คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ลดโทษ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 919 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 661/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลดโทษทางอาญา: คำเบิกความของผู้ต้องหาต้องเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี หากเบี่ยงเบนความรับผิด ศาลไม่ลดโทษ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่าคนโดยใช้ปืนยิงชั้นพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยให้การปฏิเสธลอย ๆ เพิ่งมา เบิกความแสดงรายละเอียดตอนอ้างตนเองเป็นพยาน แต่ก็มิได้รับว่ายิงกลับบ่ายเบี่ยงความรับผิดไปให้ผู้เสียหายว่าเป็นเพราะผู้เสียหายแย่งปืนจากจำเลย ไกปืนไปเกี่ยวกระเป๋าเสื้อจำเลยปืนจึงลั่นขึ้น เป็นอุบัติเหตุไม่เกี่ยวกับเจตนาจำเลยคำเบิกความของจำเลย เช่นนี้มิได้ให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี อันจะถือว่ามีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 661/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพยายามฆ่า: ศาลฎีกาตัดสินยืนตามศาลชั้นต้น ไม่ลดโทษจากคำให้การปฏิเสธแล้วมาเบี่ยงเบนความรับผิด
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่าคนโดยใช้ปืนยิงชั้นพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยให้การปฏิเสธลอย ๆ เพิ่งมาเบิกความแสดงรายละเอียดตอนอ้างตนเองเป็นพยาน แต่ก็มิได้รับว่ายิงกลับบ่ายเบี่ยงความรับผิดไปให้ผู้เสียหายว่าเป็นเพราะผู้เสียหายแย่งปืนจากจำเลย ไกปืนไปเกี่ยวกระเป๋าเสื้อจำเลยปืนจึงลั่นขึ้น เป็นอุบัติเหตุไม่เกี่ยวกับเจตนาจำเลยคำเบิกความของจำเลย เช่นนี้มิได้ให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี อันจะถือว่ามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 551/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บันดาลโทสะจากการถูกข่มเหง: ศาลลดโทษฐานจำเลยถูกด่าทออย่างร้ายแรงต่อหน้าผู้อื่น
เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าผู้ตายเคยหลอกล่วงเกินจำเลยทางประเวณีมาก่อน แล้วผู้ตายยังด่าว่าใส่ความจำเลยหาว่าจำเลยเป็นคนชั่วช้าในทางประเวณีต่อหน้าสามีของจำเลยอีก เช่นนี้ ถือได้ว่าจำเลยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การที่จำเลยใช้ปืนยิงผู้ตายไปในขณะนั้น 6 นัดถูกผู้ตายถึงแก่ความตาย การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่นด้วยบันดาลโทสะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2302/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลดโทษจำเลยในคดีอาญาพิจารณาจากเหตุผลการรับสารภาพ, สภาพเมาสุรา และพยานหลักฐาน
การที่จำเลยดื่มสุราจนมึนเมาแล้วก่อเหตุร้ายขึ้นนั้นไม่ใช่เหตุอันควรปรานีเสมอไป
จำเลยให้การรับว่าได้แทงผู้ตายจริง แต่ต่อสู้ว่าเป็นการกระทำเพื่อป้องกันตัวเช่นนี้ ย่อมถือว่าจำเลยปฏิเสธความผิด โจทก์ต้องนำพยานเข้าสืบจนคดีฟังได้ว่าจำเลยได้กระทำความผิด ไม่ใช่เป็นการกระทำเพื่อป้องกันจึงจะลงโทษจำเลยได้ แม้ต่อมาระหว่างสืบพยานโจทก์จำเลยกลับให้การใหม่ยอมรับสารภาพตามฟ้องทุกประการ ก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะลดโทษให้จำเลยกึ่งหนึ่งเสมอไปจะต้องพิเคราะห์ด้วยว่า คำรับสารภาพของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาเพียงใด หรือไม่ ถ้าการรับสารภาพของจำเลยพอถือได้ว่าเป็นการจำนนต่อพยานหลักฐานของโจทก์ ก็ไม่เป็นเหตุที่จะปรานีลดโทษให้ถึงกึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2302/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลดโทษจำเลยในคดีอาญาพิจารณาจากพยานหลักฐาน, การยอมรับสารภาพ, และเหตุผลในการลดโทษ
การที่จำเลยดื่มสุราจนมึนเมาแล้วก่อเหตุร้ายขึ้นนั้น ไม่ใช่เหตุอันควรปรานีเสมอไป
จำเลยให้การรับว่าได้แทงผู้ตายจริง แต่ต่อสู้ว่าเป็นการกระทำเพื่อป้องกันตัวเช่นนี้ ย่อมถือว่าจำเลยปฏิเสธความผิด โจทก์ต้องนำพยานเข้าสืบจนคดีฟังได้ว่าจำเลยได้กระทำความผิด ไม่ใช่เป็นการกระทำเพื่อป้องกันจึงจะลงโทษจำเลยได้ แม้ต่อมาระหว่างสืบพยานโจทก์จำเลยกลับให้การใหม่ยอมรับสารภาพตามฟ้องทุกประการ ก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะลดโทษให้จำเลยกึ่งหนึ่งเสมอไป จะต้องพิเคราะห์ด้วยว่า คำรับสารภาพของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาเพียงใดหรือไม่ ถ้าการรับสารภาพของจำเลยพอถือได้ว่าเป็นการจำนนต่อพยานหลักฐานของโจทก์ ก็ไม่เป็นเหตุที่จะปรานีลดโทษให้ถึงกึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1913/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับสารภาพและการลดโทษในคดีอาญา: ศาลพิจารณาพยานหลักฐานและบทบาทของจำเลยแต่ละคน
จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพตามฟ้อง แต่ปรากฏจากพยานหลักฐานของโจทก์ที่สืบประกอบคำรับสารภาพว่า เจ้าพนักงานได้ทรัพย์สินของผู้เสียหาย ที่ถูกปล้นไปจากจำเลยที่ 1 และที่ 2 หัวกระสุนปืนที่ขุดได้ที่พื้นดินใต้ศพผู้ตาย เป็นหัวกระสุนปืนที่ใช้ยิงจากปืนของกลางที่จับได้จาก จำเลยที่ 1 ผู้เสียหายแจ้งถึงรูปร่าง ผิวเนื้อลักษณะหน้าตา ตลอดจนอายุและเครื่องแต่งกายของจำเลยได้ละเอียดและชี้ตัวได้ถูกต้อง และพยานโจทก์อีก 2 ปาก ก็จำจำเลยได้ เมื่อพยานหลักฐานของโจทก์ซึ่งมีทั้งพยานบุคคลและพยานพฤติเหตุแวดล้อมกรณีของคดีแน่นหนามั่นคงเช่นนี้ คำรับสารภาพของจำเลยที่ 1 และ 2 จึงไม่พอจะถือได้ว่าให้ความรู้แก่ศาลอันจะเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี จึงไม่เป็นเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78
ส่วนจำเลยที่ 3 นั้น เจ้าพนักงานตำรวจจับได้เพราะคำซัดทอดของจำเลยที่ 1 และ 2 คำซัดทอดของจำเลยด้วยกันย่อมฟังเป็นหลักฐานยันจำเลยไม่ได้ และพนักงานสอบสวนไม่ได้ทรัพย์สินของผู้เสียหายซึ่งถูกปล้นไปจากจำเลยที่ 3 เลย ดังนั้น การที่จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพตั้งแต่ชั้นสอบสวนตลอดมาถึงชั้นศาลจึงพอถือได้ว่าเป็นการให้ความรู้แก่ศาล เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดีอยู่มากเป็นเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1913/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับสารภาพและการลดโทษในคดีอาญา: การพิจารณาประโยชน์ของการรับสารภาพต่อการพิจารณาคดี
จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพตามฟ้อง แต่ปรากฏจากพยานหลักฐานของโจทก์ที่สืบประกอบคำรับสารภาพว่า เจ้าพนักงานได้ทรัพย์สินของผู้เสียหายที่ถูกปล้นไปจากจำเลยที่ 1 และที่ 2 หัวกระสุนปืนที่ขุดได้ที่พื้นดินใต้ศพผู้ตายเป็นหัวกระสุนปืนที่ใช้ยิงจากปืนของกลางที่จับได้จากจำเลยที่ 1 ผู้เสียหายแจ้งถึงรูปร่าง ผิวเนื้อลักษณะหน้าตา ตลอดจนอายุและเครื่องแต่งกายของจำเลยได้ละเอียดและชี้ตัวได้ถูกต้อง และพยานโจทก์อีก 2 ปาก ก็จำจำเลยได้ เมื่อพยานหลักฐานของโจทก์ซึ่งมีทั้งพยานบุคคลและพยานพฤติเหตุแวดล้อมกรณีของคดีแน่นหนามั่นคงเช่นนี้ คำรับสารภาพของจำเลยที่ 1 และ 2 จึงไม่พอจะถือได้ว่าให้ความรู้แก่ศาลอันจะเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี จึงไม่เป็นเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78
ส่วนจำเลยที่ 3 นั้น เจ้าพนักงานตำรวจจับได้เพราะคำซัดทอดของจำเลยที่ 1 และ 2 คำซัดทอดของจำเลยด้วยกันย่อมฟังเป็นหลักฐานยันจำเลยไม่ได้ และพนักงานสอบสวนไม่ได้ทรัพย์สินของผู้เสียหายซึ่งถูกปล้นไปจากจำเลยที่ 3 เลย ดังนั้น การที่จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพตั้งแต่ชั้นสอบสวนตลอดมาถึงชั้นศาลจึงพอถือได้ว่าเป็นการให้ความรู้แก่ศาล เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดีอยู่มากเป็นเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 111-112/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ผู้ใช้ให้กระทำผิดต้องรับโทษเสมือนตัวการ การฎีกาเรื่องลดโทษเป็นดุลยพินิจ
จำเลยที่ 2 กับพวกรับจ้างจำเลยที่ 1 ไปฆ่าผู้เสียหาย จำเลยที่ 2 กับพวกได้เตรียมอาวุธปืนไปดักยิงผู้เสียหาย แล้วยิงผู้เสียหายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส เช่นนี้ จำเลยที่ 2 ย่อมมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ใช้ให้จำเลยที่ 2 กระทำความผิดนี้ต้องรับโทษเสมือนหนึ่งเป็นตัวการด้วย
การที่จำเลยฎีกาว่าควรลดมาตราส่วนโทษให้จำเลยตามประมวลผลกฎหมายอาญามาตรา 76 นั้น เป็นการฎีกาคัดค้านดุลพินิจในการกำหนดโทษของศาลอุทธรณ์ ถือเสมือนเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 903/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนายิงทำร้ายร่างกาย ไม่ใช่เจตนาฆ่า ลดโทษจากพยายามฆ่าเป็นทำร้ายร่างกาย
จำเลยไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้เสียหายได้ชักปืนลูกซองสั้นขึ้นยิงผู้เสียหายในระดับเอวของจำเลย ในระยะห่างเพียง 1 วาเศษ กระสุนถูกใต้ขาพับของผู้เสียหายเป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ แสดงว่าจำเลยไม่มีเจตนาฆ่า แต่มีเจตนาเพียงทำร้ายผู้เสียหายเท่านั้น เพราะหากมีเจตนาฆ่าแล้ว ย่อมมีโอกาสยิงถูกร่างกายผู้เสียหายในที่สำคัญได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 526/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายหลังจากการแย่งปืนและไล่ติดตาม: บันดาลโทสะลดโทษ
ผู้ตายมีอาวุธปืนติดตัวไปในไร่ของจำเลยพูดคุกคามจะตัดไม้ในไร่ทำนองข่มเหงจำเลยทั้ง ๆ ที่จำเลยห้ามแล้ว ผู้ตายไม่พอใจยกปืนจ้องไปทางจำเลย จำเลยเข้าแย่งปืนปืนลั่นถูกจำเลยบาดเจ็บและปืนหลุดจากมือผู้ตาย ผู้ตายวิ่งหนีเข้าป่าโดยไม่มีอาวุธติดตัว จำเลยไล่ติดตามไปใช้มีดทำร้ายผู้ตายในป่าถึงตาย ดังนี้ ไม่เป็นการป้องกันสิทธิตามกฎหมายเพราะภยันตรายที่จำเลยได้รับผ่านพ้นไปแล้ว และไม่มีภยันตรายที่ใกล้จะถึงอีก แต่ถือว่าจำเลยได้กระทำร้ายต่อผู้ข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมในระยะเวลาต่อเนื่องกระชั้นชิดกันเป็นบันดาลโทสะ
of 92