คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ประกันภัย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 702 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3536/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประกันภัย: การใช้รถโดยอู่ไม่ใช่ผลโดยตรงของการเกิดความเสียหายจากผู้อื่น
สัญญาประกันภัยระบุไว้ว่า "การประกันภัยนี้ไม่คุ้มครองความเสียหายใดๆ ต่อรถยนต์ อันเกิดจากการใช้โดยบุคคลของอู่เมื่อรถยนต์ได้มอบให้อู่ทำการซ่อม เว้นแต่การซ่อมนั้นบริษัท(จำเลย) เป็นผู้สั่งหรือให้ความยินยอม"นั้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ล. ช่างซ่อมรถของอู่นำรถของโจทก์ที่นำไปซ่อมออกไปขับแล้ว ท. ขับรถกินทางเข้ามาชนรถโจทก์ในช่องทางวิ่งของรถโจทก์ทำให้รถโจทก์เสียหาย ความเสียหายที่เกิดขึ้นจึงเกิดจากความผิดของ ท. การใช้รถของ ล. มิใช่เป็นผลโดยตรงให้เกิดความเสียหายจำเลยจะอ้างสัญญาดังกล่าวมาเป็นข้อปฏิเสธความรับผิดหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 331/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยินยอมให้จอดรถในปั๊มน้ำมัน และอำนาจในการรับช่วงสิทธิของบริษัทประกันภัย
การที่จำเลยยินยอมให้บุคคลอื่นนำรถเข้าไปจอดในบริเวณปั๊มน้ำมันของจำเลย โดยปั๊มได้รับเงินค่าจอดเป็นประโยชน์ตอบแทนเมื่อปั๊มปิดจะมีรั้วเหล็กปิดกั้นหน้าปั๊มใส่กุญแจมีคนเฝ้าปั๊มไว้ด้วย พฤติการณ์ดังกล่าวย่อมถือได้ว่าทางปั๊มได้รับมอบทรัพย์สินไว้เพื่อดูแลเก็บรักษาไว้ในอารักขาของตน เป็นการรับฝากทรัพย์ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 657 แม้ทางปั๊มจะมีประกาศว่าให้เช่าเป็นที่จอดรถ รวมทั้งระบุข้อความในใบรับเงินและเงื่อนไขต่าง ๆ ซึ่งไม่ต้องรับผิดก็เป็นการกระทำของจำเลยฝ่ายเดียว บุคคลภายนอก มิได้มีข้อตกลงตามนั้น อันจะทำให้เกิดผลเปลี่ยนแปลงการปฏิบัติ ของจำเลยที่ 1 ไปในรูปลักษณะของนิติกรรมอย่างอื่น ซึ่งไม่ใช่ลักษณะ ของการรับฝากทรัพย์
ตามกรมธรรม์ประกันภัยกำหนดให้บริษัทอยู่ยนต์ จำกัดเป็นผู้มีสิทธิที่จะได้รับค่าเสียหาย บริษัทดังกล่าวจึงอยู่ในฐานะของผู้รับประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันภัย เมื่อโจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนเพราะความวินาศภัยอันเกิดจากการกระทำของบุคคลอื่นแล้ว โจทก์ย่อมมีอำนาจที่จะเข้ารับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยและผู้รับประโยชน์ซึ่งมีต่อบุคคลภายนอกได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 880

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3005/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัย: การจำกัดความรับผิดต่อจำนวนผู้เสียหาย และการพิจารณาใบอนุญาตขับขี่
โจทก์ฟ้องบริษัทประกันภัยจำเลยที่ 4 ให้รับผิดตามสัญญากรมธรรม์ประกันภัยไม่ได้ฟ้องในฐานะเป็นนายจ้างจำเลยที่1 ฉะนั้นที่จำเลยที่ 4 ฎีกาว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 3 จึงไม่เป็นประเด็นแห่งคดีโดยตรงระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 4 จำเลย ที่ 4 จะยกขึ้นเป็นประเด็นต่อสู้แทนจำเลยที่ 3 หาได้ไม่ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 มีใบอนุญาตประจำเครื่องอุปกรณ์การขนส่งที่หมดอายุการอนุญาต จะถือว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้รับอนุญาตประจำเครื่องอุปกรณ์การขนส่งหาได้ไม่เพราะว่าเพียงแต่จำเลยที่ 1 ขาดต่อใบอนุญาตยังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ขับขี่รถโดยไม่มีใบอนุญาตหรือเคยได้รับใบอนุญาตแต่ถูกตัดสิทธิตามกฎหมาย
ข้อความในสัญญากรมธรรม์ประกันภัยมีว่า จำเลยที่ 4 จำกัดความรับผิดไม่เกิน 50,000 บาทต่อหนึ่งคน ไม่เกิน 50,000 บาทต่อหนึ่งครั้งนั้น ต้องหมายความว่าแม้มีผู้เสียหายหลายคนในครั้งเดียวกัน ค่าเสียหายที่จำเลยที่ 4 ต้องจ่ายก็คงไม่เกินวงเงิน 50,000 บาท ผู้มีสิทธิได้รับค่าเสียหายก็ต้องแบ่งเฉลี่ยกันตามส่วนของความเสียหายที่ได้รับนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3005/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตความรับผิดของกรมธรรม์ประกันภัย: การจำกัดวงเงินต่อคน/ครั้ง และการพิจารณาความเสียหายรวม
โจทก์ฟ้องบริษัทประกันภัยจำเลยที่ 4 ให้รับผิดตามสัญญากรมธรรม์ประกันภัยไม่ได้ฟ้องในฐานะเป็นนายจ้างจำเลยที่1 ฉะนั้นที่จำเลยที่ 4 ฎีกาว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 3 จึงไม่เป็นประเด็นแห่งคดีโดยตรงระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 4 จำเลย ที่ 4 จะยกขึ้นเป็นประเด็นต่อสู้แทนจำเลยที่ 3 หาได้ไม่ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 มีใบอนุญาตประจำเครื่องอุปกรณ์การขนส่งที่หมดอายุการอนุญาต จะถือว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้รับอนุญาตประจำเครื่องอุปกรณ์การขนส่งหาได้ไม่เพราะว่าเพียงแต่จำเลยที่ 1 ขาดต่อใบอนุญาตยังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ขับขี่รถโดยไม่มีใบอนุญาตหรือเคยได้รับใบอนุญาตแต่ถูกตัดสิทธิตามกฎหมาย
ข้อความในสัญญากรมธรรม์ประกันภัยมีว่า จำเลยที่ 4 จำกัดความรับผิดไม่เกิน 50,000 บาทต่อหนึ่งคน ไม่เกิน50,000 บาทต่อหนึ่งครั้งนั้น ต้องหมายความว่าแม้มีผู้เสียหายหลายคนในครั้งเดียวกัน ค่าเสียหายที่จำเลยที่ 4ต้องจ่ายก็คงไม่เกินวงเงิน 50,000 บาท ผู้มีสิทธิได้รับค่าเสียหายก็ต้องแบ่งเฉลี่ยกันตามส่วนของความเสียหายที่ได้รับนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2949/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับช่วงสิทธิของบริษัทประกันภัย: โจทก์ขาดสิทธิเรียกร้องจากจำเลยในส่วนที่ได้รับชดใช้ค่าสินไหม
รถของโจทก์ถูกรถของจำเลยชนได้รับความเสียหายบริษัทประกันภัยซึ่งรับประกันภัยรถของโจทก์ไว้ได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์แล้วบริษัทประกันภัยย่อมเข้ารับช่วงสิทธิของโจทก์ในอันที่จะใช้สิทธิเรียกร้องจากจำเลยเท่าจำนวนค่าสินไหมทดแทนที่ได้ใช้ไปและการเข้าสู่ ฐานะเป็นผู้รับช่วงสิทธินี้เป็นไปด้วยอำนาจของกฎหมายแม้บริษัทประกันภัยจะยังไม่ได้ใช้สิทธิเรียกร้องจากจำเลยตามสิทธิที่ได้รับช่วงมาโจทก์ก็ขาดสิทธิที่จะเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยในส่วนที่ได้รับชดใช้จากบริษัทประกันภัยเพราะสิทธิเรียกร้องดังกล่าวบริษัทประกันภัยได้รับช่วงไปแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2793/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่แจ้งความทันทีหลังรถถูกลัก ทำให้เสียสิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนตามกรมธรรม์ประกันภัย
อ.ได้เอาประกันภัยรถยนต์ไว้แก่บริษัทจำเลย ในกรมธรรม์ประกันภัยได้กำหนดเงื่อนไขไว้ว่า เมื่อมีการกระทำผิดในทางอาญาซึ่งทำให้เกิดสิทธิเรียกร้องตามกรมธรรม์ประกันภัย ผู้เอาประกันภัยจะต้องแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยไม่ชักช้า ต่อมารถยนต์ที่เอาประกันภัยไว้ได้ถูกคนร้ายลักไป อ.แน่ใจในทันทีว่าส.เป็นผู้ลักไปแต่อ.เพิ่งจะไปแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจหลังจากที่รถถูกลักไปแล้ว 14 วัน ซึ่งอาจเกิดผลเสียหายแก่จำเลยได้ ดังนี้ถือได้ว่า อ.มิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัย จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2730/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องบริษัทประกันภัยกรณีรถชน: ผู้รับประกันภัยต้องรับผิดตามกรมธรรม์เมื่อผู้เอาประกันภัยประมาท
ขณะเกิดเหตุรถชนกันอันเป็นมูลกล่าวหาว่าจำเลยที่ 1ขับรถประมาทกระทำละเมิดต่อโจทก์ จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นนายจ้างต้องร่วมรับผิดในค่าเสียหายให้แก่โจทก์ จำเลยที่ 3 ได้รับประกันภัยค้ำจุนรถยนต์คันที่เกิดเหตุชนไว้กับจำเลยที่ 2 ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 887 โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องให้จำเลยที่ 3 ร่วมรับผิดในค่าเสียหายตามที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยให้แก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2648/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้รับประกันภัยค้ำจุน กรณีลูกจ้างประมาทเลินเล่อในการปฏิบัติงานตามที่ได้รับมอบหมาย
ความวินาศภัยได้เกิดขึ้นเพราะความประมาทของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 กระทำไปในทางการที่จ้างจึงถือไม่ได้ว่าเหตุเกิดขึ้นเพราะความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของจำเลยที่ 2 ผู้เอาประกันภัยจำเลยที่ 3 ผู้รับประกันภัยค้ำจุนต้องร่วมรับผิดด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2573/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้รถประกันภัยรับจ้างบรรทุกของถือเป็นการผิดเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัย จำเลยไม่ต้องรับผิดค่าสินไหมทดแทน
โจทก์นำรถบรรทุกประกันภัยไว้กับบริษัทจำเลย มีข้อสัญญาว่าหากรถที่เอาประกันภัยสูญหาย จำเลยยอมใช้ค่าสินไหมทดแทน แต่มีเงื่อนไขยกเว้นห้ามใช้รถดังกล่าวรับจ้างหรือให้เช่า ถ้าผิดเงื่อนไขจำเลยไม่ต้องรับผิดระหว่างระยะเวลาประกันภัยมีผู้มาติดต่อกับ ส. หุ้นส่วนคนหนึ่งของโจทก์ว่าจ้างให้นำรถดังกล่าวไปบรรทุกของ ส.ตกลงรับจ้างคิดค่าจ้าง 1,400 บาท รับมัดจำไว้ 200 บาท แล้วสั่งให้ ค. คนขับรถของโจทก์ไปบรรทุกของตามที่ตกลงในวันนัดบรรทุกของ ขณะที่ ค. จอดรถรอบรรทุกของตามที่ตกลงว่าจ้างอยู่ มีชายคนหนึ่งมาบอกให้ ค. ไปรับค่าจ้างอีก 1,200 บาท ณ สถานที่อีกแห่งหนึ่ง เมื่อ ค. กลับมายังที่ซึ่งจอดรถไว้ ปรากฏว่ารถหายไป ดังนี้ ถือได้ว่าสัญญาจ้างได้เกิดขึ้นแล้ว การที่โจทก์ให้นำรถไปจอดรอรับของก็เพื่อให้สำเร็จตามที่ได้รับจ้างมา มิใช่เพียงจะรับจ้างจึงถือได้ว่ารถหายระหว่างโจทก์เอาไปรับจ้างบรรทุกของให้ผู้อื่น เป็นการผิดเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัย จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1848/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของนายจ้างต่อการละเมิดของลูกจ้างและผลของการโอนการครอบครองรถยนต์ของผู้เอาประกันภัย
เมื่อจำเลยที่ 2 นายจ้างของจำเลยที่ 1 นำรถยนต์บรรทุกซึ่งจำเลยที่ 1 ขับประจำ เข้าร่วมในกิจการของบริษัทจำเลยที่ 3 บริษัทจำเลยที่ 3 ย่อมอยู่ในฐานะเป็นนายจ้างของจำเลยที่ 1 ด้วย จำเลยที่ 3 ต้องร่วมรับผิดในฐานะเป็นนายจ้าง มิใช่ในฐานะตัวการฉะนั้น การที่จำเลยที่ 3 ผู้เอาประกันภัยรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุโอนการครอบครองรถยนต์ให้จำเลยที่ 2 ตามสัญญาเช่าซื้อ โดยไม่บอกกล่าวให้จำเลยที่ 4 ผู้รับประกันภัยทราบ ก็ไม่เป็นเหตุให้จำเลยที่ 4 พ้นจากความรับผิดตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 875 วรรคสอง
of 71