คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ลูกหนี้

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 829 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 589/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการโอนทรัพย์สินของลูกหนี้ล้มละลาย แม้ผู้รับโอนจะสุจริตและได้ค่าตอบแทน
ที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์ที่ลูกหนี้ได้มาระหว่างเป็นบุคคลล้มละลายจึงเป็นทรัพย์สินในคดีล้มละลายอันอาจแบ่งแก่เจ้าหนี้ได้ ตาม มาตรา109(2) แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 ซึ่ง มาตรา 23 ให้ลูกหนี้ส่งมอบแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และ มาตรา 24 ห้ามมิให้ลูกหนี้กระทำการใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินเว้นแต่จะได้กระทำตามคำสั่งหรือความเห็นชอบของศาล การที่ลูกหนี้ได้ที่ดินพิพาทมาแล้วโอนขายให้แก่ผู้คัดค้านไปจึงเป็นการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติดังกล่าวทั้งในคดีนี้มีพฤติการณ์ที่เห็นได้ว่าลูกหนี้ได้กระทำโดยมุ่งหมายให้ผู้คัดค้านซึ่งมีฐานะเป็นเจ้าหนี้ได้เปรียบแก่เจ้าหนี้อื่นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงมีอำนาจขอให้ศาลเพิกถอนการโอนทรัพย์สินรายนี้ได้ ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 115 โดยไม่ต้องพิจารณาว่าผู้รับโอนได้รับโอนโดยสุจริต และมีค่าตอบแทนหรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2438/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับสภาพหนี้จากการสลักหลังเช็คและมอบอำนาจให้รับเงินจากลูกหนี้ของจำเลย ถือเป็นการรับสภาพหนี้ตามกฎหมาย
ฎีกาว่าศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงคลาดเคลื่อนต่อหลักฐานในสำนวน เป็นปัญหาข้อกฎหมาย
จำเลยสลักหลังเช็คของผู้อื่นมอบให้โจทก์เพื่อเป็นการชำระหนี้ ต่อมาธนาคารปฏิเสธว่าจ่ายเงินตามเช็ค จำเลยจึงทำหนังสือมอบอำนาจโอนสิทธิเรียกร้องของจำเลยที่มีต่อผู้อื่นให้โจทก์เพื่อไปรับชำระหนี้ดังกล่าว ดังนี้ ถือได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการรับสภาพหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2226/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการแจ้งเจ้าของกรรมสิทธิ์: เจ้าหนี้บังคับคดีเฉพาะทรัพย์สินลูกหนี้รายเดียว ไม่ต้องแจ้งอีกราย
จำเลยทั้งสองเป็นลูกหนี้ร่วมของโจทก์ตามคำพิพากษาแล้วไม่ชำระหนี้โจทก์จึงนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินของจำเลยที่ 2 ออกขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ตามคำพิพากษาเช่นนี้ เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่จำต้องแจ้งการยึดหรือแจ้งประกาศขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดแก่จำเลยที่ 1 เมื่อปรากฏว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้แจ้งการยึดแก่จำเลยที่ 2 ผู้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์และเจ้าพนักงานที่ดินตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 304 แล้วการยึดทรัพย์รายนี้จึงถูกต้องตามกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2195/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิของเจ้าหนี้บุริมสิทธิในการบังคับชำระหนี้จากทรัพย์สินอื่นของลูกหนี้ แม้มีการจดทะเบียนบุริมสิทธิไว้แล้ว
จำเลยซื้อที่ดินของโจทก์ แต่ยังมิได้ชำระราคาที่ดินทั้งหมดในวันจดทะเบียนโอนที่ดินที่ซื้อขายกัน โจทก์จำเลยได้จดทะเบียนราคาที่ดินส่วนที่ยังค้างชำระเป็นหนี้บุริมสิทธิเหนือที่ดินที่ตกลงซื้อขายกันเพื่อเป็นประกันการชำระหนี้ค่าที่ดินที่จำเลยยังค้างชำระ อันทำให้โจทก์มีบุริมสิทธิในมูลซื้อขายอสังหาริมทรัพย์เหนือที่ดินนั้น เพื่อเอาชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้อื่นๆ ซึ่งหากได้ไม่พอชำระหนี้ โจทก์ก็มีสิทธิจะให้ชำระหนี้ของตนจากทรัพย์สินอื่นของจำเลยจนสิ้นเชิงได้ หามีบทบัญญัติอื่นใดที่จะตัดทอนอำนาจของโจทก์ในฐานะเจ้าหนี้ที่จะบังคับชำระหนี้เอาจากทรัพย์สินอื่นของลูกหนี้ไม่ แม้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 289 จะได้บัญญัติว่า "ว่าถึงผลแห่งบุริมสิทธินอกจากที่บัญญัติไว้ในมาตรา 281 ถึง 288 นี้แล้วท่านให้นำบทบัญญัติทั้งหลายแห่งลักษณะจำนองมาใช้บังคับด้วยตามแต่กรณี" ก็ตาม ก็มีความหมายแต่เพียงว่าให้นำมาใช้เท่าที่ไม่ขัดกับต่อบทในลักษณะบุริมสิทธิ ซึ่งให้สิทธิแก่โจทก์ในฐานะเจ้าหนี้ที่จะเอาชำระหนี้จากอสังหาริมทรัพย์นั้นก่อนเจ้าหนี้อื่นเท่านั้น เหตุดังกล่าวจึงนำบทบัญญัติมาตรา 733 มาใช้บังคับแก่คดีไม่ได้ ดังนั้น หากยึดที่ดินที่จดทะเบียนบุริมสิทธิขายทอดตลาดยังไม่พอชำระหนี้ มาตรา 273, 276 ห้ามเพียงมิให้โจทก์บังคับบุริมสิทธิเอาแก่ทรัพย์สินอย่างอื่นนอกจากที่ดินที่จดทะเบียนบุริมสิทธิตามฟ้องเท่านั้นแต่มิได้ห้ามโจทก์ในอันที่จะยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยมาชำระหนี้จนกว่าจะครบอย่างเจ้าหนี้สามัญ ศาลย่อมพิพากษาให้โจทก์มีสิทธิยึดทรัพย์สินอื่นมาชำระหนี้จนกว่าจะครบได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 6/2523)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2195/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิของเจ้าหนี้บุริมสิทธิในการบังคับชำระหนี้จากทรัพย์สินอื่นของลูกหนี้ แม้บังคับชำระจากทรัพย์สินที่จดจำนองแล้วยังไม่พอ
จำเลยซื้อที่ดินของโจทก์ แต่ยังมิได้ชำระราคาที่ดินทั้งหมดในวันจดทะเบียนโอนที่ดินที่ซื้อขายกันโจทก์จำเลยได้จดทะเบียนราคาที่ดินส่วนที่ยังค้างชำระเป็นหนี้บุริมสิทธิเหนือที่ดินที่ตกลงซื้อขายกันเพื่อเป็นประกันการชำระหนี้ค่าที่ดินที่จำเลยยังค้างชำระ อันทำให้โจทก์มีบุริมสิทธิในมูลซื้อขายอสังหาริมทรัพย์เหนือที่ดินนั้น เพื่อเอาชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้อื่น ๆ ซึ่งหากได้ไม่พอชำระหนี้ โจทก์ก็มีสิทธิจะให้ชำระหนี้ของตนจากทรัพย์สินอื่นของจำเลยจนสิ้นเชิงได้ หามีบทบัญญัติอื่นใดที่จะตัดทอนอำนาจของโจทก์ในฐานะเจ้าหนี้ที่จะบังคับชำระหนี้เอาจากทรัพย์สินอื่นของลูกหนี้ไม่ แม้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 289 จะได้บัญญัติว่า'ว่าถึงผลแห่งบุริมสิทธินอกจากที่บัญญัติไว้ในมาตรา 281ถึง 288 นี้แล้ว ท่านให้นำบทบัญญัติทั้งหลายแห่งลักษณะจำนองมาใช้บังคับด้วยตามแต่กรณี' ก็ตาม ก็มีความหมายแต่เพียงว่าให้นำมาใช้เท่าที่ไม่ขัดต่อบทในลักษณะบุริมสิทธิ ซึ่งให้สิทธิแก่โจทก์ในฐานะเจ้าหนี้ที่จะเอาชำระหนี้จากอสังหาริมทรัพย์นั้นก่อนเจ้าหนี้อื่นเท่านั้น เหตุดังกล่าวจึงนำบทบัญญัติมาตรา 733 มาใช้บังคับแก่คดีไม่ได้ ดังนั้น หากยึดที่ดินที่จดทะเบียนบุริมสิทธิขายทอดตลาดยังไม่พอชำระหนี้มาตรา273,276 ห้ามเพียงมิให้โจทก์บังคับบุริมสิทธิเอาแก่ทรัพย์สินอย่างอื่นนอกจากที่ดินที่จดทะเบียนบุริมสิทธิตามฟ้องเท่านั้น แต่มิได้ห้ามโจทก์ในอันที่จะยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยมาชำระหนี้จนกว่าจะครบอย่างเจ้าหนี้สามัญศาลย่อมพิพากษาให้โจทก์มีสิทธิยึดทรัพย์สินอื่นมาชำระหนี้จนกว่าจะครบได้(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 6/2523)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1911/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในการเรียกร้องหนี้จากบุคคลภายนอกที่มิได้เป็นลูกหนี้โดยตรงของผู้ล้มละลาย
ลูกหนี้ผู้ล้มละลายได้กู้เงินจากโจทก์แล้วนำไปให้สมาชิกของลูกหนี้กู้แล้วสมาชิกเอาเงินที่กู้ยืมมาจากลูกหนี้เอาไปให้ ล. กู้ยืมต่อ ล. จึงมิใช่ลูกหนี้ของลูกหนี้ผู้ล้มละลายเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่มีอำนาจเรียกร้องให้ ล. ชำระเงินดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1739/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทวงหนี้และการหมิ่นประมาท: การประกาศทวงหนี้ในหนังสือพิมพ์ไม่ถือเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท
เดิมห้างโจทก์กับบริษัทจำเลยที่ 1 ติดต่อค้าขายกันมาหลายปี โดยโจทก์ซื้อสินค้าจากจำเลยที่ 1 ต่อมาโจทก์เลิกซื้อสินค้าจากจำเลยที่ 1 และยังค้างชำระค่าสินค้าจำเลยที่ 1 อยู่ จำเลยที่ 1 ได้ทวงถามโจทก์ให้ชำระหนี้หลายครั้งแล้ว โจทก์ไม่ชำระ จึงได้มีประกาศโฆษณาลงในหนังสือพิมพ์ข้อความว่า ให้โจทก์จัดากรชำระหนี้ที่ค้างจำเลยที่ 1 ภายใน 7 วัน มิฉะนั้น จะดำเนินการตามกฎหมาย ดังนี้ แม้จะฟังว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2 ในฐานะกรรมการผู้จัดการของจำเลยที่ 1 และส่วนตัว เป็นผู้จัดให้มีการประกาศข้อความดังกล่าวก็ตาม ข้อความที่ประกาศนั้นก็เป็นเรื่องคำเตือนให้ลูกหนี้ชำระหนี้ ซึ่งจำเลยที่ 1 มีสิทธิที่จะกระทำได้ตามกฎหมาย ทั้งข้อความที่ประกาศก็ไม่มีข้อความใดที่เป็นการใส่ความโจทก์ โดยประการที่น่าทำให้เสียชื่อเสียงหรือถูกดูหมิ่น การกระทำของจำเลยทั้งสอง จึงไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 132/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าหนี้ใช้สิทธิเรียกร้องแทนลูกหนี้ขอไถ่ทรัพย์ไม่ได้ เพราะไม่ใช่ผู้มีสิทธิไถ่ตามกฎหมาย
เจ้าหนี้จะใช้สิทธิเรียกร้องของลูกหนี้ในนามตนเองแทนลูกหนี้โดยฟ้องคดีขอไถ่ทรัพย์ที่ลูกหนี้ขายฝากไว้ เมื่อพ้นกำหนดเวลาไถ่แล้วไม่ได้ เพราะลูกหนี้ไม่มีสิทธิไถ่คืนแล้ว
การที่ก่อนครบกำหนดไถ่ทรัพย์คืน โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ได้มีหนังสือแจ้งขอสวมสิทธิไถ่ทรัพย์แทนผู้ขายฝากซึ่งเป็นลูกหนี้นั้น ถือไม่ได้ว่าผู้มีสิทธิในการไถ่ทรัพย์ได้ใช้สิทธิขอไถ่ทรัพย์ที่ขายฝากคืน เพราะโจทก์เป็นเจ้าหนี้ที่ใช้สิทธิเรียกร้องของลูกหนี้เพื่อป้องกันสิทธิของตนในมูลหนี้เท่านั้น ไม่ใช่บุคคลผู้มีสิทธิไถ่ทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 497

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 132/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าหนี้ใช้สิทธิเรียกร้องขอไถ่ทรัพย์แทนลูกหนี้ไม่ได้ หากพ้นกำหนดไถ่แล้ว ผู้มีสิทธิไถ่ต้องเป็นผู้ขายเดิมหรือผู้รับโอนสิทธิเท่านั้น
เจ้าหนี้จะใช้สิทธิเรียกร้องของลูกหนี้ในนามตนเองแทนลูกหนี้โดยฟ้องคดีขอไถ่ทรัพย์ที่ลูกหนี้ขายฝากไว้ เมื่อพ้นกำหนดเวลาไถ่แล้วไม่ได้ เพราะลูกหนี้ไม่มีสิทธิไถ่คืนแล้ว
การที่ก่อนครบกำหนดไถ่ทรัพย์คืน โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ได้มีหนังสือแจ้งขอสวมสิทธิไถ่ทรัพย์แทนผู้ขายฝากซึ่งเป็นลูกหนี้นั้น ถือไม่ได้ว่าผู้มีสิทธิในการไถ่ทรัพย์ได้ใช้สิทธิขอไถ่ทรัพย์ที่ขายฝากคืน เพราะโจทก์เป็นเจ้าหนี้ที่ใช้สิทธิเรียกร้องของลูกหนี้เพื่อป้องกันสิทธิของตนในมูลหนี้เท่านั้น ไม่ใช่บุคคลผู้มีสิทธิไถ่ทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 497

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1126/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเดินสะพัด, เช็ค, เพิกถอนรายการ, ลูกหนี้, การชำระเงิน
จำเลยที่ 1 เป็นลูกค้าเปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน และได้ทำสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีไว้กับธนาคารโจทก์ นอกจากนี้จำเลยที่ 1 ยังได้นำเช็คซึ่งผู้อื่นเป็นผู้ออกมาขายลดให้โจทก์ โดยโจทก์ได้ส่วนลดหมื่นละยี่สิบบาท แม้ข้อตกลงซื้อขายลดเช็คระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 จะไม่ปรากฏมีข้อสัญญาว่าหากเช็คเรียกเก็บเงินไม่ได้แล้วจำเลยที่1 จะต้องรับผิดชดใช้เงินแก่โจทก์ก็ตาม แต่การที่จำเลยนำเช็คพิพาทมาเข้าบัญชีเดินสะพัดของจำเลยเพื่อให้โจทก์เรียกเก็บเงิน โดยนำเช็คเข้าบัญชีในวันที่ลงในเช็คแล้วจำเลยออกเช็คสั่งให้โจทก์จ่ายเงินให้ตามจำนวนดังกล่าวจากบัญชีเดินสะพัดของจำเลย และโจทก์ยอมจ่ายเงินไปก่อนโดยที่เช็คที่จำเลยนำมาเข้าบัญชียังเรียกเก็บเงินไม่ได้และโจทก์ได้ค่าธรรมเนียมเรียกว่าส่วนลดหมื่นละยี่สิบบาทเช่นนี้เป็นพฤติการณ์ที่โจทก์และจำเลยที่ 1 ปฏิบัติต่อกันตามสัญญาบัญชีเดินสะพัด เมื่อปรากฏว่าโจทก์ได้จ่ายเงินตามเช็คของจำเลยจากบัญชีเดินสะพัดไปแล้ว ต่อมาโจทก์เรียกเก็บเงินตามเช็คพิพาทไม่ได้ โจทก์ย่อมมีสิทธิจะเพิกถอนการลงรายการของเช็คดังกล่าวเสียได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 857 และนำจำนวนเงินนั้นมาลงรายการว่าจำเลยที่ 1 เป็นลูกหนี้โจทก์ได้ จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดในจำนวนเงินดังกล่าวต่อโจทก์
of 83