พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,439 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5406/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษฐานใช้เอกสารปลอมหลายฉบับ หากผู้ใช้เป็นผู้ปลอมเอง ต้องลงโทษตามแต่ละฉบับ
จำเลยปลอมเอกสาร 7 ฉบับอันเป็นความผิดหลายกรรมรวม7 กระทง แล้วจำเลยนำเอกสารปลอมทั้ง 7 ฉบับไปใช้ในคราวเดียวกันโดยมีเจตนาใช้เอกสารปลอมนั้นให้มีผลแยกเป็นรายฉบับต่างกัน ดังนี้ จำเลยจึงมีความผิดฐานเป็นผู้ใช้เอกสารปลอมดังกล่าวซึ่งต้องลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 268 วรรคสอง รวม 7 กระทง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5406/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษผู้ปลอมและใช้เอกสารปลอมหลายฉบับในคราวเดียวกัน ต้องลงโทษตามจำนวนกรรมที่กระทำ
จำเลยปลอมเอกสาร 7 ฉบับอันเป็นความผิดหลายกรรมรวม7 กระทง แล้วจำเลยนำเอกสารปลอมทั้ง 7 ฉบับไปใช้ในคราวเดียวกันโดยมีเจตนาใช้เอกสารปลอมนั้นให้มีผลแยกเป็นรายฉบับต่างกัน ดังนี้ จำเลยจึงมีความผิดฐานเป็นผู้ใช้เอกสารปลอมดังกล่าวซึ่งต้องลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 268 วรรคสอง รวม 7 กระทง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำกัดขอบเขตคำขอศาลไม่อาจลงโทษฐานอื่นนอกเหนือจากที่ฟ้อง แม้ข้อเท็จจริงสอดคล้อง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานทำให้คนตายโดยประมาทข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา แม้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 จะบัญญัติให้ถือว่าเป็นการแตกต่างในรายละเอียดก็ลงโทษจำเลยในความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาไม่ได้ เพราะเป็นการพิพากษาเกินคำขอ ต้องห้ามตาม มาตรา 192 วรรคแรก คงลงโทษจำเลยในความผิดฐานทำให้คนตายโดยประมาทเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4730/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษจำเลยฐานมีฝิ่นดิบและมูลฝิ่น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าเป็นการกระทำผิดกรรมเดียว
พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2528 มาตรา 10 บัญญัติให้ฝิ่นหรือมูลฝิ่นเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 2 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 7 ดังนั้น การที่จำเลยมีฝิ่นดิบและมูลฝิ่นไว้ในความครอบครองจึงเป็นความผิดต่อบทกฎหมายมาตราเดียวกันตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 69 วรรคหนึ่ง เป็นความผิดเพียงกรรมเดียว
ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยฐานมีฝิ่นดิบและมีมูลฝิ่นเป็น 2 กรรมเป็นการไม่ชอบ แม้ไม่มีฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจแก้ไขเสียให้ถูกต้องได้
ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยฐานมีฝิ่นดิบและมีมูลฝิ่นเป็น 2 กรรมเป็นการไม่ชอบ แม้ไม่มีฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจแก้ไขเสียให้ถูกต้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4730/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษฐานมีฝิ่นและมูลฝิ่นเป็นกรรมเดียวภายใต้กฎหมายยาเสพติด
พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่2) พ.ศ. 2528 มาตรา 10 บัญญัติให้ฝิ่นหรือมูลฝิ่นเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 2 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 7 ดังนั้น การที่จำเลยมีฝิ่นดิบและมูลฝิ่นไว้ในความครอบครองจึงเป็นความผิดต่อบทกฎหมายมาตราเดียวกันตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 69 วรรคหนึ่ง เป็นความผิดเพียงกรรมเดียว
ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยฐานมีฝิ่นดิบและมีมูลฝิ่นเป็น 2กรรมเป็ฯการไม่ชอบ แม้ไม่มีฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจแก้ไขเสียให้ถูกต้องได้.
ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยฐานมีฝิ่นดิบและมีมูลฝิ่นเป็น 2กรรมเป็ฯการไม่ชอบ แม้ไม่มีฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจแก้ไขเสียให้ถูกต้องได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4623/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชี้ตัวผู้ต้องหาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และพยานที่รับสินบน ทำให้พยานหลักฐานไม่เพียงพอต่อการลงโทษ
หลังเกิดเหตุนานประมาณ 2 เดือน มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาสอบถามผู้เสียหายถึงเรื่องถูกคนร้ายชิงทรัพย์แล้วให้ไปดู ตัวและชี้ คนร้ายผู้เสียหายชี้ ว่าจำเลยเป็นคนร้าย แต่ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้ผู้เสียหายแอบดู จำเลยที่ม่านในห้องพนักงานสอบสวนก่อนชี้ ตัวเช่นนี้ จะรับฟังพยานหลักฐานดังกล่าวมาลงโทษจำเลยไม่ได้ พ. พยานโจทก์สามารถชี้ ตัวจำเลยว่าเป็นคนร้ายได้ถูกต้องเพราะได้รับเงินจากเจ้าหน้าที่ตำรวจถึง 400 บาท พยานปากนี้ได้กระทำไปโดยมีอามิสสินจ้าง จึงเป็นพยานที่ขาดน้ำหนัก ฟังลงโทษจำเลยไม่ได้เช่นกัน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4503/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงข้อหาจากปล้นทรัพย์เป็นรับของโจร และการลงโทษเกินอัตราโทษตามกฎหมาย
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันปล้นทรัพย์ แม้ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการพิจารณาฟังได้ว่า จำเลยกระทำความผิดฐานรับของโจรก็ไม่ถือว่าข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้องในสาระสำคัญอันเป็นเหตุให้ศาลยกฟ้อง เมื่อจำเลยมิได้หลงข้อต่อสู้ ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยในความผิดฐานรับของโจรตามที่พิจารณาได้ความได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรคสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4302/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานเป็นเจ้าของสถานการค้าประเวณีและดำรงชีพจากรายได้จากการค้าประเวณีเป็นกรรมเดียว ใช้บทหนักลงโทษได้
ข้อหาความผิดฐานเป็นเจ้าของและผู้จัดการสถานการค้าประเวณีและความผิดฐานดำรงชีพอยู่จากรายได้ของหญิงซึ่งค้าประเวณีในสถานการค้าประเวณีของจำเลยเองนั้นเป็นการกระทำกรรมเดียว เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทต้องใช้กฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 แม้จำเลยไม่ได้อุทธรณ์ฎีกา แต่การปรับบทลงโทษเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4140/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย เจตนาของผู้ร่วมกระทำผิดและการลงโทษตามบทหนัก
จำเลยทั้งสี่กับนายแม้วร่วมกับพวกพากันไปทำร้ายผู้อื่นเมื่อไปถึงที่เกิดเหตุมีการต่อสู้ชกต่อยกันแต่ฝ่ายจำเลยสู้ไม่ได้ ขณะที่ฝ่ายจำเลยกำลังหลบหนีออกไปจากที่เกิดเหตุ นายแม้วใช้อาวุธปืนยิงอีกฝ่ายซึ่งไล่ตามมา กระสุนปืนถูกผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บ บาดเจ็บสาหัสและถูก ส.ถึงแก่ความตายดังนี้เมื่อฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสี่รู้ว่านายแม้วมีอาวุธปืนไปด้วย ขณะวิวาทชกต่อยกันก็ไม่มีการใช้อาวุธใด ๆ จึงฟังไม่ได้ว่าการที่นายแม้วใช้อาวุธปืนยิงนั้นจำเลยทั้งสี่มีเจตนาร่วมกระทำผิดด้วย จำเลยทั้งสี่ไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80 ตามที่โจทก์ฟ้อง แต่มีความผิดตามมาตรา 290,295 และ 297 การกระทำของจำเลยทั้งสี่เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษตามมาตรา 290 ซึ่งเป็นบทหนัก และศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยทั้งสี่ตามมาตรา 290 ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4092/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ความผิดฐานมีอาวุธปืนโดยมิได้รับอนุญาต และการลงโทษในความผิดอาญาอื่นที่เชื่อมโยง
แม้ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตายแต่การที่ศาลจะลงโทษจำเลยในข้อหามีและพาอาวุธปืน ฯ โดยมิได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ นั้นโจทก์มีหน้าที่นำสืบให้เห็นว่าจำเลยกระทำผิดจริงเมื่อโจทก์มิได้นำสืบว่าจำเลยกระทำผิดตามพระราชบัญญัติดังกล่าวอย่างไร ปืนที่จำเลยใช้กระทำผิดเป็นปืนมีทะเบียนหรือไม่ไม่อาจทราบได้ จึงลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯไม่ได้ แต่ปรากฏว่าบริเวณที่เกิดเหตุอยู่ในหมู่บ้าน ศาลย่อมลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 ได้.