พบผลลัพธ์ทั้งหมด 702 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1725/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากประกันภัยไปยังบุคคลภายนอกทำให้ผู้เอาประกันภัยหมดสิทธิเรียกร้อง
กรมธรรม์ประกันภัยมีใบสลักหลังว่า "การเอาประกันนี้ได้เป็นที่ยอมรับกันทั้งสองฝ่ายว่าหากเกิดการเสียหายแก่ทรัพย์สินที่เอาประกันภัยและบริษัทจำต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแล้วไซร้ผู้เอาประกันภัยยินยอมโอนสิทธิอันพึงได้รับจากการเอาประกันนี้ให้แก่ธนาคารกรุงไทย จำกัดสาขาคลองเตย เป็นผู้รับประโยชน์แต่ฝ่ายเดียวเป็นสัญญาที่โจทก์จำเลยตกลงจะชำระหนี้แก่ บุคคลภายนอก เมื่อบุคคลภายนอกซึ่งเป็นผู้รับประโยชน์เรียกร้องให้ผู้รับประกันภัยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแล้ว อันเป็นกรณีที่ผู้รับประโยชน์แสดงเจตนาที่จะถือเอาประโยชน์แห่งสัญญาแล้วโจทก์ผู้เอาประกันภัยจะเรียกให้จำเลยผู้รับประกันภัยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1720/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดในสัญญาประกันภัยค้ำจุนเมื่อผู้เอาประกันภัยมิได้ครอบครองรถขณะเกิดเหตุ
ลูกจ้างของโจทก์ขับรถยนต์คันที่เอาประกันภัยไปชนรถยนต์ของผู้อื่นเสียหาย โดยรถยนต์คันที่เอาประกันภัยอยู่ในความครอบครองของโจทก์หรือลูกจ้างของโจทก์ มิได้อยู่ในความครอบครองของบริษัทผู้เอาประกันภัยผู้เอาประกันภัยจึงไม่ต้องรับผิดชอบสำหรับวินาศภัยที่เกิดขึ้น ดังนั้น จึงไม่มีค่าสินไหมทดแทนที่จำเลยผู้รับประกันภัยจะต้องชดใช้แทนผู้เอาประกันภัยแต่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1492/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกค่าสินไหมทดแทนจากประกันภัย แม้ยังไม่ได้จ่ายให้ผู้เสียหาย: ไม่ใช่การรับช่วงสิทธิ
ผู้เอาประกันภัยฟ้องให้ผู้รับประกันภัยรับผิดตามสัญญาประกันภัยค้ำจุนได้ แม้ว่าผู้เอาประกันภัยยังไม่ได้ชำระค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้ที่ได้รับความเสียหายจากการละเมิดของลูกจ้างผู้เอาประกันภัยเพราะกรณีนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องรับช่วงสิทธิ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1282/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องจำเลยที่เป็นสาขาของบริษัทต่างประเทศ, ส่วนได้เสียในประกันภัย, และข้อจำกัดความรับผิดในการขนส่ง
โจทก์ใส่ชื่อจำเลยในตอนต้นของคำฟ้องว่า"สายเดินเรือเมอสก์ สาขากรุงเทพฯ" ตามชื่อที่จดทะเบียนพาณิชย์ไว้ แต่ในคำบรรยายฟ้องได้กล่าวให้ทราบชัดแล้วว่าโจทก์ฟ้องบริษัท ด. กับบริษัท อ. ซึ่งเป็นนิติบุคคล อยู่ในประเทศเดนมาร์ก. และมีสำนักงานสาขาสำหรับดำเนินธุรกิจซึ่งบริษัททั้งสองทำร่วมกันในประเทศไทยโดยใช้ชื่อว่า "สายเดินเรือเมอสก์ สาขากรุงเทพฯ " เป็นจำเลยดังนี้ แม้ "สายเดินเรือเมอสก์ สาขากรุงเทพฯ " จะมิได้เป็นนิติบุคคล ก็ไม่เป็นเหตุให้ไม่อาจถูกฟ้องเป็นจำเลย ได้
บริษัท ย. เป็นผู้สั่งสินค้าเข้ามาจากประเทศฟิลิปปินส์และได้เอาประกันภัยไว้กับโจทก์ แม้ตามใบตราส่งจะระบุให้ธนาคารเป็นผู้รับสินค้า แต่เมื่อไม่ปรากฏว่าหากวินาศภัยมีขึ้นแก่สินค้าที่เอาประกันภัยนั้น บริษัท ย. จะไม่ต้องรับผิดชอบต่อธนาคารประการใดเลยแล้ว ก็ต้องถือว่าบริษัท ย. เป็นผู้มีส่วนได้เสียในเหตุที่ประกันภัยไว้
ข้อความจำกัดความรับผิดในใบตราส่งที่พิมพ์เพิ่มเติมขึ้นจากแบบพิมพ์เดิมโดยไม่ปรากฏการรับรู้จากผู้ส่งหรือผู้ตราส่ง จะฟังว่าผู้ส่งหรือผู้ตราส่งตกลงด้วยในข้อจำกัดความรับผิดของจำเลยซึ่งเป็นผู้ขนส่งหาได้ไม่ และเมื่อไม่อาจใช้ยันผู้ส่งหรือผู้ตราส่ง ก็ย่อมใช้ยันผู้รับตราส่ง ซึ่งได้รับสิทธิของผู้ส่งมาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 627 ตลอดจนผู้รับช่วงสิทธิของผู้รับตราส่งไม่ได้
บริษัท ย. เป็นผู้สั่งสินค้าเข้ามาจากประเทศฟิลิปปินส์และได้เอาประกันภัยไว้กับโจทก์ แม้ตามใบตราส่งจะระบุให้ธนาคารเป็นผู้รับสินค้า แต่เมื่อไม่ปรากฏว่าหากวินาศภัยมีขึ้นแก่สินค้าที่เอาประกันภัยนั้น บริษัท ย. จะไม่ต้องรับผิดชอบต่อธนาคารประการใดเลยแล้ว ก็ต้องถือว่าบริษัท ย. เป็นผู้มีส่วนได้เสียในเหตุที่ประกันภัยไว้
ข้อความจำกัดความรับผิดในใบตราส่งที่พิมพ์เพิ่มเติมขึ้นจากแบบพิมพ์เดิมโดยไม่ปรากฏการรับรู้จากผู้ส่งหรือผู้ตราส่ง จะฟังว่าผู้ส่งหรือผู้ตราส่งตกลงด้วยในข้อจำกัดความรับผิดของจำเลยซึ่งเป็นผู้ขนส่งหาได้ไม่ และเมื่อไม่อาจใช้ยันผู้ส่งหรือผู้ตราส่ง ก็ย่อมใช้ยันผู้รับตราส่ง ซึ่งได้รับสิทธิของผู้ส่งมาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 627 ตลอดจนผู้รับช่วงสิทธิของผู้รับตราส่งไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1277/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปิดเผยข้อมูลสุขภาพในสัญญาประกันภัย ผู้เอาประกันภัยต้องรู้และเจตนาปิดบัง
การที่ผู้เอาประกันภัยละเว้นไม่เปิดเผยข้อความจริงอันจะทำให้สัญญาประกันภัยตกเป็นโมฆียะตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 865 นั้น ต้องเป็นข้อความซึ่งผู้เอาประกันภัยรู้อยู่แล้วว่าจะเป็นเหตุจูงใจให้ผู้รับประกันภัยเรียกเบี้ยประกันภัยสูงขึ้นอีก หรือให้บอกปัดไม่ยอมทำสัญญา
ผู้เอาประกันภัยเป็นคนอ่านหนังสือไม่ออก และมิได้ทราบถึงความร้ายแรงแห่งโรคที่ตนเป็นอยู่ เพราะยังคงทำงานได้เช่นคนปกติทั่วไป ทั้งตัวแทนของจำเลยก็มิได้สอบถามประวัติความป่วยเจ็บของผู้เอาประกันภัย เพียงแต่สอบถามอายุและให้ลงลายมือชื่อในแบบคำขอเอาประกัน แล้วตัวแทนจำเลยก็นำแบบคำขอเอาประกันภัยนั้นไปกรอกข้อความ เสียเอง ผู้เอาประกันภัยจึงไม่มีโอกาสจะได้รู้ข้อความจริง ที่ตนเคยเป็นโรคความดันโลหิตสูงมาก่อน อันจะเป็นเหตุจูงใจให้จำเลยเรียกเบี้ยประกันภัยสูงขึ้น หรือให้จำเลยบอกปัดไม่ยอมทำสัญญาประกันภัยหรือไม่ เมื่อผู้เอาประกันภัยไม่รู้เช่นนี้จึงจะถือว่าผู้เอาประกันภัยรู้อยู่แล้วละเว้นเสีย ไม่เปิดเผยข้อความจริงนั้นหาได้ไม่ จำเลยจึงไม่มีสิทธิ บอกล้าง สัญญาประกันชีวิตรายนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 865
ผู้เอาประกันภัยเป็นคนอ่านหนังสือไม่ออก และมิได้ทราบถึงความร้ายแรงแห่งโรคที่ตนเป็นอยู่ เพราะยังคงทำงานได้เช่นคนปกติทั่วไป ทั้งตัวแทนของจำเลยก็มิได้สอบถามประวัติความป่วยเจ็บของผู้เอาประกันภัย เพียงแต่สอบถามอายุและให้ลงลายมือชื่อในแบบคำขอเอาประกัน แล้วตัวแทนจำเลยก็นำแบบคำขอเอาประกันภัยนั้นไปกรอกข้อความ เสียเอง ผู้เอาประกันภัยจึงไม่มีโอกาสจะได้รู้ข้อความจริง ที่ตนเคยเป็นโรคความดันโลหิตสูงมาก่อน อันจะเป็นเหตุจูงใจให้จำเลยเรียกเบี้ยประกันภัยสูงขึ้น หรือให้จำเลยบอกปัดไม่ยอมทำสัญญาประกันภัยหรือไม่ เมื่อผู้เอาประกันภัยไม่รู้เช่นนี้จึงจะถือว่าผู้เอาประกันภัยรู้อยู่แล้วละเว้นเสีย ไม่เปิดเผยข้อความจริงนั้นหาได้ไม่ จำเลยจึงไม่มีสิทธิ บอกล้าง สัญญาประกันชีวิตรายนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 865
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 312/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประมาทฝ่าไฟแดง: การประเมินระดับความประมาทเลินเล่อมีผลต่อการรับผิดของประกันภัย
ขณะเกิดเหตุเวลา 22.30 นาฬิกา โจทก์ขับรถกลับบ้านตามหลังรถยนต์อีกคันหนึ่ง ไม่ได้สังเกตสัญญาณไฟแดงเพราะมีรถวิ่งนำอยู่ จึงถูกรถแท็กซี่ซึ่งวิ่งมาจากทางด้านซ้ายชนเอาตอนจะวิ่งพ้นเสาสัญญาณไฟต้นที่ 4 ซึ่งเป็นต้นสุดท้ายอยู่แล้ว รถแท็กซี่ที่ชนนั้นเป็นรถที่วิ่งมาพอดีมีสัญญาณไฟเขียวก็วิ่งผ่านเลยโดยไม่ได้หยุดรถก่อนถ้าเป็นรถที่จอดรอสัญญาณไฟเขียวเหมือนรถคันอื่นซึ่งออกรถได้ช้ากว่าก็จะออกไปไม่ทันรถโจทก์ การขับรถของโจทก์จึงเป็นการประมาทฝ่าฝืนสัญญาณไฟแดงอย่างธรรมดา ไม่ใช่ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงอันจะเป็นผลให้จำเลยผู้รับประกันภัยไม่ต้องรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 879
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 260/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความหมาย 'ไม่ได้ล็อคกุญแจรถยนต์' ในสัญญาประกันภัย: พิจารณาความประมาทเลินเล่อของผู้เอาประกัน
คำว่า "ไม่ได้ล็อคกุญแจรถยนต์" ที่เจ้าพนักงานตำรวจบันทึกไว้ หมายความถึงไม่ได้ล็อคกุญแจประตูรถยนต์ ไม่หมายความถึงไม่ได้ดึงกุญแจติดเครื่องยนต์ออก และการที่จอดรถยนต์ไว้ที่ริมถนนลาดพร้าว โดยไม่ได้ล็อคกุญแจประตูรถยนต์ แต่ได้ดึงกุญแจติดเครื่องยนต์ออก และทิ้งรถยนต์ไว้เพียงประมาณ 10 นาที เพื่อไปซื้อของที่ร้านริมถนนลาดพร้าวห่างจากที่จอดราวประมาณ 30 เมตร โดยที่ยังมีผู้คนอยู่ในบริเวณนั้น แล้วรถยนต์ที่เอาประกันไว้ได้หายไป มิได้เกิดจากความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของผู้เอาประกันภัย ผู้รับประกันภัยต้องรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2078/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องเรียกค่าเสียหายจากประกันภัย: การใช้สิทธิไล่เบี้ยและข้อยกเว้นอายุความตามมาตรา 448
รถชนกันเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2519 โจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2520 โดยวันที่ 27 มีนาคม 2520 ตรงกับวันอาทิตย์ และจำเลยที่ 1 ได้ขอให้ศาลชั้นต้นมีหมายเรียกจำเลยร่วมซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์คันที่เกิดเหตุเข้ามาในคดีเพื่อให้ร่วมรับผิดเมื่อเกินกำหนด 1 ปีนับแต่วันละเมิดเป็นเรื่องจำเลยที่ 1 ขอให้ศาลเรียกจำเลยร่วมเข้ามาในคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(3) เพื่อการใช้สิทธิไล่เบี้ยเพราะจำเลยร่วมจะต้องรับผิดตามสัญญาประกันภัยจะนำบทบัญญัติ มาตรา 448 แห่ง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งเป็นเรื่องการใช้สิทธิเรียกร้องของผู้ต้องเสียหายในมูลละเมิดซึ่งมีอายุความ 1 ปี มาบังคับไม่ได้คดีของโจทก์ไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1968/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเชิดตัวแทนทำสัญญาประกันภัย: จำเลยที่ 1 เป็นผู้เอาประกันภัยจริง แม้ใช้ชื่อผู้อื่น
จำเลยที่ 1 เป็นผู้เช่าซื้อรถยนต์แต่ใส่ชื่อ ว. เป็นเจ้าของในทะเบียน และให้ ว. นำรถยนต์ไปประกันภัยค้ำจุนไว้กับจำเลยที่ 2 จึงถือได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นตัวการเชิด ว. ให้เป็นตัวแทนทำสัญญาประกันภัยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 821 และถือเท่ากับว่าจำเลยที่ 1 เข้าทำสัญญานั้นกับจำเลยที่ 2 เองจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 จึงมีความผูกพันกันตามสัญญาเมื่อจำเลยที่ 1ประมาทขับรถยนต์คันดังกล่าวไปชนรถยนต์โจทก์เสียหายโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองให้รับผิดตามสัญญานั้นได้ไม่ต้องวินิจฉัยว่าการเชิดออกเป็นตัวแทนเช่าซื้อรถยนต์ต้องทำเป็นหนังสือ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1797/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้รับประกันภัยต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการทำละเมิดของผู้อื่น โดยรวมถึงค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมที่โจทก์ต้องใช้เอง
ฟ้องของโจทก์กล่าวตอนแรกว่า จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของผู้ครอบครองรถยนต์และได้กล่าวต่อมาว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์คันดังกล่าวไว้ ซึ่งจะต้องรับผิดร่วมกันหรือแทนกันกับจำลยที่ 1 เมื่ออ่านรวมกันพอเข้าใจความหมายได้ว่าจำเลยที่ 1 เอาประกันภัยรถยนต์คันเกิดเหตุไว้กับจำเลยที่ 2 ฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม
ทรัพย์โจทก์เสียหายต้องใช้วัสดุอุปกรณ์ในการซ่อมเสียค่าแรง ค่ายานพาหนะ และเครื่องมือกล แม้โจทก์จะมีพนักงาน ยานพาหนะ และเครื่องมือกลของโจทก์ เอง เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์ต้องใช้พนักงานและนำเครื่องมือเหล่านั้นมาซ่อมแซมทรัพย์สินที่เสียหาย จริง โจทก์มีสิทธิเรียกร้องจากจำเลยที่ 2 ได้ เพราะถ้าไม่มีการทำละเมิดเกิดขึ้น โจทก์ย่อมใช้พนักงานและเครื่องมือเหล่านั้นไปทำประโยชน์อย่างอื่น
ทรัพย์โจทก์เสียหายต้องใช้วัสดุอุปกรณ์ในการซ่อมเสียค่าแรง ค่ายานพาหนะ และเครื่องมือกล แม้โจทก์จะมีพนักงาน ยานพาหนะ และเครื่องมือกลของโจทก์ เอง เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์ต้องใช้พนักงานและนำเครื่องมือเหล่านั้นมาซ่อมแซมทรัพย์สินที่เสียหาย จริง โจทก์มีสิทธิเรียกร้องจากจำเลยที่ 2 ได้ เพราะถ้าไม่มีการทำละเมิดเกิดขึ้น โจทก์ย่อมใช้พนักงานและเครื่องมือเหล่านั้นไปทำประโยชน์อย่างอื่น