเป็น การป้องกันตัวจำเลยให้พ้นภยันตรายที่ใกล้จะถึงที่พอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1561/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกเคหสถานและการข่มขู่: เหตุผลอันสมควรในการเข้าไป และเจตนาทำร้ายร่างกายไม่ใช่การรบกวนการครอบครอง
จำเลยเข้าไปในบ้านผู้เสียหายเพื่อพูดกับผู้เสียหายถึงการรื้อบ้านของผู้เสียหายซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินที่ผู้เสียหายกับจำเลย ตกลงกันให้จำเลยซื้อคืน ดังนี้ ถือไม่ได้ว่าจำเลยเข้าไปโดย ไม่มีเหตุอันสมควร
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยบุกรุกเข้าไปในบ้านอันเป็นเคหสถานของผู้เสียหาย และใช้ปืนบังคับขู่ว่าจะยิงทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของ ผู้เสียหายโดยปกติสุข ดังนี้ แสดงว่าจำเลยมีเจตนาทำร้ายร่างกายผู้เสียหายจะถือว่าจำเลยกระทำการอันเป็นการรบกวนการครอบครอง อสังหาริมทรัพย์ไม่ได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยบุกรุกเข้าไปในบ้านอันเป็นเคหสถานของผู้เสียหาย และใช้ปืนบังคับขู่ว่าจะยิงทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของ ผู้เสียหายโดยปกติสุข ดังนี้ แสดงว่าจำเลยมีเจตนาทำร้ายร่างกายผู้เสียหายจะถือว่าจำเลยกระทำการอันเป็นการรบกวนการครอบครอง อสังหาริมทรัพย์ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 819/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกที่ดินพิพาท: เจตนาและความชัดเจนของกรรมสิทธิ์
คดียังไม่ได้ความชัดว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือของนางพอนจำเลยเข้าไปทำนาในที่พิพาทโดยนางพอนให้เข้าไปทำ จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานบุกรุก ตามนัยฎีกาที่ 253/2510
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 819/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกที่ดิน: ความผิดฐานบุกรุกต้องมีเจตนาและที่ดินต้องชัดเจนว่าเป็นของผู้อื่น
คดียังไม่ได้ความชัดว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือของนางพอนจำเลยเข้าไปทำนาในที่พิพาทโดยนางพอนให้เข้าไปทำ จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานบุกรุก ตามนัยฎีกาที่ 253/2510
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 26/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: คดีซื้อขายที่ดินพิพาทเดิมชี้ขาดแล้ว การฟ้องเรื่องบุกรุกจึงเป็นฟ้องซ้ำ
คดีก่อนโจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ทำหนังสือสัญญาจะขายที่ดิน คือ ที่พิพาทในคดีนี้ให้โจทก์ ศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยฟังว่า ลายมือชื่อผู้ขายไม่ใช่ลายเซ็นที่แท้จริงของจำเลยสำหรับคดีนี้แม้โจทก์จะฟ้องว่าจำเลยบุกรุกที่ดินโจทก์และขอเรียกค่าเสียหายก็ดี ก็คงได้ความตามฟ้องของโจทก์ว่าที่โจทก์อ้างว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ก็โดยโจทก์ถือว่าจำเลยได้ขายขาดที่พิพาทให้โจทก์แล้วเช่นเดียวกัน มูลเหตุที่โจทก์อ้างว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ก็คงอาศัยเหตุอย่างเดียวกับที่ศาลได้พิพากษาชี้ขาดมาแล้ว ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องซ้ำ