พบผลลัพธ์ทั้งหมด 5,764 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 218/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฎีกาอาญา: จำเลยต้องฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ก่อน จึงจะเริ่มนับอายุความฎีกาได้
อายุความฎีกาตามป.วิ.อาญามาตรา 216 นั้น ต้องฎีกาภายในหนึ่งเดือน นับแต่วันอ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟัง+จำเลยยังไม่ได้ฟังคำพิพากษาศาลอุทธร์ แม้ศาลได้อ่านให้โจทก์ฟังฝ่ายเดียวแล้ว โจทก์ยังไม่มีสิทธิฎีกา ศาลฎีกาสั่งไม่รับฎีกา.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 216/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความการปลอมแปลงเอกสารและแจ้งเท็จต่อเจ้าพนักงาน, การใช้เอกสารปลอมที่ตนเองทำขึ้น
หนังสือมอบฉันทะให้โอนกรรมสิทธิ์ที่ดิน เป็นหนังสือสำคัญตามกฏหมายอาญามาตรา 224
การใช้หนังสือปลอมอันจะ+ผิดตามมาตรา 227
เป็นการนำหนังสือที่ผู้อื่น+มาใช้ ถ้าตนปลอมขึ้นเองและนำเอาไปใช้ด้วย ไม่เป็นผิดตามมาตรา 227
ความผิดฐานปลอมหนังสือ+ม.224 มีอายุความ+ต้องภายใน 5 ปี
การใช้หนังสือปลอมอันจะ+ผิดตามมาตรา 227
เป็นการนำหนังสือที่ผู้อื่น+มาใช้ ถ้าตนปลอมขึ้นเองและนำเอาไปใช้ด้วย ไม่เป็นผิดตามมาตรา 227
ความผิดฐานปลอมหนังสือ+ม.224 มีอายุความ+ต้องภายใน 5 ปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 216/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องร้องคดีปลอมแปลงหนังสือสำคัญทางกฎหมาย และการใช้หนังสือปลอมที่ตนเองปลอม
หนังสือมอบฉันทะให้โอนกรรมสิทธิ์ที่ดิน เป็นหนังสือสำคัญตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 224
การใช้หนังสือปลอมอันจะเป็นผิดตามมาตรา 227 ต้องเป็นการนำหนังสือที่ผู้อื่นปลอมมาใช้ ถ้าตนปลอมขึ้นเองแล้วเอาไปใช้ด้วย ไม่เป็นผิดตามมาตรา 227
ความผิดฐานปลอมหนังสือตาม มาตรา 224 มีอายุความฟ้องร้องภายใน5 ปี
การใช้หนังสือปลอมอันจะเป็นผิดตามมาตรา 227 ต้องเป็นการนำหนังสือที่ผู้อื่นปลอมมาใช้ ถ้าตนปลอมขึ้นเองแล้วเอาไปใช้ด้วย ไม่เป็นผิดตามมาตรา 227
ความผิดฐานปลอมหนังสือตาม มาตรา 224 มีอายุความฟ้องร้องภายใน5 ปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 204/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองทรัพย์มรดกโดยผู้รับมรดกย่อมไม่ทำให้จำเลยอ้างอายุความได้
มารดาแลตาเป็นเจ้าของที่ดินและเรือนร่วมกัน เมื่อมารดาตายแล้ว บุตรผู้ตายซึ่งเป็นผู้รับมฤดก ได้อยู่ร่วมเรือนนี้มากับตา ย่อถือได้ว่าบุตรผู้ตายได้ครอบครองทรัพย์มฤดก ตาจะอ้างอายุความมฤดกมายันบุตรผู้ตายไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 204/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองทรัพย์มรดก: บุตรผู้รับมรดกอยู่ร่วมเรือนกับตา ย่อมถือว่าครอบครองทรัพย์มรดก
มารดาและตาเป็นเจ้าของที่ดินและเรือนร่วมกัน เมื่อมารดาตายแล้ว บุตรผู้ตายซึ่งเป็นผู้รับมรดกได้อยู่ร่วมเรือนนี้มากับตา ย่อมถือได้ว่าบุตรผู้ตายได้ครอบครองทรัพย์มรดกตาจะอ้างอายุความมรดกมายันบุตรผู้ตายไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 154/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งศาลระหว่างพิจารณาเรื่องอายุความ ไม่อุทธรณ์ฎีกาได้
จำเลยขอให้ศาลชั้นต้นชี้ขาดเบื้องต้นตามมาตรา 24 ว่าคดีโจทก์หมดอายุความ ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องโดยเห็นว่า คำให้การต่อสู้เรื่องอายุความเป็นเรื่องที่จะต้องฟังข้อเท็จจริงก่อนนั้น ไม่ใช่คำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นตามมาตรา + อันจะอุทธรณ์ฎีกาได้ หากแต่เป็นคำสั่งระหว่าพิจารณาเท่านั้น เพราะศาลยังมิได้มีคำวินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นแห่งคดีสำหรับเรื่องอายุความนี้แต่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 148/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งระหว่างพิจารณาไม่อุทธรณ์ฎีกาก่อนมีคำพิพากษา – กรณีแก้ฟ้องและคำร้องชี้ขาดเบื้องต้นเรื่องอายุความ
คำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้โจทก์แก้ฟ้องนั้น เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา จำเลยไม่มีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาก่อนมีคำพิพากษา
คำสั่งศาลชั้นต้นที่วินิจฉัยให้ยกคำร้องของจำเลยที่ขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นตาม ป.วิ.แพ่งมาตรา 24 ในเรื่องอายุความ โดยเห็นว่าคำให้การต่อสู้ของจำเลยเรื่องอายุความเป็นเรื่องที่จะต้องฟังข้อเท็จจริงก่อนนั้น เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา เพราะศาลยังมิได้มีคำวินิจฉัยชี้ขาด ในประเด็นแห่งคดีสำหรับเรื่องอายุความนั้นแต่อย่างใด จึงมิใช่คำสั่งศาลที่ได้ออกตามความในมาตรา 24 จำเลยจะอุทธรณ์ฎีกาไม่ได้
(มีคำพิพากษาฎีกาตัดสินอย่างเดียวกัน คือ คดีดำที่ 442,443,444,445,446/2490)
คำสั่งศาลชั้นต้นที่วินิจฉัยให้ยกคำร้องของจำเลยที่ขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นตาม ป.วิ.แพ่งมาตรา 24 ในเรื่องอายุความ โดยเห็นว่าคำให้การต่อสู้ของจำเลยเรื่องอายุความเป็นเรื่องที่จะต้องฟังข้อเท็จจริงก่อนนั้น เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา เพราะศาลยังมิได้มีคำวินิจฉัยชี้ขาด ในประเด็นแห่งคดีสำหรับเรื่องอายุความนั้นแต่อย่างใด จึงมิใช่คำสั่งศาลที่ได้ออกตามความในมาตรา 24 จำเลยจะอุทธรณ์ฎีกาไม่ได้
(มีคำพิพากษาฎีกาตัดสินอย่างเดียวกัน คือ คดีดำที่ 442,443,444,445,446/2490)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 148/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งระหว่างพิจารณาและการอุทธรณ์ฎีกา: การอนุญาตแก้ฟ้องและคำร้องชี้ขาดเบื้องต้นเรื่องอายุความ
คำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้โจทก์แก้ฟ้องนั้น เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาจำเลยไม่มีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาก่อนมีคำพิพากษา
คำสั่งศาลชั้นต้นที่วินิจฉัยให้ยกคำร้องของจำเลยที่ขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 24 ในเรื่องอายุความโดยเห็นว่าคำให้การต่อสู้ของจำเลยเรื่องอายุความเป็นเรื่องที่จะต้องฟังข้อเท็จจริงก่อนนั้น เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา เพราะศาลยังมิได้มีคำวินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นแห่งคดีสำหรับเรื่องอายุความนี้แต่อย่างใด จึงมิใช่คำสั่งศาลที่ได้ออกตามความในมาตรา 24 จำเลยจะอุทธรณ์ฎีกาไม่ได้
มีคำพิพากษาฎีกาตัดสินอย่างเดียวกันคือคดีดำที่ 442,443,444,445,446/2490)
คำสั่งศาลชั้นต้นที่วินิจฉัยให้ยกคำร้องของจำเลยที่ขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 24 ในเรื่องอายุความโดยเห็นว่าคำให้การต่อสู้ของจำเลยเรื่องอายุความเป็นเรื่องที่จะต้องฟังข้อเท็จจริงก่อนนั้น เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา เพราะศาลยังมิได้มีคำวินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นแห่งคดีสำหรับเรื่องอายุความนี้แต่อย่างใด จึงมิใช่คำสั่งศาลที่ได้ออกตามความในมาตรา 24 จำเลยจะอุทธรณ์ฎีกาไม่ได้
มีคำพิพากษาฎีกาตัดสินอย่างเดียวกันคือคดีดำที่ 442,443,444,445,446/2490)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1154/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิจากการครอบครองโดยอายุความและการซื้อขายมีเงื่อนไข
บิดาจำเลยได้ขายนาให้แก่มารดาโจทก์เมื่อ 20 ปีเศษแล้ว โดยทำหนังสือสัญญาซื้อขายกันเอง ตกลงกันจะไปโอนโฉนดในภายหลัง ได้มอบโฉนดและการครอบครองให้แก่ผู้ซื้อทำกินเป็นเจ้าของตลอดมา ต่อมาขโมยลักโฉนดนี้ไป เลยไม่ได้โดนโฉนดกัน ดังนี้โจทก์ย่อมได้กรรมสิทธิในทางครอบครอง ตาม ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 1382.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1080/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าของฟ้องขับไล่ผู้บุกรุก - การอยู่โดยอาศัยไม่อ้างอายุความได้
โจทก์กับพวกเป็นเจ้าของและใช้ห้องพิพาทเป็นสมาคม ซึ่งไม่ได้จดทะเบียนและให้จำเลยอาศัยอยู่ โจทก์ผู้เดียว ย่อมฟ้องขับไล่จำเลยในฐานะเป็นบุคคลธรรมดาที่เป็นเจ้าของร่วมกันได้
จำเลยอยู่ห้องพิพาทโดยทางอาศัย จะยกอายุความขึ้นต่อสู้โจทก์ ผู้เป็นเจ้าของไม่ได้
การอยู่โดยอาศัยหาอยู่ในความคุ้มครองของ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขันไม่
จำเลยอยู่ห้องพิพาทโดยทางอาศัย จะยกอายุความขึ้นต่อสู้โจทก์ ผู้เป็นเจ้าของไม่ได้
การอยู่โดยอาศัยหาอยู่ในความคุ้มครองของ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขันไม่