คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ผู้เสียหาย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,243 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 76/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รายงานตรวจร่างกายผู้เสียหายที่จำเลยรับรอง ย่อมเป็นพยานหลักฐานได้ แม้แพทย์ผู้ตรวจไม่เบิกความ
รายงานการตรวจร่างกายผู้เสียหายที่จำเลยได้แถลงรับต่อศาลว่าแพทย์ได้ตรวจร่างกายผู้เสียหายและทำบันทึกการตรวจไว้จริงตามรายงานการตรวจร่างกายนั้นย่อมรับฟังเป็นพยานได้ แม้โจทก์จะมิได้นำแพทย์ผู้ตรวจมาเบิกความประกอบก็ตาม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 76/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รายงานการตรวจร่างกายผู้เสียหายเป็นพยานได้ แม้แพทย์ไม่เบิกความ หากจำเลยรับรองในกระบวนการพิจารณา
รายงานการตรวจร่างกายผู้เสียหายตามใบตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์แม้โจทก์จะไม่ได้นำแพทย์ผู้ตรวจมาเบิกความประกอบหากจำเลยได้แถลงรับไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาว่าแพทย์ได้ตรวจร่างกายผู้เสียหายและทำบันทึกการตรวจไว้จริงเอกสารดังกล่าวรับฟังเป็นพยานได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 600/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานหลักฐานประกอบการรับฟังคำให้การผู้เสียหาย การพิสูจน์ตัวผู้กระทำผิดในคดีปล้นทรัพย์
แม้โจทก์จะมีผู้เสียหายเป็นประจักษ์พยานเพียงปากเดียวแต่เมื่อพิจารณาประกอบพยานหลักฐานทั้งหมดในท้องสำนวนแล้วก็ใช้รับฟังลงโทษจำเลยได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 509/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำอนาจารโดยอาศัยความเบาปัญญาของผู้เสียหาย ไม่ถือเป็นการขู่เข็ญจนขัดขืนไม่ได้
ผู้เสียหาย 4 คนมีอายุกว่า 13 ปี แต่ยังไม่บรรลุนิติภาวะส่วนผู้เสียหายอีก 3 คนมีอายุไม่เกิน 13 ปี ผู้เสียหายไปพบจำเลยโดยจำเลยทำอุบายทำนายว่าผู้เสียหายดวงชะตาไม่ดี จะต้องให้จำเลยสะเดาะเคราะห์ให้เมื่อจำเลยใช้อวัยวะเพศของจำเลยสอดเข้าไปในทวารหนักของผู้เสียหายผู้เสียหายบ่นเจ็บ จำเลยบอกให้อดทน ที่จำเลยใช้อวัยวะเพศของจำเลยสอดเข้าไปในทวารหนักของผู้เสียหายได้นั้นก็โดยอาศัยความเบาปัญญาของผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้เยาว์ที่หลงเชื่อว่า กรณีที่จำเลยกระทำต่อผู้เสียหายเป็นการสะเดาะเคราะห์จึงไม่เป็นการขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย จนผู้เสียหายอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนให้จำยอมให้จำเลยกระทำอนาจาร การกระทำของจำเลยต่อผู้เสียหายที่มีอายุกว่า 13 ปี จึงไม่เป็นความผิด คงมีความผิดเฉพาะที่กระทำต่อผู้เสียหายที่เป็นเด็กอายุยังไม่เกิน 13 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 279 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 495/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาต: พิจารณาความต่อเนื่องของการกระทำเป็นสำคัญ มิใช่จำนวนผู้เสียหาย
การได้รับอนุญาตให้จัดหางานนั้น เมื่อได้รับอนุญาตแล้วก็สามารถดำเนินการในการจัดหางานได้ตามเวลาที่กำหนด มิใช่ว่าเมื่อได้รับอนุญาตแล้วจะจัดหางานให้บุคคลเพียงคนเดียวหรือครั้งเดียวเท่านั้น การพิจารณาว่าจะมีการกระทำผิดฐานจัดหางานโดยมิได้รับอนุญาตหลายกรรมต่างกันหรือไม่นั้น จึงต้องพิจารณาว่าการจัดหางานนั้น ได้กระทำต่อเนื่องเป็นคราวเดียวกันหรือไม่ มิใช่พิจารณาว่าเป็นการจัดหางานให้แต่ละคนเป็นสำคัญ จำเลยจัดหางานให้ผู้เสียหายหลายคนในเวลาที่ต่างกัน แต่ก็เป็นเวลาที่ต่อเนื่องติดต่อเป็นคราวเดียวกัน มีเจตนาที่จะดำเนินการในการจัดหางานคราวเดียวกัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดกรรมเดียว แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพตามฟ้องที่ขอให้ลงโทษหลายกรรมก็เป็นเรื่องรับข้อเท็จจริงว่าได้เกิดมีหรือเป็นขึ้นตามฟ้องเท่านั้น หาใช่ว่าเมื่อจำเลยรับสารภาพแล้วจะต้องมีความผิดตามฟ้องเสมอไปไม่ การที่จำเลยจะมีความผิดตามฟ้องหรือไม่ และเป็นความผิดกรรมเดียวกันหรือไม่นั้นเป็นเรื่องของศาลที่จะปรับข้อเท็จจริงว่าจะเป็นความผิดกฎหมายใด อย่างไร ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185 มิใช่จะต้องลงโทษตามที่โจทก์ขอมาเสมอไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4804/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้ถือเช็คและการระบุผู้เสียหายในคดีเช็ค: ผลของลายมือชื่อหลังเช็คและการเปลี่ยนมือ
โจทก์ร่วมอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งให้รับอุทธรณ์เฉพาะข้อกฎหมายโจทก์ร่วมยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้น ดังนี้ ไม่มีกฎหมายห้ามมิให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์บางข้อรวมในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เมื่อศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยรวมกันไปแล้ววินิจฉัยว่าโจทก์ร่วมไม่ใช่ผู้เสียหายก็ไม่มีประโยชน์ที่จะแยกสั่งคำร้องอุทธรณ์ของโจทก์ร่วม การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ข้ออื่นของโจทก์ร่วมจึงชอบแล้ว
เดิมโจทก์ร่วมเป็นผู้ทรงเช็คพิพาท ซึ่งเป็นเช็คสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือต่อมาโจทก์ร่วมลงชื่อสลักหลังเช็คพิพาทมอบให้ น.นำเข้าบัญชีของ น.เพื่อเรียกเก็บเงิน ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน และโจทก์ร่วมรับเช็คพิพาทคืนจาก น.แล้วร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ดังนี้เช็คพิพาทเป็นเช็คสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือ ผู้ถือย่อมเป็นผู้ทรง แม้โจทก์ร่วมกับ น.จะมีข้อตกลงกันเป็นอย่างอื่น ก็จะผูกพันเฉพาะโจทก์ร่วมกับ น.เท่านั้นเมื่อ น.ถือเช็คดังกล่าวไปเข้าบัญชีของตนที่ธนาคารเพื่อเรียกเก็บเงินตามเช็ค น.ย่อมเป็นผู้ทรงเช็คและเป็นผู้เสียหาย หาใช่โจทก์ร่วมไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4804/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้ทรงเช็คและการระบุตัวผู้เสียหายในคดีเช็ค - ผลของการสลักหลังและการมอบเช็คให้ผู้อื่น
โจทก์ร่วมอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งให้รับอุทธรณ์เฉพาะข้อกฎหมายโจทก์ร่วมยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นดังนี้ไม่มีกฎหมายห้ามมิให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์บางข้อรวมในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เมื่อศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยรวมกันไปแล้ววินิจฉัยว่าโจทก์ร่วมไม่ใช่ผู้เสียหายก็ไม่มีประโยชน์ที่จะแยกสั่งคำร้องอุทธรณ์ของโจทก์ร่วม การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ข้ออื่นของโจทก์ร่วมจึงชอบแล้ว
เดิมโจทก์ร่วมเป็นผู้ทรงเช็คพิพาท ซึ่งเป็นเช็คสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือต่อมาโจทก์ร่วมลงชื่อสลักหลังเช็คพิพาทมอบให้น.นำเข้าบัญชีของน.เพื่อเรียกเก็บเงินธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินและโจทก์ร่วมรับเช็คพิพาทคืนจากน.แล้วร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนดังนี้เช็คพิพาทเป็นเช็คสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือ ผู้ถือย่อมเป็นผู้ทรง แม้โจทก์ร่วมกับน.จะมีข้อตกลงกันเป็นอย่างอื่น ก็จะผูกพันเฉพาะโจทก์ร่วมกับ น.เท่านั้น เมื่อ น.ถือเช็คดังกล่าวไปเข้าบัญชีของตนที่ธนาคารเพื่อเรียกเก็บเงินตามเช็คน.ย่อมเป็นผู้ทรงเช็คและเป็นผู้เสียหาย หาใช่โจทก์ร่วมไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4804/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกำหนดตัวผู้เสียหายในคดีเช็ค: ผู้ถือเช็คตามหน้าเช็คมีสิทธิเรียกร้อง
โจทก์ร่วมอุทธรณ์ศาลชั้นต้นสั่งให้รับอุทธรณ์เฉพาะข้อกฎหมายโจทก์ร่วมยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นดังนี้ไม่มีกฎหมายห้ามมิให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์บางข้อรวมในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เมื่อศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยรวมกันไปแล้ววินิจฉัยว่าโจทก์ร่วมไม่ใช่ผู้เสียหายก็ไม่มีประโยชน์ที่จะแยกสั่งคำร้องอุทธรณ์ของโจทก์ร่วมการที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ข้ออื่นของโจทก์ร่วมจึงชอบแล้ว เดิมโจทก์ร่วมเป็นผู้ทรงเช็คพิพาทซึ่งเป็นเช็คสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือต่อมาโจทก์ร่วมลงชื่อสลักหลังเช็คพิพาทมอบให้น.นำเข้าบัญชีของน.เพื่อเรียกเก็บเงินธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินและโจทก์ร่วมรับเช็คพิพาทคืนจากน.แล้วร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนดังนี้เช็คพิพาทเป็นเช็คสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือผู้ถือย่อมเป็นผู้ทรงแม้โจทก์ร่วมกับน.จะมีข้อตกลงกันเป็นอย่างอื่นก็จะผูกพันเฉพาะโจทก์ร่วมกับน.เท่านั้นเมื่อน.ถือเช็คดังกล่าวไปเข้าบัญชีของตนที่ธนาคารเพื่อเรียกเก็บเงินตามเช็คน.ย่อมเป็นผู้ทรงเช็คและเป็นผู้เสียหายหาใช่โจทก์ร่วมไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 478/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยิงทำร้ายผู้อื่นหลังเกิดการโต้เถียง ไม่เข้าข่ายบันดาลโทสะ
จำเลยเข้าไปรับประทานอาหารและดื่มสุราในบาร์ที่ผู้เสียหายเป็นรองผู้จัดการและเกิดโต้เถียงกับผู้เสียหายโดยผู้เสียหายท้าทายจำเลยว่านักข่าวก็ตายได้เหมือนกันนักข่าวกระจอกนักข่าวกิ๊กก๊อกยังถือไม่ได้ว่าจำเลยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมจำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหายจึงไม่ใช่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา72.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3875/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลอุทธรณ์พิจารณาคดีอาญา: การพิจารณาผู้เสียหายและมูลความผิด
ในคดีที่ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยวินิจฉัยว่า โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายไม่มีอำนาจฟ้องนั้น เมื่อโจทก์อุทธรณ์ว่าโจทก์เป็นผู้เสียหาย ในการวินิจฉัยปัญหาดังกล่าว ศาลอุทธรณ์จำต้องพิจารณาข้อเท็จจริงตามที่โจทก์นำสืบในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง เพื่อที่จะนำมาวินิจฉัยปัญหาว่าโจทก์เป็นผู้เสียหายหรือไม่ เมื่อศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วเห็นว่าโจทก์เป็นผู้เสียหายและมีอำนาจฟ้องศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจที่จะพิจารณาต่อไปว่า คดีโจทก์มีมูลพอที่ศาลจะประทับฟ้องไว้พิจารณาได้หรือไม่ เมื่อเห็นว่าข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏจากการไต่สวนมูลฟ้องนั้น คดีโจทก์ไม่มีมูล ศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจพิพากษายกฟ้องโจทก์เสียได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185 ประกอบกับมาตรา 215
of 125