พบผลลัพธ์ทั้งหมด 886 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2222/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอ้างกฎหมายผิดในคำฟ้อง และการลงโทษผู้ร่วมกระทำผิด แม้ไม่ปรากฏในคำพิพากษา
บรรยายฟ้องว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 อันเป็นกฎหมายที่ถูกต้องแต่ระบุขอไว้ท้ายฟ้องเป็นพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2525 ไม่ตรงกับคำบรรยายถึงกฎหมายที่อ้างอิงไว้ในคำฟ้องและพระราชบัญญัติยาเสพติดตามพ.ศ.ที่โจทก์ขอให้ลงโทษก็ไม่มีเป็นการผิดพลาดไป ถือได้ว่าเป็นกรณีที่โจทก์อ้างกฎหมายผิด ศาลล่างทั้งสองมีอำนาจลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 กันเป็นกฎหมายที่ถูกต้องได้กรณีไม่เป็นการอ้างกฎหมายที่ไม่มีอยู่จริงมาใช้บังคับ
ส่วนที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองฐานร่วมกันกระทำผิดโดยมิได้กล่าวอ้างประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 นั้น ปรากฏว่าโจทก์บรรยายฟ้องและอ้างบทกฎหมายมาตรานี้ท้ายฟ้อง แสดงว่าโจทก์ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยทั้งสองผู้ร่วมกระทำความผิดด้วยกันแล้ว แม้ศาลล่างทั้งสองจะไม่ได้กล่าวอ้างประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 มาในคำพิพากษาก็ไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอ
ส่วนที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองฐานร่วมกันกระทำผิดโดยมิได้กล่าวอ้างประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 นั้น ปรากฏว่าโจทก์บรรยายฟ้องและอ้างบทกฎหมายมาตรานี้ท้ายฟ้อง แสดงว่าโจทก์ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยทั้งสองผู้ร่วมกระทำความผิดด้วยกันแล้ว แม้ศาลล่างทั้งสองจะไม่ได้กล่าวอ้างประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 มาในคำพิพากษาก็ไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2199/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องไม่เคลือบคลุม แม้ไม่ได้ระบุรายละเอียดจำนวนเงินที่เสียหายทั้งหมด หากโจทก์สามารถสืบรายละเอียดได้ในชั้นพิจารณา
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยซึ่งเป็นหัวหน้าส่วนการคลังและคณะกรรมการรับผิดชอบเก็บรักษาเงินของโจทก์ มีความบกพร่องในหน้าที่และไม่ปฏิบัติตามระเบียบ เป็นเหตุให้ ส. ยักยอกเอาเงินดังกล่าวของโจทก์อันอยู่ในความรับผิดชอบของจำเลยและพวกไปทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ดังนี้ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ไม่ เคลือบคลุมแต่อย่างใด โจทก์หาจำต้องบรรยายไว้ในคำฟ้องถึงจำนวนเงินนี้โดยละเอียดว่าเป็นค่าอะไรบ้างและแต่ละจำนวนเป็นจำนวนเท่าใด เพราะจำนวนเงินดังกล่าวโจทก์นำสืบรายละเอียดได้ในชั้นพิจารณาของศาล และจำเลยก็มีโอกาสซักค้านพยานโจทก์เกี่ยวกับเงิน จำนวน นี้ ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2199/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องไม่เคลือบคลุม แม้ไม่ระบุรายละเอียดเงินขาดบัญชี เพราะจำเลยสามารถต่อสู้คดีได้และรู้รายละเอียด
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยซึ่งเป็นหัวหน้าส่วนการคลังและคณะกรรมการรับผิดชอบเก็บรักษาเงินของโจทก์ มีความบกพร่องในหน้าที่และไม่ปฏิบัติตามระเบียบ เป็นเหตุให้ ส. ยักยอกเอาเงินดังกล่าวของโจทก์อันอยู่ในความรับผิดชอบของจำเลยและพวกไป ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้จำเลยใช้ ค่าเสียหายแก่โจทก์ ดังนี้ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ไม่ เคลือบคลุมแต่อย่างใด โจทก์หาจำต้องบรรยายไว้ในคำฟ้องถึงจำนวนเงินนี้โดยละเอียดว่าเป็นค่าอะไรบ้างและแต่ละจำนวนเป็นจำนวนเท่าใด เพราะจำนวนเงินดังกล่าวโจทก์นำสืบรายละเอียดได้ในชั้นพิจารณาของศาล และจำเลยก็มีโอกาสซักค้านพยานโจทก์เกี่ยวกับเงินจำนวนนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1847/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เขตอำนาจศาล: ศาลชั้นต้นเพิกถอนคำสั่งรับคำฟ้องได้หากพบภายหลังว่าไม่มีเขตอำนาจเหนือคดี
โจทก์เสนอคำฟ้องแต่แรกโดยระบุภูมิลำเนาของจำเลยผิดพลาดเป็นเหตุให้ศาลชั้นต้นหลงผิดไปว่าโจทก์มีอำนาจเสนอคำฟ้องต่อศาลชั้นต้นได้ แต่เมื่อความจริงเรื่องภูมิลำเนาของจำเลยปรากฏขึ้นว่า การเปลี่ยนแปลงภูมิลำเนาของจำเลยเกิดขึ้นก่อนศาลชั้นต้นรับคำฟ้องไว้ ศาลชั้นต้นจึงมิใช่ศาลที่มีเขตอำนาจเหนือคดีนั้น ที่ศาลชั้นต้นสั่งรับคำฟ้องของโจทก์ไว้จึงผิดพลาด ถือว่าเป็นกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบศาลชั้นต้นย่อมมีอำนาจที่จะเพิกถอนคำสั่งนั้นแล้วมีคำสั่งใหม่ได้
ไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายใดบังคับให้ศาลจำต้องกำหนดเวลาให้โจทก์ไปฟ้องเป็นคดีใหม่ในกรณีที่สั่งจำหน่ายคดีเพราะเหตุที่ คำฟ้องต้องห้ามเรื่องเขตอำนาจศาล
ไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายใดบังคับให้ศาลจำต้องกำหนดเวลาให้โจทก์ไปฟ้องเป็นคดีใหม่ในกรณีที่สั่งจำหน่ายคดีเพราะเหตุที่ คำฟ้องต้องห้ามเรื่องเขตอำนาจศาล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1076/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตฟ้องแย้ง: ประเด็นเกี่ยวเนื่องกับคำฟ้องเดิมต้องรับไว้พิจารณา แต่ประเด็นอื่นที่ไม่เกี่ยวเนื่องต้องห้าม
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการห้าง ฯ โจทก์ที่ 1 โจทก์ที่ 3 และจำเลยที่ 4 เป็นหุ้นส่วน ในระหว่างที่จำเลยร่วมกันดำเนินกิจการของโจทก์ 1 แทนโจทก์ที่ 2 ได้จำหน่ายรถไถและอุปกรณ์รถไถของโจทก์ที่ 1 แล้วไม่นำเงินส่งให้โจทก์ที่ 1 กับเอาตราและเอกสารของโจทก์ที่ 1 ไปด้วย ขอให้จำเลยชำระเงินค่าสินค้าที่จำหน่ายไป กับให้ส่งมอบตราและเอกสารแก่โจทก์ จำเลยที่ 4 ให้การและฟ้องแย้งว่า โจทก์ที่ 2 ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการและลูกจ้างของโจทก์ที่ 1 ได้รับรถไถของจำเลยที่ 4 ไปจำหน่ายแล้วไม่นำเงินส่งมอบแก่โจทก์ 1 และจำเลยที่ 4 ตามข้อตกลง ทั้งยังได้นำเงินของโจทก์ที่ 1 ไปใช้จ่ายเป็นส่วนตัวอีกด้วย ขอให้โจทก์ที่ 2 ชำระเงินแก่โจทก์ที่ 1 และจำเลยที่ 4 กับให้โจทก์ที่ 3 ซึ่งเข้ามาช่วยโจทก์ที่ 2 ดำเนินการห้าง ฯ โจทก์ที่ร่วมรับผิดด้วย และให้โจทก์ที่ 2 ไปดำเนินการจดทะเบียนเลิกห้าง ฯ โจทก์ที่ 1 และชำระบัญชี ดังนี้ ฟ้องแย้งในเรื่องที่เกี่ยวกับรถไถเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม ส่วนฟ้องแย้งที่อ้างว่าโจทก์ที่ 2 และที่ 3 นำเงินของโจทก์ที่ 1 ไปใช้จ่ายเป็นส่วนตัว กับให้โจทก์ที่ 2 ไปดำเนินการจดทะเบียนเลิกห้างฯ โจทก์ที่ 1และชำระบัญชีนั้น เป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม ต้องห้ามมิให้ฟ้องแย้งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1076/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการฟ้องแย้ง: ประเด็นเกี่ยวเนื่องกับคำฟ้องเดิม vs. ประเด็นอื่นนอกเหนือ
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการห้างฯ โจทก์ที่ 1 โจทก์ที่ 3 และจำเลยที่ 4 เป็นหุ้นส่วนในระหว่างที่จำเลยร่วมกันดำเนินกิจการของโจทก์ที่1 แทนโจทก์ที่ 2 ได้จำหน่ายรถไถและอุปกรณ์รถไถของโจทก์ที่ 1 แล้วไม่นำเงินส่งให้โจทก์ที่1 กับเอาตราและเอกสารของโจทก์ที่ 1 ไปด้วย ขอให้จำเลยชำระเงินค่าสินค้าที่จำหน่ายไป กับให้ส่งมอบตราและเอกสารแก่โจทก์จำเลยที่ 4 ให้การและฟ้องแย้งว่า โจทก์ที่ 2 ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการและลูกจ้างของโจทก์ที่ 1 ได้รับรถไถของจำเลยที่ 4 ไปจำหน่ายแล้วไม่นำเงินส่งมอบแก่โจทก์ที่ 1 และจำเลยที่ 4 ตามข้อตกลง ทั้งยังได้นำเงินของโจทก์ที่ 1 ไปใช้จ่ายเป็นส่วนตัวอีกด้วยขอให้โจทก์ที่ 2 ชำระเงินแก่โจทก์ที่ 1 และจำเลยที่ 4 กับให้โจทก์ที่ 3 ซึ่งเข้ามาช่วยโจทก์ที่ 2 ดำเนินการห้างฯ โจทก์ที่ 1 ร่วมรับผิดด้วย และให้โจทก์ที่ 2 ไปดำเนินการจดทะเบียนเลิกห้างฯ โจทก์ที่ 1 และชำระบัญชีดังนี้ ฟ้องแย้งในเรื่องที่เกี่ยวกับรถไถเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม ส่วนฟ้องแย้งที่อ้างว่าโจทก์ที่ 2 และที่ 3 นำเงินของโจทก์ที่ 1 ไปใช้จ่ายเป็นส่วนตัวกับให้โจทก์ที่ 2 ไปดำเนินการจดทะเบียนเลิกห้างฯ โจทก์ที่ 1 และชำระบัญชีนั้น เป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมต้องห้ามมิให้ฟ้องแย้งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 737/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชัดเจนของคำฟ้อง: การระบุสถานะความสามารถของโจทก์ผู้เยาว์และผู้บรรลุนิติภาวะ
ในคำฟ้องของโจทก์ แม้โจทก์จะระบุชื่อโจทก์ทั้ง 4 คนแล้วตามด้วยคำว่าโดย ช. บิดาผู้ปกครองผู้แทนโดยชอบธรรมโดยมิได้บรรยายให้ชัดว่าโจทก์คนไหนฟ้องคดีเอง และคนไหนฟ้องโดยผู้แทนโดยชอบธรรมก็ตาม แต่ในคำฟ้องก็ยังปรากฏว่าโจทก์ได้ระบุอายุของโจทก์ที่ 1 ว่า 24 ปี โจทก์ที่ 2 อายุ 16 ปี ส่วนโจทก์ที่ 3 และโจทก์ที่ 4 นั้น แม้โจทก์จะมิได้ระบุอายุของโจทก์ที่ 3 ที่ 4 ไว้ แต่กลับระบุอายุของบิดาไว้แทนก็ตามแต่ก็ปรากฏในคำฟ้องว่า โจทก์ที่ 3 เป็นเด็กหญิง และโจทก์ที่ 4 เป็นเด็กชายดังนี้ย่อมพอเข้าใจได้แล้วว่าโจทก์ที่ 1 บรรลุนิติภาวะแล้วและฟ้องคดีด้วยตนเองส่วนโจทก์ที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 ยังเป็นผู้เยาว์บิดาผู้แทนโดยชอบธรรมฟ้องคดีแทน ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 552/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเคลือบคลุม: จำเลยต้องระบุรายละเอียดข้อบกพร่องของคำฟ้องชัดเจน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยหากไม่ยกขึ้นว่ากันในชั้นต้น
คำให้การจำเลยมิได้กล่าวว่า คำฟ้องของโจทก์ไม่ชัดแจ้ง ไม่แน่นอนขาดสารสำคัญและขาดรายละเอียดในข้อไหนอย่างไร จึง เป็นคำให้การที่ไม่แสดงเหตุให้ชัดแจ้ง ไม่ก่อให้เกิดประเด็นข้อพิพาทในเรื่องฟ้องเคลือบคลุม แม้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จะได้วินิจฉัยให้ ก็เป็นการวินิจฉัยที่ไม่ชอบ ถือว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3820/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาว่าแผงลอยในตลาดเป็นอสังหาริมทรัพย์หรือไม่ พิจารณาจากลักษณะและคำฟ้อง
แผงลอยพิพาทอยู่ในตลาดซึ่งเป็นที่ขายของจำพวกอาหารมีลักษณะเป็นพื้นและฝากั้นแบ่งเป็นช่องๆ ซึ่งเป็นที่วางของขายบนพื้นดิน ประกอบกับคำฟ้องของโจทก์บรรยายว่าจำเลยทั้งสี่ร่วมกันขนสินค้าเข้าไปขายในที่พิพาทอีกอันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์ คำว่าที่พิพาทตามคำฟ้องจึงมีความหมายอยู่ในตัวว่าเป็นพื้นดินฉะนั้นแผงลอยพิพาทตามฟ้องจึงหมายถึงพื้นดินอันเป็นที่ตั้งของแผงลอย จึงเป็นอสังหาริมทรัพย์ มิใช่แผงลอยทั่วๆ ไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3634/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายเวลาอุทธรณ์เนื่องจากฐานะยากจน และความชอบของคำฟ้องที่มิได้ระบุรายละเอียดการกู้ยืม
คำร้องขอขยายระยะเวลาโดยอ้างเหตุฐานะยากจนไม่สามารถจะหาเงินค่าธรรมเนียมในการยื่นอุทธรณ์มาวางศาลได้ทัน ถือได้ว่ามี พฤติการณ์พิเศษตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23
โจทก์บรรยายฟ้องว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์มอบให้จำเลยทำกินต่างดอกเบี้ยเงินกู้ เมื่อโจทก์นำเงินไปชำระคืน จำเลยไม่ยอมรับและไม่คืนที่พิพาทให้แก่โจทก์ขอให้บังคับจำเลยรับเงินและคืน น.ส.3 ที่พิพาทกับห้ามเข้าไปเกี่ยวข้องกับที่พิพาท เป็นคำฟ้องที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 แล้ว สำหรับจำนวนเงินที่กู้ วันเวลากู้เป็นรายละเอียดไม่จำเป็นต้องกล่าวในฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์มอบให้จำเลยทำกินต่างดอกเบี้ยเงินกู้ เมื่อโจทก์นำเงินไปชำระคืน จำเลยไม่ยอมรับและไม่คืนที่พิพาทให้แก่โจทก์ขอให้บังคับจำเลยรับเงินและคืน น.ส.3 ที่พิพาทกับห้ามเข้าไปเกี่ยวข้องกับที่พิพาท เป็นคำฟ้องที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 แล้ว สำหรับจำนวนเงินที่กู้ วันเวลากู้เป็นรายละเอียดไม่จำเป็นต้องกล่าวในฟ้อง