คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
พิสูจน์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,273 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 563/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมกระทำความผิดข่มขืน การพิสูจน์เจตนาและความรับผิด
จำเลยที่ 4 ชวน ล. ไปเก็บผัก ไปถึงที่เกิดเหตุพบจำเลยที่ 1 ที่ 2และที่ 3 รออยู่. เมื่อจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 จะข่มขืนกระทำชำเรา ล.จำเลยที่ 4 ได้ปลีกตัวออกไปจากที่เกิดเหตุและกลับมาเมื่อจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ข่มขืนกระทำชำเรา ล.เสร็จแล้ว พฤติการณ์ของจำเลยที่ 4 ยังถือไม่ได้ว่าได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ข่มขืนกระทำชำเรา ล.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4094/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องลาภมิควรได้จากนิติกรรมโมฆะ: โจทก์ต้องพิสูจน์ความไม่รู้และไม่อยู่ในฐานะที่จะรู้ได้
เมื่อมีกฎหมายบัญญัติไว้แล้วว่า การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ถ้ามิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ท่านว่าเป็นโมฆะ จึงต้องถือว่าบุคคลทุกคนได้รู้ถึงบทบัญญัตินั้นแล้วผู้ใดอ้างว่า ไม่รู้จะต้องแสดงให้เห็นพฤติการณ์เฉพาะตัวเป็นพิเศษโดยแน่ชัดว่า ตนไม่รู้ และไม่อยู่ในฐานะที่อาจรู้ได้เช่นนั้น
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์รับซื้อฝากที่ดินจากจำเลยทำ หนังสือสัญญาขายฝากกันเองโดยมิได้จดทะเบียนการขายฝาก ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่โจทก์เพิ่งทราบจากทนายความว่าสัญญาขายฝากเป็นโมฆะ จึงฟ้องเรียกเงินค่าซื้อฝากคืนจากจำเลยฐานลาภมิควรได้ จำเลยให้การต่อสู้คดีหลายประการและว่าคดีของโจทก์ขาดอายุความแล้ว ดังนี้ปัญหาจึงมีว่าฝ่ายโจทก์ได้รู้ว่าตนมีสิทธิเรียกคืนเงินนั้นแต่เมื่อใด ปัญหาดังกล่าวโจทก์มีหน้าที่จะต้องสืบแสดงว่าโจทก์ไม่รู้และ ไม่อยู่ในฐานะที่อาจรู้ได้ว่านิติกรรมระหว่างโจทก์จำเลยเป็นโมฆะ อันเป็นปัญหาข้อเท็จจริงที่จะนำไปสู่การวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย ในข้อที่ว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่การที่ศาลชั้นต้น สั่งงดสืบพยานคู่ความและฟังว่าคดีโจทก์ขาดอายุความแล้ว จึงเป็นการไม่ชอบศาลฎีกาย่อมพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาแล้วพิพากษาใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3396/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ผลตรวจเลือดกลุ่มเพื่อพิสูจน์ว่าจำเลยมิได้เป็นผู้กระทำผิดฐานข่มขืน การรับฟังพยานผู้เชี่ยวชาญ และคำให้การที่ขัดแย้งกัน
การรับฟังความเห็นของผู้ชำนาญการพิเศษตามที่ทางโรงพยาบาลได้ทำการ เจาะเลือดผู้เสียหายจำเลยและทารก เพื่อตรวจหา กลุ่มเลือดแล้ว และระบุผลออกมาเมื่อผู้ตรวจคือผู้ชำนาญในการนี้และทำการตรวจถูกต้อง ตามหลักวิชาแพทย์แล้วมีการทำความเห็นแจ้งผลการตรวจมาและมี พนักงานสอบสวนเบิกความรับรอง เอกสารย่อมเป็นหลักฐานเพียงพอ ให้รับฟังได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 243 แล้ว ส่วนวรรคสองของมาตรา 243 ที่ว่าศาลจะให้ผู้ชำนาญการพิเศษทำความเห็น เป็นหนังสือก็ได้แต่ต้องให้มาเบิกความประกอบหนังสือด้วยนั้น บทบัญญัติดังกล่าวให้อำนาจศาลใช้ดุลพินิจ ที่จะทำหรือไม่ก็ได้ มิใช่เป็น บทบังคับเด็ดขาด เมื่อ ศาลมิได้สั่งให้ทำความเห็นเป็นหนังสือ ก็ย่อมไม่ต้องห้าม มิให้รับฟังความเห็นดังกล่าว
เมื่อจำเลยกับผู้เสียหายมีเลือดกลุ่ม บี.ผู้เสียหายคลอดทารก มีเลือดกลุ่มเอ. ดังนี้ทารกมิได้เกิดจากจำเลยกับผู้เสียหายจำเลยก็มิได้ เป็นผู้ข่มขืนกระทำชำเรา ผู้เสียหาย แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพชั้นจับกุม และให้การ ในชั้นสอบสวนว่าได้ใช้อวัยวะเพศถูไถอวัยวะเพศของผู้เสียหาย2 ครั้งก็ตาม แต่เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธชั้นศาล คำให้การดังกล่าว เป็นเพียงพยานบอกเล่าโดยลำพังหามีน้ำหนักให้รับฟังว่าจำเลยกระทำผิดไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3053/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความคดีค้าขาย: การพิสูจน์วัตถุประสงค์การซื้อสินค้าเพื่ออุตสาหกรรมจำเลยมีผลต่ออายุความ
โจทก์ประกอบการค้าพิมพ์หนังสือและสิ่งพิมพ์ต่างๆ กับ จำหน่ายเครื่องอุปกรณ์การพิมพ์ทุกชนิด ฟ้องเรียกราคาค่าอุปกรณ์การพิมพ์ที่จำหน่ายจากจำเลยโดยมิได้บรรยายฟ้องหรือนำสืบเลยว่า จำเลยซื้อสินค้าดังกล่าวไปเพื่อวัตถุประสงค์อย่างไรหรือเพื่อใช้ประกอบกิจการใด และตามทางนำสืบของจำเลยปรากฏว่าจำเลยประกอบกิจการค้าหลายอย่างหลายประการคำว่า "อุตสาหกรรม" ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา165(1) ตอนท้าย นั้น หมายถึงการประดิษฐ์หรือผลิตทำสิ่งของขึ้นให้เป็นสินค้าเพื่อจำหน่ายขายสินค้านั้นๆ ไปดังนั้นเมื่อไม่ปรากฏข้อเท็จจริงตามพยานหลักฐานของโจทก์ในเรื่องนี้ การที่จะวินิจฉัยว่าจำเลยซื้อสินค้านั้นไปเพื่ออุตสาหกรรมของจำเลยเองจึงเป็นการไม่ชอบ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าอุปกรณ์การพิมพ์ที่ขายแก่จำเลยตามฟ้องอยู่ในกิจการค้าของโจทก์และทำในฐานะเป็นพ่อค้าขายสินค้านั้นดังบัญญัติไว้ใน มาตรา 165(1) จึงต้องฟังว่าโจทก์เป็นพ่อค้าเรียกเอาค่าที่ได้ส่งมอบของแก่จำเลยสิทธิเรียกร้องของโจทก์จึงมีกำหนดสองปี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2478/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าของรวมลักทรัพย์: ต้องพิสูจน์ว่าทรัพย์อยู่ในครอบครองของเจ้าของรวมอื่น ไม่ใช่ตนเอง
การกระทำที่เจ้าของรวมจะมีความผิดฐานลักทรัพย์ไปจากเจ้าของรวมคนอื่นนั้น จะต้องได้ความว่าเจ้าของรวมผู้ลักมิได้ครอบครองทรัพย์อยู่ในขณะที่ลักหากแต่ทรัพย์นั้น อยู่ในความครอบครองของเจ้าของรวมคนอื่นและเอาไปจากการครอบครองของผู้นั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1495/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกำหนดราคาทรัพย์สินที่ถูกลัก จำเป็นต้องมีข้อมูลราคาที่ชัดเจนและพิสูจน์ได้ในท้องตลาด
โจทก์ขอมาท้ายฟ้องว่า ราคาเนื้อกระบือที่จำเลยร่วมกันลักไปมีราคา 8,900 บาท แต่โจทก์นำสืบไม่ได้ว่าเนื้อกระบือที่ถูกลักไปนั้นมีจำนวน น้ำหนักและราคาในท้องตลาดขณะนั้นเท่าใด คำนวณได้ยอดดังกล่าวมาอย่างไร คงนำสืบเพียงว่าจำเลยคนใดลักเนื้อกระบือส่วนไหนไปเท่านั้น โจทก์จึงนำสืบเรื่องราคาทรัพย์ไว้ไม่สมฟ้องและไม่มีข้อมูลให้ศาลคำนวณเพื่อกำหนดตามราคาอันแท้จริงขึ้นได้ ดังนี้ศาลจึงไม่ต้องกำหนดราคาทรัพย์ซึ่งจำเลยจะต้องใช้ให้แก่เจ้าทรัพย์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 47 (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1163/2509)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 913/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์การฝากทรัพย์และการคืนทรัพย์ จำเลยต้องนำสืบให้ได้ความจริง
พนักงานสอบสวนไม่มีส่วนได้เสียหรือสนิทสนมกับฝ่ายใดถ้อยคำมีน้ำหนัก การที่จำเลยตอบคำถามพนักงานสอบสวนว่าจำเลยได้รับฝากทรัพย์ 7 รายการจากโจทก์ เป็นการกล่าวขึ้นโดยสมัครใจไม่มีผู้ใดแนะนำ คำพนักงานสอบสวนจึงรับฟังได้โจทก์ฟ้องว่าฝากทรัพย์ 3 รายการไว้แก่จำเลยและจำเลยยังไม่คืนให้ จำเลยให้การรับว่าโจทก์ฝากไว้จริงแต่โจทก์มาขอคืนและจำเลยได้คืนให้โจทก์ไปหมดแล้ว ดังนี้จำเลยมีหน้าที่ต้องนำสืบให้ได้ความว่าได้คืนทรัพย์แก่โจทก์ตามที่อ้าง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 581/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งความเท็จเกี่ยวกับสัญชาติเพื่อออกบัตรประชาชน: จำเลยต้องได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นบุคคลสัญชาติญวนก่อนจึงจะลงโทษได้
ความมุ่งหมายที่โจทก์นำคดีมาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยก็คือโจทก์กล่าวหาว่าจำเลยเป็นบุคคลสัญชาติญวน บังอาจแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ทะเบียนราษฎร์โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่เจ้าพนักงาน ว่าจำเลยเป็นบุคคลสัญชาติไทยจนในที่สุดจำเลยได้รับบัตรประจำตัวประชาชน แต่เมื่อข้อเท็จจริงไม่พอฟังว่าจำเลยเป็นบุคคลสัญชาติญวนดังฟ้อง ก็ลงโทษจำเลยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 414/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ความผิดฐานเป็นเจ้ามือสลากกินรวบ จำเป็นต้องมีหลักฐานเชื่อมโยงเอกสารและเงินค่าแทงที่ยึดได้
ตำรวจเข้าค้นร้านขายอาหารพบจำเลยนั่งอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือค้นลิ้นชักโต๊ะพบกระดาษเขียนตัวเลข 8 แผ่นเงิน 5 พันบาทเศษปากกาลูกลื่น สอบถามจำเลยรับว่าเป็นโพยและเงินค่าแทงสลากกินรวบจึงแจ้งข้อหาเป็นเจ้ามือสลากกินรวบ และทำบันทึกการจับกุม จำเลยต่อสู้ว่าเป็นเงินขายอาหารได้ เมื่อโจทก์มิได้นำสืบอธิบายเอกสารที่อ้างว่าเป็นโพยเกี่ยวข้องกับการพนันสลากกินรวบแต่ประการใดจึงไม่พอฟังว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2934/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ข้อเท็จจริงเรื่องวันเดือนปีในเช็คสำคัญต่อการฟ้องร้องคดีเช็ค การเบิกความลอยๆ ไม่เพียงพอ
จำเลยลงชื่อประทับตราห้างเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทมอบแก่โจทก์ขณะส่งมอบยังไม่มีวันเดือนปีกรอกลงไว้ ดังนี้จำเลยไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ
of 128