พบผลลัพธ์ทั้งหมด 746 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 716/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกสัญญาเช่าซื้อและการเรียกร้องค่าเสียหายจากการใช้รถยนต์หลังเลิกสัญญา
จำเลยเช่าซื่อรถยนต์จากโจทก์ กำหนดชำระค่าเช่าซื้อ 19 งวด จำเลยผิดนัดชำระตั้งแต่งวดที่ 10 เป็นต้นมาเกิน 2 งวดติดต่อกัน ซึ่งตามสัญญาเช่าซื่อให้ถือว่าสัญญาเป็นอันเลิกกันตั้งแต่วันผิดนัด เมื่อมีการเลิกสัญญาเช่าซื้อแล้ว โจทก์ผู้ให้เช่าซื้อย่อมมีสิทธิริบเงินค่าเช่าซื้อที่รับไว้แล้วทั้งหมด กับมีสิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนความเสียหายที่ผู้เช่าซื้อได้ใช้รถยนต์ของโจทก์ตลอดระยะเวลาที่ผู้ซื้อครอบครองรถยนต์ดังกล่าวอยู่
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1195/2511)
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1195/2511)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 716/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของผู้ให้เช่าซื้อเมื่อสัญญาเช่าซื้อเลิกกัน: ริบเงินค่าเช่าซื้อ และเรียกร้องค่าเสียหาย
ผู้เช่าซื้อผิดสัญญา เมื่อมีการเลิกสัญญาเช่าซื้อแล้วผู้ให้เช่าซื้อย่อมมีสิทธิรับเงินค่าเช่าซื้อที่รับไว้แล้วทั้งหมด กับมีสิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนความเสียหายที่ผู้เช่าซื้อได้ใช้ทรัพย์ของผู้ให้เช่าซื้อตลอดระยะเวลาที่ผู้ซื้อครอบครองทรัพย์ดังกล่าวอยู่
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1195/2511)
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1195/2511)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3940/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวแทนเชิดในการซื้อขายเช่าซื้อ: การผูกพันบริษัทจำเลยจากการชำระเงินผ่านตัวแทน
การที่บริษัทจำเลยให้ ธ.เป็นผู้จัดการเกี่ยวกับสัญญาเช่าซื้อที่โจทก์ทำกับบริษัทจำเลย เช่นเมื่อบริษัทจำเลยส่งสัญญาเช่าซื้อและเอกสารบางอย่างไปที่ร้านของ ธ.แล้ว ธ.นำไปให้โจทก์ลงชื่อในฐานะผู้เช่าซื้อ และส่งกลับไปให้บริษัทจำเลยจนสำเร็จเป็นสัญญาเช่าซื้อ ตลอดจนเมื่อโจทก์ชำระเงินค่าทะเบียนรถยนต์พิพาทให้บริษัทจำเลยบริษัทจำเลยก็ได้ส่งทะเบียนรถไปให้โจทก์โดยผ่าน ธ.และในการชำระเงินค่าเช่าซื้อ ธ.ก็เป็นผู้รับจากโจทก์แล้วเป็นผู้จัดส่งไปให้บริษัทจำเลย ครั้งสุดท้ายเมื่อโจทก์แจ้งให้บริษัทจำเลยทราบว่า โจทก์ได้ชำระเงินให้กับ ธ.ครบถ้วนแล้วขอให้บริษัทจำเลยโอนทะเบียนรถยนต์พิพาทให้โจทก์ บริษัทจำเลยก็แจ้งให้โจทก์ทราบว่าจะจัดการปัญหาระหว่างโจทก์กับ ธ.ซึ่งต่อมาบริษัทจำเลยก็ได้แจ้งให้โจทก์ทราบว่า ธ.รับเงินค่างวดครั้งสุดท้ายไว้จากโจทก์จริงและบริษัทจำเลยได้ให้ ธ.ส่งให้แก่บริษัทจำเลยแล้วพฤติการณ์ที่ ธ.กับบริษัทจำเลยปฏิบัติต่อกันดังกล่าวมาย่อมถือได้ว่า ธ.เป็นตัวแทนเชิดของบริษัทจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3934/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คพิพาทหลังเลิกสัญญาเช่าซื้อ: ผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมายมีสิทธิเรียกร้องเงินจากผู้ทำเช็ค
จำเลยเช่าซื้อรถยนต์แต่แล้วผิดสัญญา เจ้าของยึดรถคืนเมื่อจำเลยได้ออกเช็คพิพาทชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างก่อนเลิกสัญญาเช่าซื้อ และเจ้าของรถสลักหลังเช็คให้โจทก์ก่อนบอกเลิกสัญญา โจทก์ได้รับโอนเช็คมาเป็นการชำระหนี้จึงเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย เมื่อธนาคาร ปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยก็ต้องรับผิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3837-3838/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีเช่าซื้อ-อำพราง: ห้ามอุทธรณ์ข้อเท็จจริงในคดีเช่าต่ำกว่า 2,000 บาท แม้มีการอ้างสัญญาซื้อขาย
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยให้ออกจากบ้านเช่าซึ่งขณะยื่นคำฟ้องมีอัตราค่าเช่าเดือนละ 300 บาท กับเรียกค่าเช่าที่ค้างชำระอีก 10,800 บาท จำเลยให้การต่อสู้ว่าโจทก์ได้ตกลงขายบ้านพิพาทพร้อมที่ดินให้จำเลย โดยให้จำเลยผ่อนชำระราคา โจทก์ได้ส่งมอบที่ดินและบ้านให้จำเลยเข้าอยู่อาศัยเป็นเจ้าของ จำเลยได้ผ่อนชำระราคาไปบางส่วนแล้ว ต่อมาจำเลยขัดข้องทางการเงินจึงมิได้ผ่อนชำระ โจทก์จึงให้จำเลยทำสัญญาเช่าไว้โดยตกลงกันว่าเมื่อจำเลยนำเงินอีกจำนวนหนึ่งมาให้โจทก์เมื่อใด โจทก์จะโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมด้วยบ้านให้แก่จำเลยทันที สัญญาเช่าจึงเป็นนิติกรรมอำพราง ข้อต่อสู้ของจำเลยดังกล่าวหาใช่เป็นการกล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์แต่อย่างใดไม่ เพราะจำเลยยังยอมรับอำนาจกรรมสิทธิ์ของโจทก์อยู่ ทั้งการที่จำเลยให้การต่อสู้ว่าสัญญาเช่าเป็นนิติกรรมอำพรางนั้นก็มิใช่เป็นการยกข้อโต้เถียงในเรื่องแปลความหมายแห่งข้อความในสัญญาเช่าดังนั้น คดีจึงห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 การที่ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยในข้อเท็จจริงจึงหาชอบไม่ต้องถือว่าข้อเท็จจริงเป็นอันยุติไปตามคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3726/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อกับเจตนาของผู้ให้เช่าซื้อที่ต้องการรับชำระเงินค่าเช่าซื้อ แม้ทราบว่ารถถูกใช้กระทำผิด
รถยนต์ของกลางเป็นรถยนต์ที่จำเลยเช่าซื้อจากผู้ร้องผู้ร้องมีเจตนาเพียงที่จะได้รับชำระเงินค่าเช่าซื้อตามสัญญาเท่านั้น การร้องขอคืนรถยนต์ของกลางของผู้ร้องจึงเป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ของจำเลยซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด เข้าลักษณะเป็นการที่ผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดของจำเลยด้วย จึงหามีสิทธิที่จะขอให้ศาลสั่งคืนรถยนต์ของกลางไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3718/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อไม่เป็นนิติกรรมอำพราง ผู้เช่าซื้อผิดสัญญา เจ้าของทรัพย์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาและเรียกค่าเสียหาย
การให้เช่าซื้อเป็นธุรกิจหนึ่งซึ่งรวมอยู่ในธุรกิจการค้าอื่น ๆ ตามวัตถุประสงค์ของโจทก์ซึ่งเป็นบริษัทจำกัดแม้โจทก์จะไม่มีสินค้าของตนเอง ก็อาจนำเอาสินค้ามาให้ลูกค้าทำการเช่าซื้อได้.โดยทำสัญญาเช่าซื้อกันไว้ล่วงหน้าให้มีผลบังคับกันได้ในเมื่อโจทก์เป็นเจ้าของทรัพย์แล้วมิใช่ว่าเมื่อไม่มีสินค้าของตนเองแล้วจะประกอบธุรกิจการค้าประเภทนี้ไม่ได้
จำเลยยอมสนองรับข้อเสนอของโจทก์ในอันที่จะผูกพันตนตามสัญญาเช่าซื้อซึ่งตนรู้ถึงวัตถุประสงค์ของการทำสัญญาดังกล่าวเป็นอย่างดี ทั้งยังได้ยอมรับเงื่อนไขต่าง ๆ รวมทั้งการชำระหนี้อันเป็นผลโดยตรงที่คู่กรณียอมรับนับถือและให้พึงใช้บังคับต่อกันตามข้อสัญญา ดังนี้สัญญาเช่าซื้อดังกล่าวจึงเป็นนิติกรรมที่ใช้บังคับแก่คู่กรณีได้หาใช่นิติกรรมอำพรางการกู้เงินไม่
ในเรื่องการเช่าซื้อ กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่เช่าซื้อยังคงเป็นของผู้ให้เช่าซื้อเมื่อผู้เช่าซื้อประพฤติผิดสัญญาเจ้าของทรัพย์สินจะบอกเลิกสัญญาเสียก็ได้ บรรดาเงินที่ได้ใช้มาแล้วเจ้าของทรัพย์สินชอบที่จะริบและกลับเข้าครอบครองทรัพย์สินนั้นได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 574 และเมื่อได้ใช้สิทธิเลิกสัญญาแล้ว ย่อมมีผลทำให้คู่สัญญาแต่ละฝ่ายได้กลับคืนสู่ฐานะเดิมของตนที่เป็นอยู่แต่ไม่มีผลกระทบกระทั่งสิทธิในอันที่จะเรียกร้องค่าเสียหายแก่กันดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 391
สัญญาเช่าซื้อกำหนดผ่อนชำระค่าเช่าซื้อเป็นงวดรายเดือนเริ่มงวดแรกภายในวันที่ 22 ตุลาคม 2521 งวดต่อไปภายในวันที่ 22 ของทุก ๆ เดือน จำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อตามสัญญานับแต่งวดที่ 5 ซึ่งครบกำหนดชำระในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2522 เป็นการผิดนัดไม่ใช้เงินสองคราวติด ๆ กัน ถือว่าจำเลยผิดสัญญา โจทก์ชอบที่จะใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาและกลับเข้าครอบครองทรัพย์สินที่เช่าซื้อได้ตั้งแต่วันที่มีการผิดนัดเป็นต้นมา เมื่อจำเลยยังคงครอบครองและใช้ประโยชน์ในตัวทรัพย์นั้นมาโดยตลอด ย่อมทำให้โจทก์เสียหาย โจทก์ชอบที่จะเรียกค่าที่จำเลยได้ใช้ทรัพย์ของโจทก์มาตลอดระยะเวลาที่จำเลยครอบครองทรัพย์ ถือตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม 2522 เป็นต้นมาตามมาตรา 391 วรรคสาม
จำเลยยอมสนองรับข้อเสนอของโจทก์ในอันที่จะผูกพันตนตามสัญญาเช่าซื้อซึ่งตนรู้ถึงวัตถุประสงค์ของการทำสัญญาดังกล่าวเป็นอย่างดี ทั้งยังได้ยอมรับเงื่อนไขต่าง ๆ รวมทั้งการชำระหนี้อันเป็นผลโดยตรงที่คู่กรณียอมรับนับถือและให้พึงใช้บังคับต่อกันตามข้อสัญญา ดังนี้สัญญาเช่าซื้อดังกล่าวจึงเป็นนิติกรรมที่ใช้บังคับแก่คู่กรณีได้หาใช่นิติกรรมอำพรางการกู้เงินไม่
ในเรื่องการเช่าซื้อ กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่เช่าซื้อยังคงเป็นของผู้ให้เช่าซื้อเมื่อผู้เช่าซื้อประพฤติผิดสัญญาเจ้าของทรัพย์สินจะบอกเลิกสัญญาเสียก็ได้ บรรดาเงินที่ได้ใช้มาแล้วเจ้าของทรัพย์สินชอบที่จะริบและกลับเข้าครอบครองทรัพย์สินนั้นได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 574 และเมื่อได้ใช้สิทธิเลิกสัญญาแล้ว ย่อมมีผลทำให้คู่สัญญาแต่ละฝ่ายได้กลับคืนสู่ฐานะเดิมของตนที่เป็นอยู่แต่ไม่มีผลกระทบกระทั่งสิทธิในอันที่จะเรียกร้องค่าเสียหายแก่กันดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 391
สัญญาเช่าซื้อกำหนดผ่อนชำระค่าเช่าซื้อเป็นงวดรายเดือนเริ่มงวดแรกภายในวันที่ 22 ตุลาคม 2521 งวดต่อไปภายในวันที่ 22 ของทุก ๆ เดือน จำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อตามสัญญานับแต่งวดที่ 5 ซึ่งครบกำหนดชำระในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2522 เป็นการผิดนัดไม่ใช้เงินสองคราวติด ๆ กัน ถือว่าจำเลยผิดสัญญา โจทก์ชอบที่จะใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาและกลับเข้าครอบครองทรัพย์สินที่เช่าซื้อได้ตั้งแต่วันที่มีการผิดนัดเป็นต้นมา เมื่อจำเลยยังคงครอบครองและใช้ประโยชน์ในตัวทรัพย์นั้นมาโดยตลอด ย่อมทำให้โจทก์เสียหาย โจทก์ชอบที่จะเรียกค่าที่จำเลยได้ใช้ทรัพย์ของโจทก์มาตลอดระยะเวลาที่จำเลยครอบครองทรัพย์ ถือตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม 2522 เป็นต้นมาตามมาตรา 391 วรรคสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3718/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อไม่เป็นนิติกรรมอำพราง ผู้เช่าซื้อผิดสัญญา เจ้าของทรัพย์มีสิทธิเรียกค่าเสียหาย
การให้เช่าซื้อเป็นธุรกิจหนึ่งซึ่งรวมอยู่ในธุรกิจการค้าอื่น ๆ ตามวัตถุประสงค์ของโจทก์ซึ่งเป็นบริษัทจำกัดแม้โจทก์จะไม่มีสินค้าของตนเอง ก็อาจนำเอาสินค้ามาให้ลูกค้าทำการเช่าซื้อได้.โดยทำสัญญาเช่าซื้อกันไว้ล่วงหน้าให้มีผลบังคับกันได้ในเมื่อโจทก์เป็นเจ้าของทรัพย์แล้วมิใช่ว่าเมื่อไม่มีสินค้าของตนเองแล้วจะประกอบธุรกิจการค้าประเภทนี้ไม่ได้
จำเลยยอมสนองรับข้อเสนอของโจทก์ในอันที่จะผูกพันตนตามสัญญาเช่าซื้อซึ่งตนรู้ถึงวัตถุประสงค์ของการทำสัญญาดังกล่าวเป็นอย่างดี ทั้งยังได้ยอมรับเงื่อนไขต่าง ๆรวมทั้งการชำระหนี้อันเป็นผลโดยตรงที่คู่กรณียอมรับนับถือและให้พึงใช้บังคับต่อกันตามข้อสัญญา ดังนี้สัญญาเช่าซื้อดังกล่าวจึงเป็นนิติกรรมที่ใช้บังคับแก่คู่กรณีได้หาใช่นิติกรรมอำพรางการกู้เงินไม่
ในเรื่องการเช่าซื้อ กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่เช่าซื้อยังคงเป็นของผู้ให้เช่าซื้อเมื่อผู้เช่าซื้อประพฤติผิดสัญญาเจ้าของทรัพย์สินจะบอกเลิกสัญญาเสียก็ได้ บรรดาเงินที่ได้ใช้มาแล้วเจ้าของทรัพย์สินชอบที่จะริบและกลับเข้าครอบครองทรัพย์สินนั้นได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 574และเมื่อได้ใช้สิทธิเลิกสัญญาแล้ว ย่อมมีผลทำให้คู่สัญญาแต่ละฝ่ายได้กลับคืนสู่ฐานะเดิมของตนที่เป็นอยู่แต่ไม่มีผลกระทบกระทั่งสิทธิในอันที่จะเรียกร้องค่าเสียหายแก่กันดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 391
สัญญาเช่าซื้อกำหนดผ่อนชำระค่าเช่าซื้อเป็นงวดรายเดือนเริ่มงวดแรกภายในวันที่ 22 ตุลาคม 2521 งวดต่อไปภายในวันที่ 22 ของทุก ๆ เดือน จำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อตามสัญญานับแต่งวดที่ 5 ซึ่งครบกำหนดชำระในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2522 เป็นการผิดนัดไม่ใช้เงินสองคราวติด ๆ กัน ถือว่าจำเลยผิดสัญญา โจทก์ชอบที่จะใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาและกลับเข้าครอบครองทรัพย์สินที่เช่าซื้อได้ตั้งแต่วันที่มีการผิดนัดเป็นต้นมา เมื่อจำเลยยังคงครอบครองและใช้ประโยชน์ในตัวทรัพย์นั้นมาโดยตลอด ย่อมทำให้โจทก์เสียหาย โจทก์ชอบที่จะเรียกค่าที่จำเลยได้ใช้ทรัพย์ของโจทก์มาตลอดระยะเวลาที่จำเลยครอบครองทรัพย์ ถือตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม 2522 เป็นต้นมาตามมาตรา 391 วรรคสาม
จำเลยยอมสนองรับข้อเสนอของโจทก์ในอันที่จะผูกพันตนตามสัญญาเช่าซื้อซึ่งตนรู้ถึงวัตถุประสงค์ของการทำสัญญาดังกล่าวเป็นอย่างดี ทั้งยังได้ยอมรับเงื่อนไขต่าง ๆรวมทั้งการชำระหนี้อันเป็นผลโดยตรงที่คู่กรณียอมรับนับถือและให้พึงใช้บังคับต่อกันตามข้อสัญญา ดังนี้สัญญาเช่าซื้อดังกล่าวจึงเป็นนิติกรรมที่ใช้บังคับแก่คู่กรณีได้หาใช่นิติกรรมอำพรางการกู้เงินไม่
ในเรื่องการเช่าซื้อ กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่เช่าซื้อยังคงเป็นของผู้ให้เช่าซื้อเมื่อผู้เช่าซื้อประพฤติผิดสัญญาเจ้าของทรัพย์สินจะบอกเลิกสัญญาเสียก็ได้ บรรดาเงินที่ได้ใช้มาแล้วเจ้าของทรัพย์สินชอบที่จะริบและกลับเข้าครอบครองทรัพย์สินนั้นได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 574และเมื่อได้ใช้สิทธิเลิกสัญญาแล้ว ย่อมมีผลทำให้คู่สัญญาแต่ละฝ่ายได้กลับคืนสู่ฐานะเดิมของตนที่เป็นอยู่แต่ไม่มีผลกระทบกระทั่งสิทธิในอันที่จะเรียกร้องค่าเสียหายแก่กันดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 391
สัญญาเช่าซื้อกำหนดผ่อนชำระค่าเช่าซื้อเป็นงวดรายเดือนเริ่มงวดแรกภายในวันที่ 22 ตุลาคม 2521 งวดต่อไปภายในวันที่ 22 ของทุก ๆ เดือน จำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อตามสัญญานับแต่งวดที่ 5 ซึ่งครบกำหนดชำระในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2522 เป็นการผิดนัดไม่ใช้เงินสองคราวติด ๆ กัน ถือว่าจำเลยผิดสัญญา โจทก์ชอบที่จะใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาและกลับเข้าครอบครองทรัพย์สินที่เช่าซื้อได้ตั้งแต่วันที่มีการผิดนัดเป็นต้นมา เมื่อจำเลยยังคงครอบครองและใช้ประโยชน์ในตัวทรัพย์นั้นมาโดยตลอด ย่อมทำให้โจทก์เสียหาย โจทก์ชอบที่จะเรียกค่าที่จำเลยได้ใช้ทรัพย์ของโจทก์มาตลอดระยะเวลาที่จำเลยครอบครองทรัพย์ ถือตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม 2522 เป็นต้นมาตามมาตรา 391 วรรคสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3325/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไล่เบี้ยหนี้จากการซื้อขายเครื่องพิมพ์ที่ถูกยึดคืนจากสัญญาเช่าซื้อ: อายุความ 10 ปี หรือ 3 เดือน
จำเลยซื้อเครื่องพิมพ์จากบริษัท ส. แล้วนำมาขายให้โจทก์ โจทก์นำเครื่องพิมพ์ดังกล่าวไปแลกเปลี่ยนเครื่องตัดกระดาษลกับบริษัทอ.เครื่องพิมพ์ดังกล่าวบริษัทส. เช่าซื้อจาก บริษัท ก. แล้วผิดสัญญาเช่าซื้อบริษัท ก. ฟ้องเรียกเครื่องพิมพ์คืนและนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดเครื่องพิมพ์คืนจากบริษัท อ.บริษัทอ. จึงฟ้องเรียกค่าเครื่องพิมพ์จากโจทก์ ศาลพิพากษาให้โจทก์ชำระ การที่โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ให้ชดใช้ราคาเครื่องพิมพ์เป็นการฟ้องเพื่อใช้สิทธิไล่เบี้ย ไม่ใช่ให้รับผิดเพื่อการรอนสิทธิต้องนำอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 มาใช้บังคับ จะนำอายุความ 3 เดือนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 481มาใช้บังคับไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 283/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อเป็นพ้นวิสัยจากเหตุเวนคืน ผู้เช่าซื้อมีสิทธิเรียกเงินคืน
สัญญาเช่าซื้อตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 57 นั้น เป็นสัญญาเช่าอย่างหนึ่ง ผู้ให้เช่าย่อมมีหน้าที่ส่งมอบทรัพย์สินที่เช่าให้ผู้เช่าได้ใช้ประโยชน์ตามสัญญา โจทก์ตกลงเช่าซื้อที่ดินเพื่อปลูกสร้างอาคารพาณิชย์ขายพร้อมที่ดิน มิใช่เช่าซื้อมาเพื่อรับเงินค่าทดแทนการเวนคืน เมื่อจำเลยไม่สามารถส่งมอบที่ดินให้โจทก์ได้ใช้หรือได้รับประโยชน์ตามสัญญาเพราะที่ดินถูกเวนคืน การชำระหนี้ย่อมตกเป็นพ้นวิสัยเพราะเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งอันจะโทษฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมิได้ จำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ย่อมมีมีสิทธิที่ชำระหนี้ตอบแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 372 วรรคแรก โจทก์จึงมีสิทธิเรียกค่าเช่าซื้อที่ชำระไปแล้วคืนจากจำเลย
สัญญาระหว่างโจทก์จำเลยเป็นสัญญาต่างตอบแทน ซึ่งคู่สัญญาต่างมีหนี้ที่จะต้องชำระตอบแทนกัน แม้จำเลยจะหลุดพันจากการชำระหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 219 จำเลยก็ไม่มีสิทธิที่จะได้รับชำระหนี้ตอบแทนตามมาตรา 372 วรรคแรก กรณีเช่นนี้ไม่มีบทกฎหมายใดให้สิทธิจำเลยที่จะได้รับชำระหนี้ฝ่ายเดียวโดยไม่ต้องชำระหนี้ตอบแทน
สัญญาเช่าซื้อนั้น ผู้เช่าซื้อจะบอกเลิกสัญญาในเวลาใดเวลาหนึ้งก็ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 573 และในกรณีที่การชำระหนี้เป็นพ้นวิสัยตามมาตรา 219 แม้สัญญาไม่เลิกกัน ก็ย่อมระงับเพราะไม่มีผลบังคับทางกฎหมาย
สัญญาระหว่างโจทก์จำเลยเป็นสัญญาต่างตอบแทน ซึ่งคู่สัญญาต่างมีหนี้ที่จะต้องชำระตอบแทนกัน แม้จำเลยจะหลุดพันจากการชำระหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 219 จำเลยก็ไม่มีสิทธิที่จะได้รับชำระหนี้ตอบแทนตามมาตรา 372 วรรคแรก กรณีเช่นนี้ไม่มีบทกฎหมายใดให้สิทธิจำเลยที่จะได้รับชำระหนี้ฝ่ายเดียวโดยไม่ต้องชำระหนี้ตอบแทน
สัญญาเช่าซื้อนั้น ผู้เช่าซื้อจะบอกเลิกสัญญาในเวลาใดเวลาหนึ้งก็ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 573 และในกรณีที่การชำระหนี้เป็นพ้นวิสัยตามมาตรา 219 แม้สัญญาไม่เลิกกัน ก็ย่อมระงับเพราะไม่มีผลบังคับทางกฎหมาย