คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ประมวลกฎหมายอาญา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 752 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2089/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดูหมิ่นซึ่งหน้าด้วยถ้อยคำหยาบคาย ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393
จำเลยด่าโจทก์ซึ่งหน้าว่า "อีหมาไปควักเอากระดูกพ่อกระดูกแม่มึงเจ็ดชั่วโคตรมาสู้กับกู อีหน้าหมูอีหน้าหมา" นั้น เป็นถ้อยคำที่จำเลยดูหมิ่นโจทก์ซึ่งหน้า ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2089/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดูหมิ่นซึ่งหน้าด้วยคำหยาบคายเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393
จำเลยด่าโจทก์ซึ่งหน้าว่า 'อีหมาไปควักเอากระดูกพ่อกระดูกแม่มึงเจ็ดชั่วโคตรมาสู้กับกู. อีหน้าหมูอีหน้าหมา' นั้น. เป็นถ้อยคำที่จำเลยดูหมิ่นโจทก์ซึ่งหน้า ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 196/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเสียหายต่อทรัพย์สินจากการจัดการทรัพย์ของผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 353 ไม่จำกัดเฉพาะประโยชน์ที่ได้จากการจัดการ
การมอบหมายให้จัดการทรัพย์ของผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 353 นั้น. หาจำต้องเป็นการมอบหมายให้จัดการเพื่อหาหรือให้ได้ประโยชน์อย่างใดเสมอไปไม่. ฉะนั้น ประโยชน์ที่เกิดการเสียหายจึงมิใช่เพียงประโยชน์อันได้จากการจัดการทรัพย์เท่านั้น. แต่อาจเป็นประโยชน์อื่นใดก็ได้.ซึ่งข้อสำคัญมีเพียงว่า ประโยชน์ที่เกิดการเสียหายนั้นจะต้องเป็นประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินของเจ้าของทรัพย์เท่านั้น. โจทก์ได้บรรยายฟ้องว่า ยางรถโจทก์เสียหาย เพลาเครื่องยนต์ ตัวถัง จะต้องซ่อมแซมรวมเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 35,000 บาท. เป็นการแสดงให้เห็นได้ว่าความเสียหายในตัวทรัพย์ของโจทก์ที่ได้รับล้วนเป็นประโยชน์ของโจทก์ที่เป็นเงินอันอยู่ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินของโจทก์ทั้งสิ้น. หาใช่เป็นเพียงการทำให้ทรัพย์ของโจทก์เสียหายเท่านั้นไม่. เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องถึงการกระทำของจำเลยครบถ้วนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 353 แล้ว. ศาลชั้นต้นก็ต้องทำการไต่สวนมูลฟ้อง แล้วสั่งไปตามกระบวนความ.(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 1-2/2511).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1866/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเบียดบังเงินที่รับมอบหมายซื้อของ ยักยอกทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352
การที่จำเลยรับมอบเงินจากผู้เสียหายเพื่อซื้อข้าวเปลือกและปอฟอกให้ผู้เสียหายเช่นนี้. แม้จะไม่มีกำหนดเวลาว่าจำเลยจะต้องซื้อเมื่อใด. ก็ไม่มีลักษณะเป็นการฝากทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 657 และ 672. เพราะไม่ใช่เป็นการมอบเงินให้เก็บรักษาไว้ในอารักขาของจำเลยแล้วจำเลยจะคืนให้. จริงอยู่จำเลยอาจนำธนบัตรฉบับอื่นหรือเหรียญกษาปณ์อันอื่นไปซื้อได้ แต่นั่นเป็นเพราะธนบัตรและเหรียญกษาปณ์เป็นเงินตราที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมายด้วยกันตามพระราชบัญญัติเงินตราฯ. จะนำธนบัตรฉบับไหนไปซื้อ ก็สมประโยชน์ของผู้เสียหาย. และย่อมไม่ใช่การกระทำโดยทุจริต.ด้วยเหตุนี้เงินจำนวน 15,000 บาท ที่ผู้เสียหายมอบให้จำเลยครอบครอง จึงยังเป็นของผู้เสียหายอยู่จนกว่าจำเลยจะได้ซื้อข้าวเปลือกและปอฟอกให้ผู้เสียหายแล้ว. อีกประการหนึ่งการที่จำเลยไม่นำเงินของผู้เสียหายที่ตนครอบครองอยู่ไปซื้อข้าวเปลือกและปอฟอกตามที่ได้รับมอบหมาย. บางกรณีอาจเป็นเพียงผิดสัญญาในทางแพ่งได้ก็จริง แต่ทั้งนี้ต้องไม่ใช่เป็นการเบียดบังเอาเงินนั้นเป็นของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต. หากเป็นการเบียดบังเอาเงินนั้นเป็นของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริตแล้ว ย่อมเป็นความผิดฐานยักยอก. โดยเฉพาะคดีนี้ข้อเท็จจริงฟังได้ดังกล่าวข้างต้นว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตเบียดบังยักยอกเงินจำนวนนี้ไว้เป็นประโยชน์ของจำเลยเอง. จำเลยจึงต้องมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1602/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ไม้เขื่อนกันดินไม่ใช่ทรัพย์สาธารณประโยชน์ตามประมวลกฎหมายอาญา
ไม้เขื่อนกันดินเพื่อถมดินวางรางของการรถไฟถือเป็นเพียงเครื่องก่อสร้างสำหรับทำทางเพื่อวางรางรถไฟ ไม่ใช่ทรัพย์ที่ใช้เพื่อสาธารณประโยชน์ตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(10)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1602/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ไม้เขื่อนกันดินไม่ใช่ทรัพย์สาธารณประโยชน์ตามประมวลกฎหมายอาญา
ไม้เขื่อนกันดินเพื่อถมดินวางรางของการรถไฟถือเป็นเพียงเครื่องก่อสร้างสำหรับทำทางเพื่อวางรางรถไฟ ไม่ใช่ทรัพย์ที่ใช้เพื่อสาธารณประโยชน์ตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(10)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1602/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ไม้เขื่อนกันดินไม่ใช่ทรัพย์สาธารณประโยชน์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(10)
ไม้เขื่อนกันดินเพื่อถมดินวางรางของการรถไฟถือเป็นเพียงเครื่องก่อสร้างสำหรับทำทางเพื่อวางรางรถไฟ. ไม่ใช่ทรัพย์ที่ใช้เพื่อสาธารณประโยชน์ตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(10).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1523/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค้าประเวณี, การบังคับข่มขืน, หน่วงเหนี่ยว, ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาและ พรบ.ปรามการค้าประเวณี
เมื่อคดีฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 เจ้าของกิจการสถานค้าประเวณีรับตัวนางสมจิตรผู้เสียหายไว้ แล้วบังคับให้ค้าประเวณี ครั้นนางสมจิตรไม่ยินยอมก็ถูกผลักเข้าไปในห้องที่มีชายรออยู่ เมื่อขัดขืนต่อไปอีกก็ถูกจำเลยที่ 1 ตบหน้า และบางครั้งเมื่อนางสมจิตรถูกชายดึงเข้าไปในห้องแล้ว จำเลยที่ 1 ก็ใส่กุญแจห้องข้างนอกและคอยเฝ้าอยู่ ทั้งยังตะโกนบอกชายที่มาเที่ยวว่าให้ตบตีได้ถ้านางสมจิตรไม่ยอม ถือได้ว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 เช่นนี้เป็นการกระทำเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหาเพื่อการอนาจารซึ่งหญิงโดยใช้กำลังประทุษร้าย อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 283 แล้ว แต่ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 282 เพราะนางสมจิตรอายุเกิน 18 ปี และไม่เป็นความผิดตามมาตรา 284 เพราะเป็นการกระทำเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่น มิใช่เพื่อสำเร็จความใคร่ของตนเองหรือผู้ร่วมกระทำความผิดกับตน
ส่วนการที่จำเลยที่ 1 รับตัวนางสาววรรณาผู้เสียหายอายุ 16 ปี ซึ่งถูกหลอกลวงมาไว้เป็นโสเภณีในสำนักของตน ก็ได้ชื่อว่าเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของชายที่มาเที่ยว และจำเลยที่ 1 ได้เป็นธุระจัดหาเพื่อการอนาจารซึ่งนางสาววรรณา อันเป็นความผิดสำเร็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282 แล้ว โดยไม่จำเป็นต้องใช้อุบายหลอกลวงขู่เข็ญใช้กำลังประทุษร้าย ใช้อำนาจครอบงำผิดคลองธรรม หรือใช้วิธีข่มขืนใจประการอื่น ทั้งไม่จำเป็นต้องให้มีผู้อื่นมาสำเร็จความใคร่กับนางสาววรรณาเสียก่อน
สำหรับการที่จำเลยที่ 1 กระทำแก่นางสมจิตรผู้เสียหายโดยผลักเข้าไปในห้องที่มีชายรออยู่ ในเมื่อนางสมจิตรไม่ยินยอม และบางครั้งปิดประตูใส่กุญแจข้างนอก ขังนางสมจิตรไว้กับชายที่มาเที่ยวแล้วคอยเฝ้าอยู่ ย่อมเป็นการหน่วงเหนี่ยวกักขังนางสมจิตรให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 310 แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1176/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องผิดหลายกรรมในวันเดียวกัน ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าเป็นการกระทำผิดสองกระทงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
ฟ้องว่ามีไม้หวงห้ามยังมิได้แปรรูปโดยมิได้รับอนุญาตอันเป็นความผิดตามมาตรา 69 กับมีไม้หวงห้ามที่แปรรูปแล้วโดยมิได้รับอนุญาต อันเป็นผิดตามมาตรา 48,73 เป็นฟ้องบรรยายการกระทำสองกรรมเป็นความผิดสองกระทง มิใช่กรรมเดียวเป็นผิดหลายบท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1077/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อของเชื่อไม่เข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 345
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 345 หมายความว่า การสั่งซื้ออาหารหรือเครื่องดื่มมาบริโภคนั้น เป็นที่เข้าใจกันว่าจะชำระราคาให้เมื่อได้บริโภคเสร็จแล้วในเวลาและในสถานการค้าของผู้ขาย จำเลยให้คนไปเอาสุราที่ร้านผู้เสียหาย โดยให้บอกแก่ผู้เสียหายว่า จะนำเงินไปชำระให้ภายหลัง แล้วให้วันรุ่งขึ้นได้ให้คนไปเอามาอีกซึ่งผู้เสียหายก็ยอมมอบให้มา เช่นนี้ เป็นเรื่องผู้เสียหายตกลงให้จำเลยซื้อของเชื่อ กรณีไม่เข้าประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 345
of 76