คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ป้องกันตัว

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 883 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 600/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย: จำเลยถูกรุมทำร้ายจึงใช้ปืนยิงเพื่อป้องกันตนเอง ศาลฎีกาตัดสินให้ยกฟ้อง
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยถูกรุมทำร้ายด้วยอาวุธในเวลากลางคืน จำเลยเข้าใจว่าทั้งถูกตีและถูกฟันไม่อาจรู้ได้ว่าจะเป็นอันตรายสักเพียงไหน จำเลยจึงใช้ปืนยิงไปยังกลุ่มคนที่ทำร้าย กระสุนถูกผู้ตายถึงแก่ความตาย ซึ่งจำเลยเองก็ไม่รู้ว่ากระสุนปืนถูกผู้ใด ดังนี้ถือได้ว่าจำเลยกระทำการป้องกันตัวในการที่คนกลุ่มนั้นทำร้าย และไม่มีอาวุธอื่นใช้ต่อสู้ได้ การป้องกันของจำเลยที่ใช้ปืนยิง เป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ จำเลยจึงไม่มีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 600/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวโดยเจตนาในการใช้ปืนต่อสู้เมื่อถูกรุมทำร้ายในเวลากลางคืน และการพิจารณาความพอสมควรแห่งเหตุ
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยถูกรุมทำร้ายด้วยอาวุธในเวลากลางคืนจำเลยเข้าใจว่าทั้งถูกตีและถูกฟันไม่อาจรู้ได้ว่าจะเป็นอันตรายสักเพียงไหนจำเลยจึงใช้ปืนยิงไปยังกลุ่มคนที่ทำร้าย กระสุนถูกผู้ตายถึงแก่ความตายซึ่งจำเลยเองก็ไม่รู้ว่ากระสุนปืนถูกผู้ใดดังนี้ถือได้ว่าจำเลยกระทำการป้องกันตัวในการที่คนกลุ่มนั้นทำร้าย และไม่มีอาวุธอื่นใช้ต่อสู้ได้การป้องกันของจำเลยที่ใช้ปืนยิงเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุจำเลยจึงไม่มีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 415/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการวิวาทและการป้องกันตัวที่ไม่สมเหตุผล
ผู้ตายกับจำเลยด่าว่ากันแล้วผู้ตายใช้จอบตีจำเลยแต่ผิด จอบติดดิน ผู้ตายต้องใช้เวลาดึงจอบประมาณ 1 นาที ขณะที่จอบผู้ตายติดดินอยู่นี้ จำเลยมีโอกาสที่จะหลีกเลี่ยงไปได้ถ้าจำเลยไม่สมัครใจจะวิวาทกับผู้ตาย การที่จำเลยใช้จอบตีผู้ตายโดยแรงเช่นนี้แสดงว่าจำเลยมีเจตนาจะทำร้ายผู้ตายอันเนื่องมาจากการด่าว่ากันอย่างรุนแรง และเกิดโมโหขึ้นมา ทั้งจำเลยและผู้ตายต่างถือจอบเป็นอาวุธพร้อมที่จะทำร้ายกันได้ พอฝ่ายผู้ตายตีจำเลยผิด จำเลยก็ตีผู้ตายได้ทันที จึงเป็นเรื่องสมัครใจวิวาทกัน จะอ้างว่ากระทำไปเพื่อป้องกันสิทธิหาได้ไม่
จำเลยใช้จอบซึ่งยาวประมาณ 1 วา คมจอบกว้างประมาณ6 นิ้วฟุต ตีผู้ตายที่ศีรษะโดยแรง มีบาดแผล 2 แห่ง คือ ที่กลางกระหม่อมกว้าง 13 เซนติเมตร ยาว 18 เซนติเมตร กระโหลกศีรษะแตก และที่ขมับขวาแผลกว้าง 2 เซนติเมตร ยาว 9 เซนติเมตรกระโหลกศีรษะร้าว ตามลักษณะเช่นนี้ เห็นได้ว่าจำเลยย่อมเล็งเห็นผลแห่งการกระทำได้ว่าอาจทำให้ถึงตายได้ จึงฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 411/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ: การแทงเพื่อป้องกันภัยคุกคาม และเจตนา
ขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางคืน ผู้ตายเป็นน้องสาวจำเลย จำเลยพูดสั่งสอนผู้ตาย ผู้ตายโกรธและโดดเข้าไปจะทำร้ายจำเลยโดยผู้ตายไม่มีอาวุธอะไร จำเลยคว้าได้มีดและแทงไป 1 ที ถูกผู้ตายที่ซอกคอ แผลลึก 3 นิ้วครึ่ง ถือไม่ได้ว่าจำเลยสมัครใจจะวิวาทต่อสู้ทำร้ายซึ่งกันและกันกับผู้ตาย เห็นได้ว่าจำเลยกระทำไปเพื่อป้องกันตัวให้พ้นภยันตรายที่ใกล้จะถึง แต่การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 411/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ: การแทงเพื่อป้องกันตัวในเวลากลางคืนและความร้ายแรงของบาดแผล
ขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางคืน ผู้ตายเป็นน้องสาวจำเลยจำเลยพูดสั่งสอนผู้ตาย ผู้ตายโกรธและโดดเข้าไปจะทำร้ายจำเลยโดยผู้ตายไม่มีอาวุธอะไร จำเลยคว้าได้มีดและแทงไป 1 ทีถูกผู้ตายที่ซอกคอ แผลลึก 3 นิ้วครึ่ง ถือไม่ได้ว่าจำเลยสมัครใจจะวิวาทต่อสู้ทำร้ายซึ่งกันและกันกับผู้ตาย เห็นได้ว่าจำเลยกระทำไปเพื่อป้องกันตัวให้พ้นภยันตรายที่ใกล้จะถึง แต่การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 334/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยมีเจตนาและร่วมกันกระทำความผิด แม้ผู้ถูกกระทำจะยิงก่อนแต่ไม่ถือว่าเป็นการป้องกันตัว
ในเวลากลางคืน จำเลยกับพวกถือปืนขึ้นไปหาผู้ตายบนเรือนของ ส. เพื่อจะทำร้ายผู้ตายเพราะความโกรธเคืองผู้ตายไปเบิกความเป็นพยานในคดีจำเลยปล้นทรัพย์ จนศาลพิพากษาจำคุกจำเลยและจำเลยอาฆาตไว้ และขึ้นไปยืนคุมในลักษณะจะทำร้ายผู้ตาย ถือว่าจำเลยกับพวกเป็นฝ่ายก่อเหตุขึ้นก่อน ผู้ตายใช้ปืนยิงต่อสู้ป้องกันตน เพราะจำเลยกับพวกใช้อาวุธปืนคนละกระบอกขู่ผู้ตาย แม้กระสุนปืนของผู้ตายจะลั่นออกไปก่อน จำเลยจะอ้างเหตุว่าจำเลยกระทำไปโดยป้องกันหาได้ไม่
แม้ผู้ตายถูกกระสุนปืนของพวกจำเลยยิง มิใช่กระสุนปืนที่จำเลยยิง ไม่เป็นเหตุให้จำเลยพ้นความผิดไปได้ เพราะจำเลยกับพวกร่วมขึ้นไปจะทำร้ายผู้ตาย เป็นการร่วมกันกระทำผิด จำเลยต้องมีความผิดฐานเป็นตัวการร่วมกันฆ่าผู้ตาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 321/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวจากการถูกทำร้ายด้วยอาวุธ ศาลพิพากษายืนตามอุทธรณ์ให้ยกฟ้อง
ผู้ตายเงื้อมีดพร้าเข้าไปหาจำเลย จำเลยถอยหลังหนี ผู้ตายยังตามเข้าไป พอจำเลยถอยไปสะดุดคันนา ผู้ตายยกมีดพร้าขึ้นจะฟัน จำเลยจึงใช้มีดพร้าฟันผู้ตาย 1 ทีถูกที่คอขาด การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 321/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวจากการถูกทำร้ายด้วยอาวุธ ศาลฎีกายืนยันการยกฟ้อง
ผู้ตายเงื้อมีดพร้าเข้าไปหาจำเลย จำเลยถอยหลังหนีผู้ตายยังตามเข้าไปพอจำเลยถอยไปสะดุดคันนาผู้ตายยกมีดพร้าขึ้นจะฟันจำเลยจึงใช้มีดพร้าฟันผู้ตาย 1 ทีถูกที่คอขาดการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 290/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพกพาอาวุธเข้าบ้านผู้อื่นยามวิกาล ไม่เป็นเหตุป้องกันตัวได้ แม้ถูกทำร้ายก่อน
การที่จำเลยพกอาวุธปืนเข้าไปในบริเวณรั้วบ้านผู้ตายในยามวิกาล นับได้ว่าเป็นการกระทำอันเป็นความผิดต่อกฎหมาย ผู้ตายเมื่อรู้ตัวว่าของหาย แลเห็นจำเลยก็เข้าใจว่าเป็นคนร้ายลักทรัพย์จึงฟันเอา แล้วจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย ดังนี้ ย่อมเห็นได้ว่าการที่จำเลยใช้ปืนยิงผู้ตาย เป็นผลจากการกระทำผิดกฎหมายดังกล่าว จำเลยหาอาจป้องกันภยันตรายที่เกิดขึ้นเพราะการกระทำของตนอันเป็นความผิดต่อกฎหมายได้ไม่ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 290/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพกพาอาวุธเข้าในเคหสถานของผู้เสียหาย และการป้องกันตัวที่ชอบด้วยกฎหมาย
การที่จำเลยพกอาวุธปืนเข้าไปในบริเวณรั้วบ้านผู้ตายในยามวิกาล นับได้ว่าเป็นการกระทำอันเป็นความผิดต่อกฎหมายผู้ตายเมื่อรู้ตัวว่าของหาย แลเห็นจำเลยก็เข้าใจว่าเป็นคนร้ายลักทรัพย์จึงฟันเอา แล้วจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย ดังนี้ ย่อมเห็นได้ว่าการที่จำเลยใช้ปืนยิงผู้ตาย เป็นผลจากการกระทำผิดกฎหมายดังกล่าวจำเลยหาอาจป้องกันภยันตรายที่เกิดขึ้นเพราะการกระทำของตนอันเป็นความผิดต่อกฎหมายไม่ได้การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
of 89