พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,865 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5547/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความการไล่เบี้ยผู้สั่งจ่ายเช็คในฐานะผู้ค้ำประกัน (อาวัล) ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
จำเลยสั่งจ่ายเช็คผู้ถือมอบให้โจทก์ โจทก์ได้สลักหลังแล้วนำไปแลกเงินสดจากบุคคลภายนอก การสลักหลังดังกล่าวย่อมเป็นเพียงประกัน(อาวัล) สำหรับผู้สั่งจ่ายตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 921ประกอบด้วยมาตรา 989 โดยโจทก์อยู่ในฐานะผู้ค้ำประกันหนี้ตามเช็คที่จำเลยจะต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกซึ่งเป็นผู้ทรงเท่านั้นเมื่อโจทก์ได้ชำระหนี้ตามเช็คแก่บุคคลภายนอกแทนจำเลยไป ย่อมมีสิทธิไล่เบี้ยเอาจากจำเลยตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 940วรรคสาม ประกอบด้วยมาตรา 989 โดยมีอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164(เดิม) อันเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ขณะโจทก์ฟ้องคดีนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5547/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความการไล่เบี้ยหนี้เช็ค: ผู้สลักหลังในฐานะผู้ค้ำประกันมีอายุความ 10 ปี
โจทก์สลักหลังเช็คผู้ถือซึ่งจำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายย่อมเป็นเพียงประกัน (อาวัล) สำหรับผู้สั่งจ่ายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 921 ประกอบมาตรา 989 จึงอยู่ในฐานะผู้ค้ำประกันหนี้ตามเช็คที่จะต้องรับผิดต่อผู้ทรงเท่านั้นหาได้ถือว่าเป็นผู้สลักหลังตามกฎหมายไม่ เมื่อโจทก์ชำระหนี้ตามเช็คแทนจำเลยไปแล้วโจทก์ย่อมมีสิทธิไล่เบี้ยเอาจากจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 940 วรรคสาม ประกอบ มาตรา 989กรณีนี้ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะให้ต้องบังคับภายในกำหนดเวลาเท่าใด จึงต้องใช้อายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164(เดิม) มิใช่อายุความ1 ปี หรือ 6 เดือน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1002 และมาตรา 1003
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5315/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแปลงหนี้ใหม่ทำให้หนี้ตามเช็คระงับ การฟ้องคดีอาญาจึงสิ้นสุด
เช็คพิพาททั้ง 4 ฉบับ จำเลยออกให้โจทก์ชำระหนี้ค่าซื้อรถยนต์กระบะของโจทก์ ซึ่งโจทก์ได้โอนทะเบียนรถยนต์คันดังกล่าวให้จำเลยไปแล้ว โดยจำเลยยังมิได้ชำระราคารถยนต์กระบะตามเช็คพิพาททั้ง 4 ฉบับ ให้โจทก์ การที่โจทก์จำเลยได้ตกลงกันภายหลังที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ว่า ให้จำเลยเอาหนี้ตามเช็คทั้งหมด รวมทั้งเช็คพิพาท 4 ฉบับด้วยมารวมกันแล้วให้จำเลยทำหนังสือสัญญากู้ยืมเงินโจทก์จำนวน 4,000,000 บาท โดยมีข้อความระบุว่า ผู้กู้ได้ยืมเงินสดจากผู้ให้กู้เป็นจำนวน 4,000,000 บาท ได้จ่ายเช็คของธนาคารมอบให้ไว้กับผู้ให้กู้ เมื่อถึงกำหนดให้เข้าบัญชีเพื่อเรียกเก็บวันนี้ผู้กู้ได้มอบเช็คดังกล่าวข้างต้นให้กับผู้ให้กู้ไว้เป็นที่เรียบร้อยในวันทำสัญญา ถือว่าได้ทำสัญญาเปลี่ยนสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งหนี้ เป็นการแปลงหนี้ใหม่ หนี้ตามเช็คพิพาทเป็นอันระงับไป มูลหนี้ที่จำเลยออกเช็คพิพาทจึงสิ้นผลผูกพัน คดีเป็นอันเลิกกันตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2534 มาตรา 7 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 วรรคแรกและสิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์เป็นอันระงับไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(3)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 496/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คมีมูลหนี้ผิดกฎหมายจากดอกเบี้ยเกินอัตรา: จำเลยไม่ต้องรับผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
จำนวนเงินต้นในสัญญากู้ยืมเงิน ได้รวมดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ด้วย การที่จำเลยสั่งจ่ายเช็คเพื่อชำระหนี้ดังกล่าว จึงเป็นเช็คที่มีมูลหนี้ผิดกฎหมายไม่อาจบังคับชำระได้รวมอยู่ด้วย แม้ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คนั้น จำเลยก็ไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2497 มาตรา 3
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4770/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
องค์ประกอบความผิดเช็ค: จำเป็นต้องบรรยายถึงมูลหนี้ที่ชัดเจนเพื่อแสดงเจตนาชำระหนี้ที่มีอยู่จริง
บทบัญญัติตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2534 มาตรา 4 ที่ว่า เพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายนั้น เป็นองค์ประกอบความผิด แม้บทกฎหมายดังกล่าวมิได้บังคับว่าโจทก์จะต้องบรรยายฟ้องให้ครบถ้วนตามองค์ประกอบความผิด แต่ฟ้องก็ต้องบรรยายถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิด ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา158 (5)
เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องเกี่ยวกับเช็คเพียงว่า เป็นเช็คเพื่อชำระหนี้ โดยไม่ได้บรรยายถึงมูลหนี้ที่ออกเช็ค จึงเป็นฟ้องที่ไม่ได้บรรยายถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 ฟ้องดังกล่าวไม่สมบูรณ์ แม้โจทก์แนบสำเนาเช็คและใบคืนเช็คมาพร้อมกับคำฟ้อง หาพอเป็นการยืนยันว่าจำเลยมีเจตนาจะใช้เช็คนั้นชำระหนี้ให้โจทก์ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายไม่ ฟังได้เพียงว่าจำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์ โจทก์ยื่นเช็คเพื่อให้ใช้เงิน และธนาคารปฏิเสธไม่ใช้เงินตามเช็คนั้น เพราะโจทก์ไม่ได้บรรยายถึงมูลหนี้ที่ออกเช็คหากเป็นเช็คที่แลกเงินสดก็ถือว่าไม่ใช่เพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริง หรือหากเป็นเช็คที่ชำระหนี้เงินยืมที่มีจำนวนกว่า 50 บาทขึ้นไป โดยมิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา653 วรรคหนึ่ง จะนำมาฟ้องร้องให้บังคับชำระหนี้ไม่ได้ ถือว่าเป็นเช็คชำระหนี้ที่บังคับไม่ได้ตามกฎหมาย แต่หากโจทก์บรรยายฟ้องว่าเป็นเช็คที่จำเลยออกให้ชำระค่าซื้อสินค้าที่ค้างชำระ ย่อมเป็นที่เข้าใจได้ว่าเป็นการชำระหนี้ที่มีอยู่จริง และบังคับได้ตามกฎหมาย
เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องเกี่ยวกับเช็คเพียงว่า เป็นเช็คเพื่อชำระหนี้ โดยไม่ได้บรรยายถึงมูลหนี้ที่ออกเช็ค จึงเป็นฟ้องที่ไม่ได้บรรยายถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 ฟ้องดังกล่าวไม่สมบูรณ์ แม้โจทก์แนบสำเนาเช็คและใบคืนเช็คมาพร้อมกับคำฟ้อง หาพอเป็นการยืนยันว่าจำเลยมีเจตนาจะใช้เช็คนั้นชำระหนี้ให้โจทก์ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายไม่ ฟังได้เพียงว่าจำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์ โจทก์ยื่นเช็คเพื่อให้ใช้เงิน และธนาคารปฏิเสธไม่ใช้เงินตามเช็คนั้น เพราะโจทก์ไม่ได้บรรยายถึงมูลหนี้ที่ออกเช็คหากเป็นเช็คที่แลกเงินสดก็ถือว่าไม่ใช่เพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริง หรือหากเป็นเช็คที่ชำระหนี้เงินยืมที่มีจำนวนกว่า 50 บาทขึ้นไป โดยมิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา653 วรรคหนึ่ง จะนำมาฟ้องร้องให้บังคับชำระหนี้ไม่ได้ ถือว่าเป็นเช็คชำระหนี้ที่บังคับไม่ได้ตามกฎหมาย แต่หากโจทก์บรรยายฟ้องว่าเป็นเช็คที่จำเลยออกให้ชำระค่าซื้อสินค้าที่ค้างชำระ ย่อมเป็นที่เข้าใจได้ว่าเป็นการชำระหนี้ที่มีอยู่จริง และบังคับได้ตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 460/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาออกเช็คโดยไม่มีเงิน การออกเช็คเพื่อชำระหนี้แล้วถูกปฏิเสธ ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.เช็ค
การที่จำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้ค่าซื้อสินค้าให้แก่ อ. ถือว่าเป็นการออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ เมื่อเช็คดังกล่าวถูกปฏิเสธการจ่ายเงิน การออกเช็คของจำเลยจึงเป็นการออกโดยมีเจตนาจะไม่ใช้เงินตามเช็คอันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2534 มาตรา 4 (1) (3) การที่ อ. นำเช็คดังกล่าวไปแลกเงินสดกับผู้เสียหายเป็นเรื่องระหว่าง อ. กับผู้เสียหาย ไม่ทำให้จำเลยพ้นจากการเป็นผู้กระทำผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 460/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริง แม้มีการโอนเช็คต่อ แต่เจตนาเดิมคือชำระหนี้จึงมีผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
จำเลยออกเช็คชำระหนี้ค่าชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์แก่อ. เป็นการออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ แม้ อ. จะนำเช็คไปแลกเงินสดจากผู้เสียหาย และผู้เสียหายเรียกเก็บเงินตามเช็คไม่ได้ เพราะธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินก็ตาม จำเลยก็มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534มาตรา 4(1)(3)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 460/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาออกเช็คโดยไม่มีเงินในบัญชี ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค แม้จะมีการโอนเช็คต่อ
การที่จำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้ค่าซื้อสินค้าให้แก่ อ.ถือว่าเป็นการออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้เมื่อเช็คดังกล่าวถูกปฏิเสธการจ่ายเงิน การออกเช็คของจำเลยจึงเป็นการออกโดยมีเจตนาจะไม่ใช้เงินตามเช็คอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534มาตรา 4(1)(3) การที่ อ. นำเช็คดังกล่าวไปแลกเงินสดกับผู้เสียหายเป็นเรื่องระหว่าง อ. กับผู้เสียหาย ไม่ทำให้จำเลยพ้นจากการเป็นผู้กระทำผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3776/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทเลินเล่อในการเก็บรักษาเช็ค และผลกระทบต่อการยกเว้นความรับผิดชอบจากลายมือชื่อปลอม
ธนาคารจำเลยได้จ่ายเงินตามเช็คพิพาทซึ่งลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายปลอม เหตุแห่งความเสียหายในเรื่องนี้บังเกิดจากการปลอมลายมือชื่อโจทก์ผู้สั่งจ่ายเช็คและจำเลยได้จ่ายเงินตามเช็คปลอมฉบับนั้น แม้การเก็บรักษาสมุดเช็คไว้อย่างดีผู้ร้ายจะหาโอกาสลักเช็คไปปลอมลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายได้ยากก็ตาม แต่เมื่อความเสียหายเกิดจากการกระทำของผู้อื่นที่ปลอมเช็ค การเก็บรักษาสมุดเช็คไว้อย่างดี จึงไม่ให้ผลโดยตรงที่จะให้บังเกิดการปลอมเช็คและนำไปขึ้นเงินได้สำเร็จ
โจทก์เก็บสมุดเช็คพิพาทไว้ในกระป๋องขนมปังบนโต๊ะทำงานของโจทก์ซึ่งโจทก์และพนักงานใช้เป็นที่ทำงานของห้างหุ้นส่วน มีคนเข้าออกภายในห้องหลายคน ส่วนใหญ่พนักงานทุกคนทราบว่าโจทก์เก็บเช็คไว้ในกระป๋องดังกล่าวการกระทำของโจทก์เพียงแต่ขาดความรอบคอบในการเก็บรักษาสมุดเช็คเท่านั้นถือไม่ได้ว่าโจทก์กระทำโดยประมาทอันจะถือว่าโจทก์เป็นผู้ต้องตัดบทมิให้ยกข้อลายมือชื่อปลอมขึ้นต่อสู้ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1008 และแม้โจทก์มิได้แจ้งให้จำเลยทราบเมื่อเช็คพิพาทเกิดสูญหายและมีผู้ไม่สุจริตนำไปปลอมลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายก็ตาม แต่เมื่อโจทก์มิได้กระทำโดยประมาทจำเลยจึงยังต้องรับผิดชำระเงินให้โจทก์
โจทก์เก็บสมุดเช็คพิพาทไว้ในกระป๋องขนมปังบนโต๊ะทำงานของโจทก์ซึ่งโจทก์และพนักงานใช้เป็นที่ทำงานของห้างหุ้นส่วน มีคนเข้าออกภายในห้องหลายคน ส่วนใหญ่พนักงานทุกคนทราบว่าโจทก์เก็บเช็คไว้ในกระป๋องดังกล่าวการกระทำของโจทก์เพียงแต่ขาดความรอบคอบในการเก็บรักษาสมุดเช็คเท่านั้นถือไม่ได้ว่าโจทก์กระทำโดยประมาทอันจะถือว่าโจทก์เป็นผู้ต้องตัดบทมิให้ยกข้อลายมือชื่อปลอมขึ้นต่อสู้ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1008 และแม้โจทก์มิได้แจ้งให้จำเลยทราบเมื่อเช็คพิพาทเกิดสูญหายและมีผู้ไม่สุจริตนำไปปลอมลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายก็ตาม แต่เมื่อโจทก์มิได้กระทำโดยประมาทจำเลยจึงยังต้องรับผิดชำระเงินให้โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 360/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงกฎหมายเช็ค: การออกเช็คแลกเงินสดไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.เช็คใหม่ แม้จะผิดตามกฎหมายเดิม
การออกเช็คแลกเงินสดนั้นไม่ใช่การออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริง และบังคับได้ตามกฎหมาย ไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 การที่จำเลยออกเช็คเพื่อแลกเงินสดจากโจทก์ แม้จะเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497แต่ไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 จึงเป็นกรณีต้องตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 วรรคสอง ที่ว่าบทบัญญัติของกฎหมายที่บัญญัติในภายหลัง การกระทำเช่นนั้นไม่เป็นความผิดต่อไปให้ผู้ที่ได้กระทำการนั้นพ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิด และถ้าได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษแล้วก็ให้ถือว่าผู้นั้นไม่เคยต้องคำพิพากษาว่าได้กระทำความผิดนั้น ถ้ารับโทษอยู่ก็ให้การลงโทษนั้นสิ้นสุดลง จึงต้องถือว่าจำเลยไม่เคยต้องคำพิพากษาว่าได้กระทำผิดและต้องปล่อยจำเลยพ้นจากการถูกลงโทษ