คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
สินสมรส

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 858 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2487/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาแบ่งสินสมรสเพื่อหลีกเลี่ยงเจ้าหนี้: ไม่ผูกพันเจ้าหนี้
สามีภริยาจดทะเบียนหย่าและทำสัญญาแบ่งสินสมรสโดยสมยอมเพื่อมิให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของภริยายึดทรัพย์ที่แบ่งเป็นของสามี เจ้าหนี้ยึดสินสมรสนั้นได้ สัญญาแบ่งทรัพย์เป็นเจตนาลวง ไม่ผูกพันเจ้าหนี้ซึ่งเป็นคนภายนอก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2296/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหย่า, การสมรสโมฆะ, และอายุความแบ่งสินสมรส
สามีภริยาตามกฎหมายเก่าหย่ากันเมื่อใช้กฎหมายใหม่แล้วต้องทำตามแบบใน มาตรา 1498 เดิม
ชายจดทะเบียนกับหญิงระหว่างที่ชายยังมีภริยาตามกฎหมายเก่าอยู่ การสมรสตามที่จดทะเบียนเป็นโมฆะตาม มาตรา 1490 ไม่ใช่การสมรสเดิมขาดจากกัน
ประนีประนอมยอมความระหว่างผู้รับพินัยกรรม ซึ่งโจทก์ผู้เป็นภริยาเจ้ามรดกมิได้รับพินัยกรรมและไม่มีข้อพิพาทด้วย แม้ได้ลงชื่อในบันทึกข้อตกลงด้วยก็ในฐานะรับให้ทรัพย์สินบางอย่าง ไม่ตัดสิทธิโจทก์ขอแบ่งสินสมรสระหว่างโจทก์กับเจ้ามรดก
อายุความแบ่งสินสมรสระหว่างภริยากับเจ้ามรดกผู้ตายไม่ใช่ 1 ปี ตาม มาตรา 1754 แต่ 10 ปีตาม มาตรา 164

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1167/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหักสินเดิมออกจากสินสมรสในคดีหย่า โดยไม่ต้องฟ้องแย้ง
จำเลยให้การว่ามีสินเดิมเป็นเงินซึ่งได้นำไปซื้อที่ดินสินสมรส ในการพิพากษาให้แบ่งทรัพย์โดยการหย่าตามคำพิพากษา ศาลพิพากษาให้หักสินสมรสใช้สินเดิมก่อนได้ โดยไม่ต้องฟ้องแย้งหรือขอหักไว้ในคำให้การ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1337/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความและผลผูกพันต่อสินสมรส: กรณีแบ่งทรัพย์มรดก
คดีก่อน โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ในคดีนี้ให้แบ่งมรดก คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โจทก์มาฟ้องจำเลยที่ 1 เป็นคดีนี้ การที่ศาลชั้นต้นเรียกจำเลยที่ 2 เข้ามาเป็นจำเลยในคดีนี้ด้วยนั้น ฟ้องโจทก์คดีนี้ไม่เป็นฟ้องซ้อน เพราะจำเลยที่ 2 เข้ามาเป็นจำเลยในคดีนี้ก็ด้วยการที่ศาลชั้นต้นเรียกให้เข้าตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(3)
ผู้ตายซึ่งเป็นสามีจำเลยที่ 2 ได้ทำพินัยกรรมยกสินสมรสส่วนที่เป็นของจำเลยที่ 2 ให้แก่ทายาท ต่อมาจำเลยที่ 2 และทายาทอื่น ๆ ได้ทำบันทึกข้อตกลงแบ่งทรัพย์ทั้งหมดรวมทั้งสิ้นของจำเลยที่ 2 ให้แก่ทายาทรวมทั้งตัวของจำเลยที่ 2 ด้วยโดยแบ่งออกเป็นส่วน ๆ กำหนดส่วนที่ทายาทแต่ละคนจะได้รับ พฤติการณ์เช่นนี้ย่อมเห็นได้ว่าทายาทของผู้ตายไม่ถือว่าจะต้องแบ่งทรัพย์ตามพินัยกรรม แต่หากต่างตกลงแบ่งกันตามที่เห็นสมควร เพื่อเป็นการระงับข้อพิพาทซึ่งจะมีขึ้นให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนผันได้แก่กัน ข้อตกลงดังกล่าวจึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ และแต่ละฝ่ายจึงได้สิทธิตามที่แสดงไว้ในสัญญานั้น และถือว่าจำเลยที่ 2 ยอมตกลงด้วยในฐานะที่เป็นภรรยาของผู้ตายและฐานะเป็นทายาทด้วย สัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวไม่ใช่เป็นเรื่องที่จำเลยที่ 2 ยกสินสมรสส่วนของตนให้ผู้อื่น จึงไม่ต้องทำตามแบบที่กฎหมายกำหนดสำหรับการยกให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1337/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความเกี่ยวกับมรดกและสินสมรส ผลผูกพันและข้อยกเว้น
คดีก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ต่อศาลขอแบ่งมรดก คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ แต่คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 เป็นคนละคนกัน จำเลยที่ 2 เข้ามาเป็นจำเลยในคดีนี้ก็ด้วยการที่ศาลเรียกให้เข้ามาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(3)ฟ้องของโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องซ้อน
การที่ทายาทของผู้ตายรวมทั้งจำเลยทั้งสองทำบันทึกข้อตกลงของทายาทว่า ทายาททุกคนไม่ถือว่าจะต้องแบ่งทรัพย์กันตามพินัยกรรมแต่หากต่างตกลงแบ่งกันตามที่เห็นสมควรเพื่อเป็นการระงับข้อพิพาทซึ่งจะมีขึ้นให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กัน ข้อตกลงดังกล่าวเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850 แต่ละฝ่ายจึงได้สิทธิตามที่ได้แสดงไว้ในสัญญานั้น และแม้ทรัพย์บางส่วนตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวจะเป็นสินสมรสส่วนของจำเลยที่ 2 ก็ตาม ก็มิใช่เป็นการที่จำเลยที่ 2 ยกสินสมรสส่วนของตนให้ผู้อื่นจึงไม่ต้องทำตามแบบที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับการยกให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1266/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำหน่ายสินเดิมของสามีโดยไม่ได้รับความยินยอมจากภริยาและผลกระทบต่อการแบ่งสินสมรส
สามีจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์สินเดิมของตนอันเป็นสินบริคณห์ระหว่างสามีภรรยาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1462 ด้วยการยกให้โดยเสน่หา ต้องได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากภริยาตามมาตรา 1473 และ 1476 ประกอบด้วยมาตรา 525 และ 456
คดีมีประเด็นว่า จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นภริยาของผู้ตายได้ยินยอมให้ผู้ตายยกอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นสินเดิมของผู้ตายให้แก่ผู้อื่นโดยเสน่หาหรือไม่ เมื่อโจทก์ไม่นำสืบให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 ได้ให้ความยินยอมเป็นหนังสือทั้งคดีไม่มีประเด็นว่าเป็นการให้ตามสมควรในทางศีลธรรมอันดีหรือในทางสมาคม หรือเป็นการจำหน่ายเพื่อประโยชน์ตนฝ่ายเดียวหรือไม่ศาลย่อมมีอำนาจวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้ให้ความยินยอม และพิพากษาให้แบ่งสินสมรสระหว่างผู้ตายและจำเลยที่ 1 โดยไม่ต้องชักสินสมรสไปใช้สินเดิมดังกล่าวของผู้ตายก่อน
การแบ่งสินสมรสระหว่างผู้ตายกับคู่สมรสที่ยังมีชีวิตอยู่นั้น แม้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1625(1) จะไม่ได้บัญญัติให้นำมาตรา 1476 มาใช้ด้วยแต่มาตรา 1476 เป็นบทบังคับในเรื่องแบบของความยินยอม อันจะนำไปสู่บทบัญญัติเรื่องจะนำสินสมรสใช้คืนสินเดิมของคู่สมรสที่หย่าขาดจากกันได้หรือไม่เพียงใด ศาลย่อมยกขึ้นปรับกับคดีได้ หาเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติมาตรา 1625(1)ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1219/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำเรื่องแบ่งสินสมรส แม้ทรัพย์ต่างกัน หากประเด็นและเหตุวินิจฉัยเดิมคล้ายกัน ถือฟ้องซ้ำตามมาตรา 148
คดีแรกจำเลยฟ้องโจทก์ขอหย่าและแบ่งสินสมรส ศาลพิพากษาถึงที่สุดแล้วให้หย่า และแบ่งสินสมรสตามบัญชีทรัพย์สินท้ายฟ้องไปแล้ว ต่อมาโจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีที่สองว่าที่พิพาทเป็นสินสมรสรวมอยู่ในโฉนดที่ดินสินสมรสแปลงหนึ่ง ซึ่งเจ้าหนี้ฟ้องบังคับจำนองขายทอดตลาดและโจทก์เป็นผู้ซื้อได้ ขอให้โอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทเป็นชื่อของโจทก์ ศาลวินิจฉัยว่า ที่พิพาทมิใช่ส่วนหนึ่งของที่ดินตามโฉนดที่เจ้าหนี้ฟ้องบังคับจำนอง ซึ่งโจทก์ซื้อมาพิพากษายกฟ้อง คดีถึงที่สุด โจทก์จึงมาฟ้องคดีนี้ว่าที่พิพาทเป็นสินสมรส ที่โจทก์จำเลยร่วมกันซื้อมาระหว่างสมรส ยังมิได้แบ่งในคดีแรก ขอแบ่ง ดังนี้ ฟ้องคดีหลังนี้อ้างเหตุคนละอย่างกับคดีที่สอง จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำกับคดีที่สอง แต่เป็นฟ้องซ้ำกับคดีแรก เพราะแม้ทรัพย์ที่โจทก์ฟ้องคดีหลังนี้จะเป็นคนละอย่างกับคดีแรก แต่เป็นการเรียกทรัพย์จากจำเลยมาแบ่งเป็นสินสมรสเช่นเดียวกัน เป็นประเด็นเดียวกับคดีแรก ซึ่งได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุเดียวกัน จึงต้องห้ามมิให้ฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148
ปัญหาเรื่องฟ้องซ้ำ เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้คู่ความจะมิได้ฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นชี้ขาดได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1219/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำเรื่องแบ่งสินสมรส แม้ทรัพย์ต่างกัน หากประเด็นข้อพิพาทเป็นเรื่องเดียวกันกับคดีก่อน ศาลต้องห้ามตามมาตรา 148
คดีแรกจำเลยฟ้องโจทก์ขอหย่าและแบ่งสินสมรส ศาลพิพากษาถึงที่สุดให้หย่าและแบ่งสินสมรสตามบัญชีทรัพย์ท้ายฟ้องไปแล้ว ต่อมาโจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีที่สองว่าที่พิพาทเป็นสินสมรสรวมอยู่ในโฉนดที่ดินสินสมรสแปลงหนึ่งซึ่งเจ้าหนี้ฟ้องบังคับจำนองขายทอดตลาดและโจทก์เป็นผู้ซื้อได้ขอให้โอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทเป็นชื่อของโจทก์ศาลวินิจฉัยว่าที่พิพาทมิใช่ส่วนหนึ่งของที่ดินสินสมรสตามโฉนดที่เจ้าหนี้ฟ้องบังคับจำนอง ซึ่งโจทก์ซื้อมาพิพากษายกฟ้อง คดีถึงที่สุด โจทก์จึงมาฟ้องคดีนี้ว่าที่พิพาทเป็นสินสมรสที่โจทก์จำเลยร่วมกันซื้อมาระหว่างสมรสยังมิได้แบ่งในคดีแรกขอแบ่ง ดังนี้ ฟ้องคดีหลังนี้อ้างเหตุผลคนละอย่างกับคดีที่สอง จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำกับคดีที่สอง แต่เป็นฟ้องซ้ำกับคดีแรก เพราะแม้ว่าทรัพย์ที่โจทก์ฟ้องคดีหลังนี้จะเป็นคนละอย่างกับคดีแรกซึ่งโจทก์เป็นจำเลยแต่ไม่ได้ให้การหรือฟ้องแย้งแต่คดีนี้ก็เป็นการเรียกทรัพย์จากจำเลยมาแบ่งเป็นสินสมรสเช่นเดียวกัน เป็นประเด็นเดียวกับคดีแรกซึ่งได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน จึงต้องห้ามมิให้ฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 148
ปัญหาเรื่องฟ้องซ้ำ เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้คู่ความจะมิได้ฎีกาศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นชี้ขาดได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 882/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สินสมรส, การแยกกันอยู่, และการโอนทรัพย์สินโดยเสน่หา
ที่ดินซึ่งภริยาก่อนบรรพ 5 มีอยู่ก่อนสมรสและอาจนำมาใช้ประโยชน์ด้วยกันได้ ไม่ต้องเอามาระคนปนกับสินเดิมของสามีก็ถือเป็นสินเดิมของภริยา
สามีภริยาก่อนบรรพ 5 การขาดจากสมรสต้องบังคับตามบรรพ 5การยินยอมขาดกันเองต้องทำเป็นหนังสือมีพยานลงลายมือชื่ออย่างน้อย 2 คน
การที่สามีภริยาไม่ได้หลับนอนร่วมเพศกัน แต่อยู่คนละบ้านในบริเวณเดียวกัน ไม่เป็นการทิ้งร้างกัน
สามีมีภริยาใหม่แต่ไม่จดทะเบียน ทรัพย์ที่ได้มาใหม่จะมีส่วนได้ร่วมกับสามีหรือไม่. ก็ยังเป็นสินสมรสระหว่างสามีกับภริยาเดิม และใส่ชื่อภริยาในโฉนดร่วมด้วยได้ แต่จะระบุส่วนของภริยาว่าหนึ่งในสามโดยยังไม่ถึงเวลาแบ่งทรัพย์สินกันไม่ได้
สามีโอนที่ดินสินสมรสให้โดยเสน่หาแก่ภริยาใหม่ที่ไม่ได้จดทะเบียนโดยภริยามิได้ยินยอมเป็นหนังสือ การเพิกถอนต้องทำทั้งหมดมิใช่เฉพาะส่วนของภริยา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 855/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนี้ร่วมสามีภริยาจากกิจการร่วมกัน และการกันส่วนของสินสมรสในชั้นบังคับคดี
ภริยากู้เงินโจทก์ ศาลพิพากษาให้ชำระหนี้แก่โจทก์ 6,500 บาทตามยอม เป็นหนี้ซึ่งสามีมากับภริยาเมื่อมากู้เงินด้วยเพื่อนำไปใช้ในการขับรถรับจ้างบรรทุกของ ถือว่าเกิดจากการงานที่สามีภริยาทำด้วยกันเป็นหนี้ร่วมตามมาตรา1482(3) สามีขอให้กันส่วนของตนในสินสมรสที่โจทก์บังคับคดีไม่ได้
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยกคำร้องขอให้กันส่วนของสามีในสินบริคณห์ในชั้นบังคับคดี เป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ ไม่ต้องห้ามฎีกา
of 86