พบผลลัพธ์ทั้งหมด 546 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 537/2479
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
วันเวลาเกิดเหตุสำคัญในฟ้องอาญา หากผิดและไม่ขอแก้ฟ้อง ศาลต้องยกฟ้อง
โจทก็ฟ้องว่าจำเลยทำผิดในวันแรม 9-10 ค่ำเวลากลางคืน ได้ความว่าจำเลยทำผิดในวันแรม 8 ค่ำจวนค่อนรุ่งลงโทษจำเลยไม่ได้ วันเวลาถือว่าเป็นรายละเอียดอันสำคัญที่ต้องแถลงในฟ้อง หากว่าฟ้องนั้นผิดวันและโจทก์มิได้ขอแก้เสียในเวลาสมควรปล่อยล่วงเลยมาศาลต้องยกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1668/2479
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงข้อกล่าวหาในฟ้องอาญา การพิพากษาต้องยึดตามฟ้องเดิม
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ม.276 โดยกล่าวว่าจำเลยใช้กำลังฉุดคร่าห์หรือขู่เข็ญเจ้าทุกข์ไปเพื่อการอนาจาร แม้ทางพิจารณาจะได้ความว่าจำเลยหลอกลวงเจ้าทุกข์ไป ก็ลงโทษจำเลยตาม ม.276 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 383/2478
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแปลความหมายฟ้องอาญาเกินเลยข้อความที่กล่าวอ้าง และขอบเขตดุลพินิจของศาลในการลงโทษ
วิธีพิจารณาความอาญาพรรณาฟ้อง หลักวินิจฉัยโจทก์ฟ้องว่าจำเลยซื้อแร่โดยไม่ตรวจใบสุทธิแร่จะแปลฟ้องว่าหมายถึง ผู้ขายไม่มีใบสุทธิแร่ด้วยไม่ได้ ฎีกาอุทธรณ์สัญญาทางพระราชไมตรีระวางสยามกับอังกฤษข้อเท็จจริง จำเลยเป็นคนบังคับอังกฤษคู่ความฎีกาได้ฉะเพาะข้อกฎหมายควรริบของกลางหรือควรวางโทษหนักเบาเพียงไรนั้นอยู่ในดุลพินิจของศาล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15/2478
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องอาญา: วันกระทำผิดไม่จำเป็นต้องระบุชัดเจน หากโจทก์ระบุช่วงเวลาได้ การฟ้องไม่ถือว่าเคลือบคลุม
วิธีพิจารณาอาญาอย่างไรไม่เรียกว่าเป็นฟ้องเคลือบคลุม โจทย์ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดระวางข้างขึ้นเดือน 8 แต่วันที่เท่าใด ไม่ปรากฏนั้น ไม่เรียกว่าเป็นฟ้องเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 956/2477
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องอาญาเคลือบคลุม: วันเวลาการกระทำผิดไม่ชัดเจน ทำให้จำเลยสืบพยานหลักฐานเพื่อต่อสู้คดีไม่ได้
วันเดือนไม่ปรากฎจำเลยมีกระบือไว้โดยแสดงความบริสุทธิ์ไม่ได้ดังนี้อาจเป็นฟ้องเคลือบคลุมตามหลักกฎหมายวิธีพิจารณาอาชญาในฟ้องโจทก์มีข้อเท็จจริง แลรายละเอียดเกี่ยวกับเวลาซึ่งเกิดการกระทำผิดพอสมควร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 127/2477
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องอาญาไม่เคลือบคลุม แม้ไม่ระบุวันเวลา หากวันเวลาไม่ใช่ธาตุของความผิด
วิธีพิจารณาอาชญา ฟ้องเคลือบคลุมฟ้องโจทก์มิได้ระบุวันและเวลาที่จำเลยกระทำผิดแต่ได้ระบุและเวลาที่จำเลยกระทำผิดแต่ได้ระบุเดือนแลปีไว้แล้วดังนี้ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม เพราะวันเวลาที่จำเลยทำผิดไม่ใช่ธาตุของความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 973/2475
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชัดเจนของวันในฟ้องอาญา: การระบุเดือน ปี และข้างขึ้นเพียงพอหรือไม่
ฟ้องเคลือบคลุม ฟ้องกล่าวเดือนปี แลว่าเป็นข้างขึ้น แต่ไม่ได้กล่าววัน ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 479/2473
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ไม่งดคดีอาญา: เบิกความเท็จในคดีแพ่งและแก้ไขสัญญาเป็นเหตุฟ้องอาญาได้
ไม่ควรงดคดีอาญาไว้รอคดีแพ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1196/2473
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องอาญาต้องระบุความผิดชัดเจน การรับเงินแทนกันไม่ถึงขั้นผิดอาญา
ฟ้องทางอาชญาต้องกล่าวความให้ชัดเจน จะกล่าวในฟ้องเปนทางแพ่งไม่ได้ศาลโปริสภารับฟ้องอาชญาแล้ว ตามระเบียบต้องฟังหลักฐานโจทก์ ตัวการตัวแทน ตัวแทนเปนผู้รับเงินจะฟ้องตัวการให้ผิดทางอาชญาไม่ได้ เมื่อไม่ปรากฎว่าสมคบกันทุจจริต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 847/2558
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฟ้องอาญาถูกระงับหากคดีเกี่ยวเนื่องกับคดีที่เคยมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว
คดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2266/2552 ของศาลชั้นต้น เป็นคดีที่ อ. เป็นโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 3 ถึงที่ 5 และที่ 7 ถึงที่ 9 เป็นจำเลย โดยมูลเหตุมาจากการที่จำเลยที่ 3 ถึงที่ 5 และที่ 7 ถึงที่ 9 ในฐานะ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษาลำพูน เขต 1 ใช้หลักเกณฑ์ขัดกับหลักเกณฑ์ที่ ก.ค.ศ. กำหนดในการพิจารณาย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาคราวเดียวกันกับมูลเหตุคดีนี้ และศาลได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในส่วนของจำเลยที่ 3 ถึงที่ 5 และที่ 7 ถึงที่ 9 ส่วนจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นจำเลยในคดีของศาลชั้นต้นดังกล่าวด้วยนั้น ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า วันที่ 11 สิงหาคม 2549 อันเป็นวันที่ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษาลำพูน เขต 1 ประชุมเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์พิจารณาย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา จำเลยที่ 1 ไม่ได้เข้าร่วมประชุมด้วยและไม่ได้เกี่ยวข้องกับการกำหนดหลักเกณฑ์แล้วพิพากษายกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 1 เท่ากับศาลได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดนั้นแล้ว
โจทก์บรรยายฟ้องคดีนี้ว่า ระหว่างวันที่ 11 สิงหาคม 2549 ถึงวันที่ 6 ตุลาคม 2549 จำเลยที่ 1 ที่ 3 ถึงที่ 5 และที่ 7 ถึงที่ 9 ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ในการพิจารณาย้ายและแต่งตั้งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาเขตพื้นที่การศึกษาลำพูน เขต 1 เพื่อช่วยเหลือพวกของตน กลั่นแกล้งโจทก์และผู้บริหารสถานศึกษาอื่นให้ได้รับความเสียหาย การร่วมกันกำหนดแนวทางในการพิจารณาย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาโดยกำหนดให้มีการประเมินเป็นคะแนน ต่อมาร่วมกันประเมินคะแนนและร่วมกันพิจารณาอนุมัติย้าย ณ. ไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียน ส. ตามคะแนนที่ประเมินโดยอาศัยหลักเกณฑ์ตามแนวทางในการพิจารณาซึ่งกำหนดขึ้น เห็นได้ว่าเป็นการกระทำต่อเนื่องเกี่ยวพันในการพิจารณาย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่แสดงความจำนงจะขอย้ายในคราวเดียวกันให้ไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียน ส. การกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 3 ถึงที่ 5 และที่ 7 ถึงที่ 9 ตามฟ้องจึงเป็นกรรมเดียว และข้อกล่าวหาในคดีก่อนและคดีนี้มีมูลมาจากเหตุเดียวกัน เมื่อการกระทำตามฟ้องได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดไปแล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 3 ถึงที่ 5 และที่ 7 ถึงที่ 9 ของโจทก์ย่อมระงับไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39 (4)
โจทก์บรรยายฟ้องคดีนี้ว่า ระหว่างวันที่ 11 สิงหาคม 2549 ถึงวันที่ 6 ตุลาคม 2549 จำเลยที่ 1 ที่ 3 ถึงที่ 5 และที่ 7 ถึงที่ 9 ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ในการพิจารณาย้ายและแต่งตั้งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาเขตพื้นที่การศึกษาลำพูน เขต 1 เพื่อช่วยเหลือพวกของตน กลั่นแกล้งโจทก์และผู้บริหารสถานศึกษาอื่นให้ได้รับความเสียหาย การร่วมกันกำหนดแนวทางในการพิจารณาย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาโดยกำหนดให้มีการประเมินเป็นคะแนน ต่อมาร่วมกันประเมินคะแนนและร่วมกันพิจารณาอนุมัติย้าย ณ. ไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียน ส. ตามคะแนนที่ประเมินโดยอาศัยหลักเกณฑ์ตามแนวทางในการพิจารณาซึ่งกำหนดขึ้น เห็นได้ว่าเป็นการกระทำต่อเนื่องเกี่ยวพันในการพิจารณาย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่แสดงความจำนงจะขอย้ายในคราวเดียวกันให้ไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียน ส. การกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 3 ถึงที่ 5 และที่ 7 ถึงที่ 9 ตามฟ้องจึงเป็นกรรมเดียว และข้อกล่าวหาในคดีก่อนและคดีนี้มีมูลมาจากเหตุเดียวกัน เมื่อการกระทำตามฟ้องได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดไปแล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 3 ถึงที่ 5 และที่ 7 ถึงที่ 9 ของโจทก์ย่อมระงับไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39 (4)