พบผลลัพธ์ทั้งหมด 790 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 601/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงโทษจากจำคุกเป็นปรับในคดีทำร้ายร่างกาย เนื่องจากพฤติการณ์ไม่ถึงขั้นทำร้ายร่างกายสาหัส
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยคนละ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297,83. ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ปรับจำเลยคนละ 500 บาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391 ดังนี้ โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้
ปัญหาที่ว่า จำเลยสมคบกับผู้อื่นทำร้ายผู้เสียหายหรือไม่เป็นปัญหาข้อเท็จจริง
ปัญหาที่ว่า จำเลยสมคบกับผู้อื่นทำร้ายผู้เสียหายหรือไม่เป็นปัญหาข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 405/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ร่วมกันกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา: การพิสูจน์เจตนาจากพฤติการณ์ร่วมกัน
จำเลยสองคนกับพวกอีกหนึ่งคนมีอาวุธปืนทุกคนขึ้นไปบนเรือนผู้ตายพร้อมกันและไปยืนอยู่ด้วยกันพร้อมที่จะช่วยเหลือกันได้ จำเลยคนหนึ่งยิงผู้ตาย แล้วจำเลยกับพวกก็พากันลงเรือนวิ่งหนีไปพร้อมกันในทางเดียวกัน พฤติการณ์เช่นนี้แสดงว่าจำเลยทั้งสองกับพวกได้ตั้งใจร่วมกันในการจะไปยิงผู้ตาย ถือว่าจำเลยทุกคนเป็นตัวการในการกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2504/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร่วมกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่น แม้จะให้การรับสารภาพแล้วเบิกความปฏิเสธ ศาลพิจารณาจากพฤติการณ์ที่ร่วมกันก่อเหตุ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยร่วมกับพวกที่หลบหนี ใช้ปืนยิงผู้ตายโดยเจตนาฆ่า แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพตามฟ้องก็อ้างตนเองเข้าเบิกความเป็นพยานว่าไม่ได้กระทำผิด โดยไม่ต้องถอนคำให้การเดิมได้
ผู้ตายเป็นหลานของ ท. ท. กับสามีไปทวงหนี้จากสามีจำเลยเกิดทะเลาะกันจนเกือบต่อสู้กัน ผู้ตายเข้าห้ามและว่าให้ไปพูดกันที่บ้านสามีจำเลย เมื่อไปพูดกันก็ทะเลาะกันอีกผู้ตายเข้าห้ามไว้อีกเมื่อผู้ตายกลับบ้านแล้ว หลังจากนั้น 1 ชั่วโมง จำเลยกับสามีและชายอีกคนหนึ่งมาร้องถามหาผู้ตาย พอผู้ตายออกมา ชายที่มากับจำเลยถามว่าคนไหนคือผู้ตาย จำเลยชี้มือบอก ชายคนนั้นก็ยิงผู้ตาย แล้วจำเลยกับพวกก็วิ่งหนีไปทางเดียวกัน ถือว่าจำเลยร่วมกระทำผิดฐานฆ่าผู้ตาย
ผู้ตายเป็นหลานของ ท. ท. กับสามีไปทวงหนี้จากสามีจำเลยเกิดทะเลาะกันจนเกือบต่อสู้กัน ผู้ตายเข้าห้ามและว่าให้ไปพูดกันที่บ้านสามีจำเลย เมื่อไปพูดกันก็ทะเลาะกันอีกผู้ตายเข้าห้ามไว้อีกเมื่อผู้ตายกลับบ้านแล้ว หลังจากนั้น 1 ชั่วโมง จำเลยกับสามีและชายอีกคนหนึ่งมาร้องถามหาผู้ตาย พอผู้ตายออกมา ชายที่มากับจำเลยถามว่าคนไหนคือผู้ตาย จำเลยชี้มือบอก ชายคนนั้นก็ยิงผู้ตาย แล้วจำเลยกับพวกก็วิ่งหนีไปทางเดียวกัน ถือว่าจำเลยร่วมกระทำผิดฐานฆ่าผู้ตาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2388/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่า vs. ฆ่าโดยทารุณโหดร้าย: การประเมินพฤติการณ์การกระทำเพื่อพิจารณาความผิดฐานพยายามฆ่า
จำเลยยิงผู้เสียหายถูกที่หลังนัดเดียว แทงที่หลังอีกหนึ่งที จนผู้เสียหายล้มลงและสลบ แล้วจำเลยแทงที่หน้าอกผู้เสียหายอีกหนึ่งที ผู้เสียหายไม่ตาย การกระทำของจำเลยเพียงเท่านี้ยังไม่เป็นการพยายามฆ่าโดยกระทำทารุณโหดร้าย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(5),80
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1955/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เหตุบรรเทาโทษจากพฤติการณ์การกระทำ แม้จำเลยมิได้อุทธรณ์ ศาลฎีกามีอำนาจปรับลดโทษได้
แม้ข้อนำสืบของจำเลยจะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่การพิจารณา และถือไม่ได้ว่าเป็นเหตุบรรเทาโทษ แต่พฤติการณ์การกระทำของจำเลยเข้าลักษณะเหตุอื่นซึ่งเป็นเหตุบรรเทาโทษประการหนึ่ง ที่ศาลจะถือเป็นเหตุลดโทษให้จำเลยได้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้วถึงแม้จำเลยจะมิได้ฎีกาปัญหาข้อนี้ขึ้นมา ศาลฎีกาก็มีอำนาจที่จะยกข้อที่เป็นคุณแก่จำเลยขึ้นปรับกำหนดโทษจำเลยใหม่ได้
ศาลอุทธรณ์ลดโทษให้จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 เพียงหนึ่งในสาม เมื่อศาลฎีกาเห็นสมควรก็มีอำนาจลดโทษให้ถึงกึ่งหนึ่งได้
ศาลอุทธรณ์ลดโทษให้จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 เพียงหนึ่งในสาม เมื่อศาลฎีกาเห็นสมควรก็มีอำนาจลดโทษให้ถึงกึ่งหนึ่งได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1806/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาโทษเด็กในคดีอาญา: ลดโทษตามอายุและพฤติการณ์, คำรับสารภาพมีผลต่อการพิจารณา
จำเลยอายุ 17 ปี ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุก 3 ปี 9 เดือนศาลอุทธรณ์เห็นว่ายังไม่สมควรลงโทษถึงจำคุก พิพากษา แก้ เป็นให้มอบตัวจำเลยแก่บิดามารดารับตัวไประวังมิให้จำเลยก่อเหตุร้ายขึ้นอีกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75 ประกอบด้วยมาตรา 74(2) ดังนี้ โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานปล้นทรัพย์และฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ศาลพิจารณาพฤติการณ์ร่วมกระทำผิดและเจตนาของผู้กระทำ
ในการปล้นทรัพย์และฆ่าคนตายนั้น ปรากฏว่าจำเลยที่ 3 เพียงแต่จับมือบุตรสาวผู้สายซึ่งยื่นอยู่ที่หน้าร้านที่เกิดเหตุไว้ ไม่ได้ร่วมกระทำการฆ่าผู้ตายด้วย ทั้งไม่ได้ความว่ารู้ว่าจำเลยอื่นเจตนาฆ่าผู้ตายมาแต่ต้น จึงมีความผิดฐานปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคท้ายเท่านั้น
ส่วนจำเลยที่ 2 ใช้ขวานตีศรีษะผู้ตาย 3 ที จำเลยที่ 1 ใช้ปืนสั้นจ่อยิงหน้าอกผู้ตาย 1 นัด ผู้ตายล้มลงถึงแก่ความตาย แล้วจำเลยที่ 1 และ ที่ 2 พากันไปเก็บเงินในลิ้นชักโต๊ะแล้วหลบหนีไป เป็นพฤติการณ์ที่เห็นได้ชัดว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ฆ่าผู้ตายเพื่อความสะดวกในการกระทำผิดฐานปล้นทรัพย์อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 นอกเหนือจากความผิดฐานปล้นทรัพย์ตามมาตรา 340 วรรคสุดท้ายด้วย
ส่วนจำเลยที่ 2 ใช้ขวานตีศรีษะผู้ตาย 3 ที จำเลยที่ 1 ใช้ปืนสั้นจ่อยิงหน้าอกผู้ตาย 1 นัด ผู้ตายล้มลงถึงแก่ความตาย แล้วจำเลยที่ 1 และ ที่ 2 พากันไปเก็บเงินในลิ้นชักโต๊ะแล้วหลบหนีไป เป็นพฤติการณ์ที่เห็นได้ชัดว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ฆ่าผู้ตายเพื่อความสะดวกในการกระทำผิดฐานปล้นทรัพย์อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 นอกเหนือจากความผิดฐานปล้นทรัพย์ตามมาตรา 340 วรรคสุดท้ายด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 132/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ร่วมกันพยายามฆ่าและข่มขู่เจ้าพนักงาน: การพิจารณาเจตนาจากพฤติการณ์
จำเลยทั้งสองพกปืนไปหาผู้เสียหาย จำเลยที่ 2 ควักปืนออกมาชี้ปากกระบอกปืนไปที่ผู้เสียหายแล้วถามจำเลยที่ 1 ว่า คนนี้ใช่ไหม จำเลยที่ 1 ใช้ปืนยิงผู้เสียหาย 3 นัด จำเลยที่ 2 ยิงปืนขู่ 1 นัด และพูดขู่ไม่ให้พวกผู้เสียหายติดตาม แล้วจำเลยทั้งสองพากันวิ่งหนีไป ดังนี้ จำเลยที่ 2 เป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่ 1 กระทำผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย
เมื่อตำรวจติดตามจับกุมจำเลยที่ 2 และแสดงตัวให้ทราบว่าเป็นตำรวจจำเลยที่ 2 จ้องปืนมาที่ตำรวจ แต่ไม่ยิงทั้ง ๆ ที่มีโอกาสยิงได้ ปล่อยให้ตำรวจกระโดดเข้าปัดปืนจากจำเลยจนปืนลั่นโดยไม่ปรากฏว่าปืนลั่นเพราะจำเลยมีเจตนายิง พฤติการณ์เช่นนี้แสดงว่าจำเลยที่ 2 จ้องปืนเพื่อขู่ตำรวจเท่านั้นยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 พยายามฆ่าเจ้าพนักงาน
เมื่อตำรวจติดตามจับกุมจำเลยที่ 2 และแสดงตัวให้ทราบว่าเป็นตำรวจจำเลยที่ 2 จ้องปืนมาที่ตำรวจ แต่ไม่ยิงทั้ง ๆ ที่มีโอกาสยิงได้ ปล่อยให้ตำรวจกระโดดเข้าปัดปืนจากจำเลยจนปืนลั่นโดยไม่ปรากฏว่าปืนลั่นเพราะจำเลยมีเจตนายิง พฤติการณ์เช่นนี้แสดงว่าจำเลยที่ 2 จ้องปืนเพื่อขู่ตำรวจเท่านั้นยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 พยายามฆ่าเจ้าพนักงาน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1224/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่า: การพิจารณาจากบาดแผล, พฤติการณ์ และอาการเมาสุราของผู้กระทำ
จำเลยใช้มีดปลายแหลมยาวทั้งด้ามและใบมีดประมาณ 1 คืบเฉพาะตัวมีดยาวประมาณครึ่งคืบ แทงผู้เสียหายที่หน้าอก อันเป็นอวัยวะส่วนสำคัญเพียงทีเดียว เป็นบาดแผลขนาด 1.5X1/2X1.5 เซนติเมตรแพทย์ลงความเห็นว่า แผลไม่ร้ายแรงที่จะทำให้ถึงแก่ความตายได้รักษาประมาณ 12 วันหาย ถ้าไม่มีโรคแทรก ดังนี้ ยังไม่พอฟังว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1224/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่า vs. ทำร้ายร่างกาย: การพิจารณาจากบาดแผลและพฤติการณ์
จำเลยใช้มีดปลายแหลมยาวทั้งด้ามและใบมีดประมาณ 1 คืบเฉพาะตัวมีดยาวประมาณครึ่งคืบแทงผู้เสียหายที่หน้าอกอันเป็นอวัยวะส่วนสำคัญเพียงทีเดียวเป็นบาดแผลขนาด 1.5X1/2X1.5 เซนติเมตร แพทย์ลงความเห็นว่า แผลไม่ร้ายแรงที่จะทำให้ถึงแก่ความตายได้รักษาประมาณ 12 วันหาย ถ้าไม่มีโรคแทรก ดังนี้ ยังไม่พอฟังว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย